xs
xsm
sm
md
lg

ใกล้จะจบ “ทับทิม-ศรีริต้า” โอดคาดไม่ถึง “เมจิกสกิน” ผิดกฎหมาย ตร. ขอให้เชื่อใจ ผลตรวจสารล่าช้า ไม่กระทบคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รองผบ.ตร. เผยผลตรวจสารล่าช้าไม่กระทบคดี ส่วนกรณีฟันธงใครเข้าข่ายผิดหรือไม่ผิดยังไม่สรุป ต้องรอผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ยันทุกคนต้องรับผิดชอบคำพูด “ศรีริต้า” เลิกรับรีวิวแล้ว ยกเป็นกรณีศึกษา “ทับทิม” กังวล ไลฟ์สดบอกทุกคนให้เลิกใช้ ด้านเน็ตไอดอลซีด เป็นพรีเซ็นเตอร์ บอกรู้สึกเสียใจ ไม่รู้สินค้าผิดกฎหมาย

ใกล้ถึงบทสรุปกันแล้ว สำหรับการออกหมายเรียกคนดังเข้าให้ปากคำรีวิวสินค้าผิดกฎหมาย “เมจิกสกิน” โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 มิ.ย. เป็นคิว 4 คนดัง ประกอบด้วย ศรีริต้า เจนเซ่น,ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา,ขนเพชร เน็ตไอดอล และ เจสซี่ วาร์ด เข้าพบ “พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา” รอง ผบ.ตร. ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม รองผบ.ตร. ก็เผยว่าตอนนี้มีคนดังมาให้ปากคำตามหมายเรียกแล้ว57 ราย ยังเหลืออีก 2 ราย ที่จะเข้ามารายงานตัวในวันที่ 29 มิ.ย. ส่วนคนดังคนไหนเข้าข่ายผิดหรือไม่ผิด ยังต้องรอผลการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ ลั่นผลตรวจสารล่าช้าไม่กระทบคดี

พล.ต.ร.วิระชัย : “คดีเมจิกสกินออกหมายเรียกไป 59 ราย มารายงายตัวถึงวันนี้ 57 ราย ยังเหลืออีก 2 รายที่ออกหมายเรียกไปแล้วจะมารายงานตัวในวันที่ 29 มิ.ย. เวลา 13.00 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือคุณจุฑารัตน์ ทวนทองหรือเบอร์รี่หญิง แล้วก็คุณรถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ เป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 ส่วนที่มาในวันนี้มีทั้งหมด 4 ท่าน คือ คุณศรีริต้า เจนเซ่น โฆษณาวิตามินชิโนบิ คลิโอ เซรั่มเมซโซ่, ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา โฆษณาวิตามินชิโนบิ, กฤติเดช สมตน หรือ ขนเพชร เน็ตไอดอล โฆษณาวิตามินชิโนบิ สบู่เมซโซ่, เจสซี่ วาร์ด โฆษณาผลิตภัณฑ์คลิโอ”

ตอนนี้ผลการตรวจสารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่โฆษณายังไม่ได้รับกลับมา ถ้าได้รับกลับมาปุ๊บเราจะได้ไปสอบสวนกับผู้เชี่ยวชาญแล้วถึงจะมาสรุป เข้าคณะกรรมการสรุปว่าแต่ละคนผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิดนี่ผิดแค่ไหน ตัวผมก็เร่งผลทุกวันเลย วันนี้ผมจะไปพบผู้บริหารกรมนี้ด้วยตัวเองเลย ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะทำคู่ขนานกันไปกับการสอบสวนดารา แต่สุดท้ายแล้วเราไม่สามารถทำได้ เราไม่รู้ว่าในเครื่องสำอางสรรพคุณตรงกับที่เขาโฆษณารึเปล่า ถ้าสรรพคุณและสารที่มีอยู่ในเครื่องสำอางมันให้ผลตรงกับโฆษณาเขาก็โฆษณาไม่เกินจริง แต่ถ้ามันไม่ให้ผลตรง ไม่มีเลย แสดงว่าโฆษณาเกินจริง มันเป็นตัวสำคัญที่จะวิเคราะห์”

ถามว่านักวิชาการมีดุลพินิจในการเร่งของเราหรือไม่ มันมีขีดจำกัดในเรื่องของสารเคมีที่ตรวจ ที่อยู่ในนั้นมันใช้เวลา ก็ใช้พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจเป็นตัวตั้ง ส่วนเรานี่ก็เร่งสุดเร่ง แต่การเร่งถ้ามันไปติดขัดตรงพยานหลักฐานที่สำคัญ คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เราต้องรอตรงนั้น นักวิชาการไม่ได้ยึกยัก ผมเป็นข้าราชการ เขาต้องตอบ เขาต้องให้ปากคำอยู่แล้วครับ”

การรอเวลาไม่เป็นอุปสรรคในการรวบรวมหลักฐานเลยครับ เพราะขณะนี้ผมได้แยกสำนวนการสอบสวนเรื่องของโฆษณาออกมาต่างหาก คดีนี้ไม่มีถูกบีบรัดด้วยเรื่องของเวลา เพราะผมคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าผลประเภทนี้มาช้า ถ้าเราไปพ่วงกับคดีใหญ่จะทำให้มันพะรุงพะรัง ทำให้สำนวนสอบสวนเสร็จไม่ทัน ด้วยคดีการโฆษณานี้อัตราโทษต่ำการที่จะไปผลัดฟ้อง ฝากขังไม่สามารถกระทำได้มากครั้ง จึงต้องรอผลออกมาก่อนจึงจะแจ้งข้อหา เมื่อแจ้งข้อหาเสร็จก็สามารถดำเนินคดีได้เลย เลยแยกออกมาต่างหากทั้ง 59 รายที่เชิญมา ถ้าไม่ผิดก็เป็นพยาน ถ้าผิดก็แยกออกมาดำเนินคดีต่างหากในเรื่องของการโฆษณาโดยเฉพาะ”

ดาราผิดหรือไม่ผิด รอผลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
พล.ต.ร.วิระชัย : “รอผลตรวจกลับมาแล้ววิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เราเอาคำวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญครับ เขามีอาชีพนี้ เขาเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลทางด้านนี้ เขาจะชี้ได้ว่าผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิด ผิดเพียงใดแค่ไหน เอาตรงนี้มาใช้ ฟันธงเลยว่าพฤติกรรมต่างกัน การแสดงต่างกัน ผลย่อมต่างกัน”

ยืนยันว่าสำนวนเสร็จทันเวลา ตอนนี้ผมถือว่าผมทำให้เร็วที่สุด ในส่วนของตำรวจทำทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือวิเคราะห์สารเคมี ซึ่งผมเองจะต้องไปพบผู้ใหญ่เองว่าขอเป็นกรณีพิเศษ ทำยังไงก็ได้ให้มันผลออกมาเร็วที่สุด เพราะอย่างอื่นมันเร็วไม่ได้แล้ว เราก็ทำกันอยู่ครับ ในส่วนของเรื่องนี้ก็แยกออกมาเป็นคดีต่างหาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่อง 72 วัน คดี 3 คดีนั้นครับ”

ดาราทุกคนต้องรับผิดชอบคำพูดทั้งหมด
พล.ต.ร.วิระชัย : “ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน เดี๋ยวทางผู้เชี่ยวชาญจะมาวิเคราะห์ว่าใครผิด ใครไม่ผิด ดาราที่พูดหรือโฆษณาออกไปไม่ว่าจะพูดตามสคริปต์หรือว่าพูดเอง ต้องรับผิดชอบคำพูดทั้งหมด ในส่วนนี้ทางผู้เชี่ยวชาญจะมาสรุปว่าผิดมากน้อยเพียงใด แค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำพูดที่ออกมาเป็นหลักครับ”

ศรีริต้าเชื่อไม่มีใครอยากให้เกิด และจะไม่มีทางให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ศรีริต้า : “ตัวริต้าเป็นคนนึงที่ทางแบรนด์ส่งผลิตภัณฑ์ให้เราลองรับประทาน เขาก็ถามผู้จัดการว่าอยากจะให้เรารีวิวสินค้าตัวนี้ ผู้จัดการของริต้าก็ได้ไปเช็กว่าสินค้ามีเลขจดทะเบียนอย. มีเลขสินค้า ได้รับมาตรฐาน ริต้ามารีวิวเพราะริต้าก็ค่อนข้างมั่นใจ เนื่องจากเราเห็นมีสินค้าวางขายในท้องตลาด มีบิลบอร์ดเต็มไปหมด มีดารา นักแสดงมากมายที่มารับรีวิว เขาก็ส่งสิ่งพวกนี้มาให้เราดู เราก็มองว่ามันโอเค น่าเชื่อถือเรียบร้อยสมบูรณ์หมด เราได้ลองแล้วเราก็รู้สึกว่ามันโอเค เราก็เลยทำการรีวิว การรีวิวของเราก็จะอยู่ในอินสตาแกรมแค่ 5-7-10 วันแล้วเราก็ลบออก”

“ทางผู้จัดการจะบอกชัดเจนเลยว่าห้ามเอารูปของเราไปใช้ต่อ หรือเอาไปเขียนคำโปรยใดๆ ก็ตาม ซึ่งเขาก็ยังทำอยู่ดี มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราตงลงกันเอาไว้ ในความรู้สึกของริต้าในฐานะนักแสดงคนนึงก็อยากจะขอบคุณตำรวจและผู้สื่อข่าวทุกท่าน เพราะว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เกิดขึ้นตัวริต้าเองก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีเรื่องแบบนี้ในเมืองไทย มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ หลังจากนี้เราไม่มีทางที่จะให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเราอีกแน่นอนเลยค่ะ”

ปฏิเสธรีวิวสินค้าทุกอย่าง ถือเป็นเคสกรณีศึกษา
“ที่ผ่านมาก็มีคนติดต่อให้รีวิวสินค้าเยอะมากแต่เราปฏิเสธไปหมดเลยทุกอัน เคสนี้ถือเป็นกรณีศึกษาของริต้า ผู้จัดการของริต้าเลย หลังจากเคสนี้เราเองก็ไม่ได้รับอะไรแบบนี้อีกเลยตั้งแต่เรารู้เรื่อง ที่ผ่านมาเราก็เคยรับของสินค้าอื่น ทางผู้จัดการริต้าเราก็เช็กแบบเดียวกันนี่แหละค่ะ แต่ไม่มีอะไรผิดพลาดเลย ทางผู้จัดเองริต้าเองเขาก็ค่อนข้างระวังตัวอยู่แล้ว ปกติสินค้าประเภทนี้เราไม่รับอยู่แล้วแต่อันนี้เราเห็นว่าเขามีการทำการตลาด มีเอเจนซี่มาติดต่อเราเป็นเรื่องเป็นราว มีบล็อกเกอร์ มีการรีวิวให้เราเห็นตามท้องตลาดมากพอสมควรเราก็เลยคิดว่ามันน่าเชื่อถือได้ เรื่องป้องกันไม่ให้สินค้าที่รีวิวทำร้ายคนอื่น เป็นสิ่งที่ริต้ากังวลมากที่สุดค่ะ ก็คงต้องเช็กให้ละเอียดหากจะรีวิวสินค้าอันอื่นต่อๆ ไป”

“ทับทิม มัลลิกา” ตกใจ คาดไม่ถึงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไลฟ์สดขอให้ทุกคนเลิกใช้
ทับทิม : “ตอนทราบเรื่องตกใจมากค่ะ ผู้จัดการก็ตรวจสอบโดยภาพรวมมาเรียบร้อยแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือจริงๆ ไปสนามบินเราเจอบิลบอร์ด คนรีวิวเยอะ เลข อย. ก็ขึ้น แต่ไม่ทราบเลยว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็รู้สึกเสียใจ ตัวทับทิมพอทราบเรื่องก็ไลฟ์สดในไอจีให้ข้อมูลคนที่ติดตามเรา ว่าเราเคยรีวิวสินค้าชิ้นนี้นะใครที่เห็นตามตลาดหรือใช้อยู่ก็ขอให้เลิกใช้ เราก็ให้ข้อมูลไปบางส่วน

“ขนเพชร” เสียใจ แม้ไม่ได้ดังแต่รีวิวสินค้าไม่ถูกกฎหมาย
ขนเพชร : “หลังจากที่ได้ข่าวเมจิกสกินว่าเป็นการสวมอย. แล้วก็เป็นผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานตามที่แจ้งไว้ตั้งแต่แรก รู้สึกตกใจเพราะก่อนหน้าที่จะรับงานทางแบรนด์ก็ได้มีข้อเสนอ มีเอกสารมาให้ดูว่ามันเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานถูกต้อง มีดารารีวิวเยอะมาก มันก็ทำให้เรารู้สึกเชื่อถือในตัวสินค้า ตัดสินใจรับรีวิว ซึ่งเราก็ได้ทดลองใช้เองจริง ผลคือเราไม่ได้แพ้ ไม่มีเอฟเฟ็กต์อะไร ก็เลยรับรีวิว แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นเราก็รู้สึกเสียใจนิดนึงว่าก็คนมีชื่อเสียง ถึงแม้จะไม่ได้ดังมาก แต่เราก็รับรีวิวสินค้าที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รู้สึกว่าเราต้องออกมาทำอะไรเพื่อที่จะให้คนที่ได้เสพสิ่งที่เรารีวิวไปว่าเราผิดจริงๆ ที่เราไปรับรีวิวตรงนั้นแต่เราก็ไม่สามารถจะไปตรวจสอบได้อย่างละเอียด เราไม่รู้เลยว่าเขาสวมอย.”

“เจสซี่” ขอโทษเยาวชน รับพรีเซ็นเตอร์ โดยไม่ได้ตรวจสอบ
เจสซี่ : “รู้สึกแย่กับสิ่งที่ทำลงไปเพราะเราได้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางสินค้า ถ่ายรูปเอาไปใช้เพื่อการโฆษณาโดยเราไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย เรารู้สึกว่าเราไปนำเสนอสิ่งที่ผิดบนโลกโซเชียล อยากจะขอโทษเยาวชนและเด็กๆ ทุกท่านที่นำเสนอในสิ่งที่ผิด ต่อไปนี่จะรับงานอะไรก็จะดูให้ดีกว่านี้ เจสซี่เองก็ได้มีการโพสต์ขอโทษในเฟซบุ๊กไปแล้วด้วยค่ะ”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)








กำลังโหลดความคิดเห็น