“ลำไย ไหทองคำ” ไร้ปัญหากับทางค่าย แบ่งผลประโยชน์ลงตัวต่างกับ “อาม” คนแต่งเพลงผู้สาวขาเลาะที่ออกมาเปิดศึกกับทางค่ายเพราะได้ค่าตัวน้อย เผยกรณีโดนผู้จัดการเก่าฟ้อง ตอนไม่ดังไม่ฟ้อง พอมีเงินมีรายได้กลับจะมาฟ้อง
หลังจากที่ “อาม ชุติมา” ผู้แต่งเพลง ผู้สาวขาเลาะ ออกมาแฉค่ายเพลงไหทองคำ ถึงเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวพร้อมทั้งประกาศตัดขาดจากค่ายเพลง ล่าสุดเจอ “ลำไย ไหทองคำ” ในงานเปิดภาพยนตร์ The Lake บึงกาฬ เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ลำบากใจเพราะเป็นคนกลาง อยากจะให้ทางค่ายและอามตกลงกันด้วยดี พร้อมทั้งเผยในส่วนผลประโยชน์ของตนไม่มีปัญหา แม้จะไม่ได้ส่วนแบ่งจากค่ายกรณีเพลงผู้สาวทะลุ 600 ล้านวิวก็ตาม
“ก็ทราบค่ะว่ามีปัญหากันกับทางค่าย ต้องบอกก่อนว่าก็หนักใจค่ะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราก็เป็นคนกลางด้วย ซึ่งเราอยู่ในค่ายด้วย ก็สนิทกับน้องด้วยเราก็ทำอะไรได้ไม่มากค่ะ ก่อนที่น้องอามจะออกไป น้องก็มีทักมาทางเฟซบุ๊กบอกเราว่าพี่ลำไยอามจะไม่อยู่แล้วนะอามอึดอัด เราก็โทรไปหาน้องก็มีการพูดคุยกันก็ให้กำลังใจกัน แล้วน้องก็บอกว่าอยู่ตรงนั้นก็สู้ๆนะดูแลตัวเอง อามอยู่ตรงนี้อามสบายใจกว่า”
คาดชนวนเหตุน่าจะเกิดจากผลประโยชน์ไม่ลงตัว
“ก็น่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์อะไรประมาณนี้ค่ะ ความจริงคืออามรับค่าตัวจากทางค่ายเอง ตัวเราไม่ได้เป็นคนทราบว่าเท่าไหร่หรือรับยังไง เพราะว่าค่าตัวเราเองเราก็ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ น้องก็ไม่ได้บอกค่ะ ก็แค่มาบอกว่าไม่ได้อยู่แล้วนะ แค่นี้ค่ะ”
“อาม” บอกว่าได้ค่าตัวน้อย แต่ในส่วนค่าตัวของ “ลำไย” เจ้าตัวบอกไม่มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์
“ส่วนตัวเราตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ปกติดีค่ะ แต่ส่วนของน้องก็จากที่ดูข่าวก็ประมาณหมื่นห้าค่ะ อันนี้น่าจะเป็นส่วนของค่าตัวตามงานคอนเสิร์ตมากกว่าค่ะ ถ้าเป็นเรื่องเพลงเราก็ไม่แน่ใจว่าต้องจ่ายกันยังไง เราก็ไม่มีความรู้ด้านนั้น”
หลังจากที่ “อาม”ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉเรื่องผลประโยชน์ของค่ายไหทองคำ “ลำไย” ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับอามอีก แต่ก็หวังจะให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันด้วยดี
“ยังเลยค่ะ ช่วงนี้ยังไม่ได้ติดต่อกันเลย น้องก็น่าจะยุ่งอยู่ เราก็เดินสายคอนเสิร์ตด้วยค่ะ ส่วนของทางค่ายเราก็ไม่ทราบค่ะ เพราะว่าก็ยังไม่ได้เจออาจารย์ประจักษ์เลยอยู่คนละส่วนกัน เราก็อยู่อีกส่วนหนึ่งอาจารย์ก็จะอยู่ในออฟฟิศอีกส่วนหนึ่ง ก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว ความจริงอยากให้จบลงด้วยดีค่ะ แล้วก็อยากให้ทุกอย่างมันผ่านไปด้วยดี ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอยู่แล้ว”
เผยไม่ได้ส่วนแบ่งจากยูทูป 600 ล้านวิวเช่นกันกับ “อาม” แต่ผลประโยชน์อย่างอื่นลงตัว
“ตัวลำไยเองก็ได้เงินจากยอดวิวเหมือนกันค่ะได้แค่งานคอนเสิร์ตเหมือนกันค่ะ ส่วนอื่นเราก็ไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรค่ะ ในส่วนของเราที่ได้รับที่ผ่านมาก็น่าจะประมาณนั้นค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าลำไยได้เยอะ แต่ความจริงคือที่เราได้เยอะเมื่อปีที่แล้วเนี่ย อาจจะเป็นเพราะว่าวันหนึ่งเราวิ่งหลายงานด้วยเลยทำให้ได้มากกว่า”
“ในส่วนของอามคือเรื่องค่าตัวเราก็ไม่ทราบว่า ทางค่ายรับน้องมาเท่าไหร่ หรือรับเรามาเท่าไหร่ แล้วแบ่งน้องเท่าไหร่ เราไม่ทราบรายละเอียดยิบย่อย แต่ส่วนที่เราได้คือ เราไม่ต้องดูแลอะไรเลยเรื่องรถเรื่องอะไรทุกอย่าง คือทางค่ายจะหักออกหมด แล้วจ่ายแค่ส่วนของเรามา คือเราก็ไม่ต้องดูแลอะไร ไม่ต้องจ่ายค่าคนขับรถ ไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลยค่ะ”
“ก็อยากให้แฟนเข้าใจว่า ความจริงลำไยเองก็หนักใจเหมือนกัน แล้วก็ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ในความที่เราเป็นคนกลาง เราก็ทำอะไรไม่ได้ เราจะไปฝั่งหนึ่งฝั่งใดมากเกินไปก็ไม่ได้ ก็อยากให้แฟนๆเข้าใจว่าความจริงเราเป็นห่วงทั้งสองคน เราไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นด้วยซ้ำค่ะ”
ส่วนกรณีที่โดน “ณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์” ผู้จัดการคนเก่าฟ้องที่มาเซ็นสัญญากับค่ายไหทองคำนั้น เจ้าตัวบอกว่า ไม่หนักใจ เผยตอนไม่ดังก็ไม่ฟ้อง พอเริ่มดังมีชื่อเสียงมีงานก็ฟ้อง
“อันนั้นก็อยู่ในชั้นศาลเรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวติดตามกันว่ายังไง เพราะเรื่องสัญญามันมีรายละเอียดมากกว่านั้นค่ะตอนนั้นที่เราไปเซ็นสัญญาเราไปกับแม่ 2 คน ซึ่งสัญญาตอนนั้นคุณพ่อก็ไม่ได้เซ็นด้วย สัญญานั้นเราไม่ได้เป็นคนถือสัญญา คือปกติเวลาเราเซ็นสัญญาเราจะเซ็นสัญญาทั้งสองฝ่าย ถือคนละฉบับ แต่ตัวเราเองเคยถามหลายครั้งแล้วเรื่องสัญญา แต่ก็ไม่ได้สัญญา”
“ก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่ารูปแบบอะไรค่ะ เพราะว่าเราไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่คือก่อนที่จะออกมาก็มีการบอกกล่าวกันเรียบร้อยแล้ว คือมันมีเรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของการรับงาน ที่เขาบอกเราว่ามีงาน แต่สุดท้ายก็บอกว่าไม่มี คือหลายครั้งมาก จนมีปากเสียงกับคุณแม่ ซึ่งทางนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าเราขอแยกออกมา ก็รู้ว่าเรามาใช้ชื่อลำไย ไหทองคำ ประมาณปีหนึ่งได้แล้ว ซึ่งปีนั้นเขาก็ทราบ จนมีคนมาใช้ชื่อหอยแครง แสงตะวัน แทนเราไปแล้วค่ะ เพิ่งมาดำเนินการฟ้องกัน”
“ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไมมาฟ้อง ก็อาจจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ก็ได้ค่ะ เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ไม่เข้าใครออกใครค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราจะโดนฟ้อง เขาไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลย คือหายไปเลยประมาณหนึ่งปี แล้วก่อนที่เราจะมามีกระแส ตอนที่ยังไม่มีเพลงเขาก็ไม่ได้ติดต่อมากลับมาเลย แต่พอเราเริ่มมีรายได้ เริ่มมีเพลงก็เลยเริ่มมีปัญหากัน ตอนนี้ไม่ได้กังวลเลยค่ะ เพราะว่าอยู่ในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็น่าจะเคลียร์กัน เพราะตอนนี้ผู้ใหญ่ก็กำลังจัดการอยู่ ไม่แน่ใจค่ะว่าเรียกเท่าไหร่น่าจะประมาณ 3 ล้านค่ะ”