“กันต์” โต้ครหา เรตติ้ง The mask singer ร่วง ค่าโฆษณาลด เพราะพิธีกรไม่สนุก ฝากบอก “เสี่ยตา” ยินดีให้เปลี่ยนตัว

“กันต์” เฉยๆ เรตติ้ง The mask singer ร่วง ยินดีให้เปลี่ยนตัวพิธีกรหากเป็นเพราะตน แต่มองเป็นเรื่องปกติ เคยสร้างปรากฎการณ์สูงที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่รู้เรื่องค่าโฆษณาที่ลดลง

ถูกวิจารณ์หนักหน่วงถึงความไม่น่าสนใจรายการ The mask singer ส่งผลให้เรตติ้งที่เคยพุ่งพรวดชนะทุกช่อง ร่วมต่ำลงเรื่อยๆ ถึงขนาดบางส่วนวิจารณ์ว่าต้องเปลี่ยนตัวพิธีกร รายการถึงจะสนุกขึ้น ล่าสุดได้เจอตัว “กันต์ กันตถาวร” เจ้าตัวบอกถ้าเปลี่ยนแล้วดีขึ้นก็ยินดี แต่มองว่าเรตติ้งลดลงเป็นเรื่องปกติ เพราะเคยสร้างปรากฎการณ์สูงสดมาก่อน

“เรตติ้งตกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะครับ ไม่มีอะไรดีเท่าของใหม่แน่นอน แต่ ณ เรตติ้งที่มันตกลงสุดท้ายสิ่งที่เราได้มามากกว่านั้นก็คือความรักที่ครอบครัวมีให้ต่อกัน กับการเป็นรายการที่คนมาดูประจำเนื่องจากเป็นรายการบันเทิง และเป็นรายการของครอบครัวที่ต่อให้มันมีคำหยาบคายบ้าง ต่อให้มันมีอะไรที่ล่อแหลมบ้าง เชื่อว่าพอครอบครัวได้มานั่งอยู่ด้วยกันมันมีปฏิสัมพันธ์ เช่น มีการพูดคำหยาบกันในรายการ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสอนลูกได้ว่าอย่าเอาเป็นตัวอย่างนะลูก แต่นี่เขาเล่นกันไม่เป็นไร หรือมันเกิดอะไรที่ล่อแหลมในเรื่องทางเพศอะไรก็แล้วแต่ มันจะเกิดการสอนและปฏิสัมพันธ์ของคนในครอบครัวขึ้น มันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ครับในเรื่องของทั้งคอนเทนต์และรูปแบบในการนำเสนอ มันจะสบายๆ มากขึ้น เหมือนเพื่อนมาอยู่ด้วยกัน”

เมินถูกวิจารณ์หากเปลี่ยนพิธีกรเรตติ้งจะดีขึ้น ไม่ทราบเรื่องค่าโฆษณาที่น้อยลง
“ถ้าเปลี่ยนแล้วดีขึ้นผมก็ยินดีนะ จริงๆ (หัวเราะ) ก็เอาเท่าที่เราทำได้และมอบความสุขให้กับคนดูเท่านั้นก็โอเคแล้ว ผมไม่นอยด์นะ คือสำหรับคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ละครการได้เรตติ้งเท่านี้ถือว่าเป็นเรตติ้งที่สูงมาก เพียงแต่ ณ วันแรกที่เราได้เห็นปรากฏการณ์ของ The Mask Singer มันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลา 10 ปีแล้ว เรตติ้งมันขึ้นไปถึง 13-14 จริงๆ เป็นสิ่งที่พวกเราก็ไม่คิดฝันเหมือนกัน พอมันเกิดแบบนั้นปั๊บไม่แปลกครับ มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน”

“ปัจจุบันมันจะน้อยกว่า 14 มันคือเรื่องปกตินะ ไม่มีใครทำได้แบบนั้นตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เรตติ้งโดยเฉลี่ยมันยังเป็นเรตติ้งที่สูงอยู่ต่อคอนเทนต์ๆ หนึ่งอยู่แล้ว ฉะนั้นผมว่าทีมงานทุกคนทำงานด้วยความแฮปปี้ แต่เราก็ถูกสอนมาจากพี่ตา (ปัญญา นิรันดร์กุล) ว่าเราอย่าเคยชินว่ามันดีแล้วก็ปล่อยมันไป เราต้องดีขึ้นกว่าเดิมอีก เราจะทำอะไรพัฒนามันได้บ้างก็ทำให้มันดีที่สุดจนกว่าจะไม่มีคนดู ส่วนเรื่องค่าโฆษณาที่น้อยลงเพราะเรตติ้งตก อันนี้ไม่ทราบ น่าจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่าครับ”

งานแต่งคืบหน้าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
“ตอนนี้เรื่องงานแต่งก็ประมาณ 80-90% แล้วครับ ก็เตรียมครบแล้ว เหลือแค่การลงมือปฏิบัติ เดี๋ยวจะไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันอาทิตย์หน้านี้แล้วครับ ก็จะถ่ายที่สตูดิโอแถวบ้านนี่แหละครับ เอาน้องหมาไปถ่ายด้วย แต่จากที่น้องหมาโดนกัดเลยต้องไปตัดชุดน้องหมาใหม่ เพื่อเป็นการปิดหน้าอกกับปิดขาเขาเพราะไม่อยากเลื่อนแล้ว เพราะเราต้องเอารูปไปไว้ในการ์ดและถ้าเลื่อนอีกการ์ดก็บอกว่ามันจะไม่ทัน เราเลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนคือตัดสูทให้เขาใหม่”

“ใส่กี่ชุดยังไม่ทราบเลยครับ (หัวเราะ) ก็น่าจะมี 4-5 ชุดแหละ เพราะพลอยเป็นคนเลือกชุดครับ ก็อยากให้เป็นเสื้อผ้าที่เราใช้ในชีวิตจริง อาจจะมีชุดธีมงานแต่งบ้าง ส่วนที่จะไปต่างประเทศกันก็คงจะถ่ายรูปมาเพิ่มเติมด้วย แต่จะเป็นการสแน็ปถ่ายมากกว่าจะเป็นการไปเซ็ตถ่ายขนาดนั้น”

เครียดเรื่องเชิญแขก ตั้งเป้า 2 พัน ยังลิสต์รายชื่อไม่ครบ
“ตอนนี้ยังเครียดอยู่เลยครับ (หัวเราะ) ประมาณ 1,500-2,000 คน ตอนนี้ลิสต์ยังไม่ครบเลยครับ ต้องพรีลิสต์กันประมาณ 4-5 รอบเลยครับ เชิญเยอะครับ หลายคนที่เคยร่วมงานด้วยทุกคนก็เชิญหมด เพื่อนเจ้าบ่าวเป็นเพื่อนที่เรียนจุฬาฯ มาด้วยกันครับ เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ส่วนของคุณพลอยก็จะเป็นแก๊งๆ เพื่อนเขา”

มอบรางวัลพิธีกรแห่งปีไนน์เอ็นเตอร์เทน 2018 ให้ทุกคนที่ร่วมงาน รับบางคนน็อก บางคนเป็นลม แต่มีความสุข
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณทีมงานทุกคนครับ ผมว่ามันเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำงานดีๆ ต่อไปและพัฒนาไปในทุกปี ซึ่งรางวัลนี้ผมก็ส่งไลน์ไปในกรุ๊ปไลน์ของทีมงานทุกกรุ๊ปของทุกรายการว่าอันนี้เราเอามาให้ทุกคน เราถือว่าเราเป็นแม่ทัพ เป็นคนที่อยู่ข้างหน้า แต่กว่าที่เราจะยืนอยู่บนเวทีตรงนั้นได้อย่างสง่างาม มีกี่กล้องที่ถ่ายเรา มีกี่ไฟที่ทำให้ดูสวยหล่อ มีทีมงานครีเอทีฟกี่คนที่เตรียมคอนเทนต์มาจนเราเข้าใจได้ ผู้เข้าแข่งขัน ผู้ร่วมรายการตั้งกี่คน ถือว่ารางวัลนี้เป็นรางวัลสำหรับทุกคนครับ ก็บอกว่าเป็นแรงใจนะที่เราทุกคนต้องตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ทำงานกันเกือบจะน็อกรอบ บางคนเป็นลม แต่เราทำให้คนมีความสุขนะ เราทำให้ทุกคนได้เห็นว่าจริงๆ แล้วรายการทีวีมันไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง มันยังเป็นสื่อกลางที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางครอบครัวได้ด้วย เราจงภูมิใจและทำผลงานที่เรารักต่อไปครับ”