“เจษ เจษฎ์พิพัฒ” เผยเคยถูก “ไก่ วรายุฑ” ตามหาเพราะอยากชมซึ่งหน้า ถ้ามีโอกาสอยากร่วมงานด้วยสักครั้งหนึ่ง สถานะหวานใจไม่ขยับ ไม่อยากเอาคำว่าแฟนมาจำกัดกัน แอบหวั่นระยะทางเป็นอุปสรรค อีกฝ่ายกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก 2 ปี ไม่รั้งหากเจอคนที่ดีกว่า ย้ำคบกันไม่มีสถานะ เป็นข้อตกลงตั้งแต่คบกันครั้งแรก
ถูกผู้จัดรุ่นใหญ่ “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” ประกาศออกสื่อ อยากได้ตัว “เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” มาร่วมงานด้วย ถึงขนาดเอ่ยปากขอ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ไปแล้ว ด้านพระเอกหนุ่มก็เผยว่ารู้สึกดีใจมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากร่วมงานสักครั้งหนึ่ง
“กับพี่ไก่เราเจอกันหลายรอบแล้ว ผมเองก็เคยไปช่วยงานพี่ไก่อยู่ ชอบเจอพี่ไก่ตามงานกาล่าละครเวที มีพูดคุยกัน เขาก็ชมว่าชอบนะ ดูละครแล้วชอบ ถ้ามีโอกาสก็อยากร่วมงานด้วย คือพี่เขาก็มีมาติดต่อบ้าง แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงขั้นพี่บอย พี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) ยังไง แต่กับตัวผมคือรู้แค่ว่าพี่ไก่ฝากคนมาชมหลายครั้ง”
“ถามว่าอยากร่วมงานมั้ย ถ้ามีโอกาสและคิวเราได้ ก็อยากไปครับ คือดีใจที่มีผู้จัดต่างช่องเล็งเห็นฝีมือเราครับ จริงๆ เป็นผู้ใหญ่คนนึงที่เรานับถือในวงการอยู่แล้ว อยู่ๆ เดินมาชมเราเลย มีครั้งนึงที่พี่เขาพยายามหาตัวเราให้เจอ และอยากจะชมต่อหน้า คือเราทำงานแล้วมีคนเห็น เราก็ภูมิใจที่เราได้ตั้งใจทำงานออกไปให้ดี”
บอกให้ไปขอ “บอย ถกลเกียรติ” อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
“ไปเลยครับ (หัวเราะ) คือถามว่าผมอยากไปร่วมงานกับพี่ไก่มั้ย คือมันก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ผมก็อยากจะไปและเรานับถือพี่ไก่อยู่แล้ว ดูละครพี่ไก่อยู่แล้ว ถ้าได้เล่นก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ส่วนตัวผมยังไม่ได้มีโอกาสคุยอะไรกับพี่บอยครับ คือเรารู้คร่าวๆ จากเวลาพี่ไก่ฝากคนมาชมและพี่ไก่เดินเข้ามาหา แต่เพิ่งจะเห็นข่าวบอกอยากร่วมงาน คือคงต้องรอผู้ใหญ่ครับ”
“เล่นนอกค่ายมันก็กดดันครับ และก็แปลว่าเราห้ามพลาด ต้องทำให้ดีที่สุดที่ต้องทำได้ แต่ถามว่าผมรู้มั้ยว่าพี่ไก่เวลาทำงานเด็ดขาด อันนี้ผมโอเค เพราะพี่ป้อนก็ได้อยู่ครับ เรื่องความเคี่ยวกับงาน ความเป๊ะ (หัวเราะ)”
เผยเพื่อนสนิทกำลังจะไปเมืองนอก 2 ปี เป็นโอกาสที่ดีเรื่องการศึกษา ไม่รั้งหากมีคนที่ดีกว่า ไม่จำกัดด้วยคำแค่คำเดียว
“เพื่อนผมอะเหรอครับ คุยมานานแล้วก็จริง แต่เพื่อนครับๆ ก็กำลังจะไปครับเดือนนี้ ไปประมาณ 2 ปี ผมไม่ต้องทำใจอะไร เราไม่ได้เสียใจอะไร เราต้องเข้าใจ มันเป็นโอกาสที่ดีของคนที่จะมีการศึกษาต่อ”
“เรื่องขยับฐานะถามว่าติดขัดอะไร ก็ไม่ได้ติดอะไร แต่พอเราโต เราไม่อยากจะใช้คำเหล่านี้เพื่อมาจำกัด พอยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะมาจริงจังกับเรื่องนี้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ปล่อยให้ใครต่อใครไปทำอะไรของตัวเองดีกว่า เขาจะไปเรียน เราจะไปทำงาน จะได้ไม่ต้องมากังวลว่าเรามีสถานะแบบนี้นะ ต้องคุยกันทุกวัน ต้องดูแลใกล้ชิดกัน มันจะกลายเป็นปัญหาหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้เป็นข้อตกลงกันมาตั้งแต่แรกของเราแล้ว”
“เรื่องระยะทางก็กังวลนิดหน่อย แต่เราพยายามเข้าใจและทำงานของเรา ก่อร่างสร้างตัวไป เขาก็ไปเรียนต่อ ดีทั้งสองฝ่าย คิดแบบนี้ดีกว่า เรื่องหนุ่มใหม่มาจีบเขา หรือสาวจะเข้าหาเรา เพราะคบกันไม่มีสถานะ ผมว่าเราโตแล้ว ถ้าเกิดดีกว่าจริงๆ แล้วความรู้สึกมันไปจริงๆ เราก็ไม่ควรมานั่งห้ามกัน มันไม่ควรเอาคำเดียวมาจำกัดว่าคุณต้องอยู่กับเรา ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม เราใช้ความเชื่อใจและความรู้สึกเข้ามากกว่าครับ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)