“ช่อง 3” รอลุ้น “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” สู้กับกสทช. แพ้หรือชนะ ถ้าผลเป็นไปได้สวยอาจพิจารณาคืนช่อง 13 และ 28 เพราะขาดทุนยับ โนคอมเม้นต์ ครอบครัว “ประวิทย์ มาลีนนท์” ทิ้งหุ้นช่อง 3 เกลี้ยง ยันยังใช้ทีมบริหารชุดเดิมและตั้งใจทำงานให้บรรลุเป้าหมายถูกใจผู้ชมและเอเจนซี่มากกว่าสนใจเรื่องอื่น
แม้เรตติ้งละครบุพเพสันนิสวาสจะกู้วิกฤตเรตติ้งช่อง 3 มาอย่างสง่างาม สร้างรายได้กว่า 500 ล้าน มากกว่าผลกำไรทั้งปีของช่อง 3 ปี 60 ที่มีกำไรเพียง 61 ล้านเท่านั้น แต่ก็ยังเจอกระแสครอบครัว “ประวิทย์ มาลีนนท์” ทิ้งหุ้นช่อง 3 เกลี้ยง สร้างความตกใจให้กับนักลงทุนว่าเกิดอะไรขึ้นกับช่อง 3 และหลังจากบุกระแสของบุพเพสันนิวาสจบลงจะมีละครเรื่องอื่นมาสร้างรายได้ให้กับช่อง 3 ได้ถล่มทลายแบบนี้ได้อีกหรือไม่ โดยเฉพาะละคร “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” นำแสดงโดย “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” และ “เจมส์จิ จิรายุ ตั้งศรีสุข” รับไม้ต่อจากบุพเพสันนิวาสถูกจับตามากที่สุดว่าจะเปรี้ยงปร้างเหมือนบุพเพสันนิวาสหรือไม่ รวมไปถึงสถานการณ์ของช่อง 13 Family และ ช่อง 28 ที่ช่อง 3 แบกภาระไว้มากมาย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ช่อง 3 อาจจะเดินตามรอย “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ที่ทิ้งทุ่นกสทช. ไม่จ่ายค่าสัปทานทีวีดิจิตอลและไปสู้กันในชั้นศาล ซึ่งปรากฏว่า เพราะศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาสรุปได้ว่า ไทยทีวีบอกเลิกทำทีวีดิจิตอล 2 ช่อง คือไทยทีวี และโลกานั้นไม่ผิด และไม่ต้องจ่ายเงินค่า ซึ่งเรื่องนี้ "ตี๋ ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย" หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท บีอีซี เวิล์ด จำกัด กล่าวว่า ช่อง 3 กำลังดูผลลัพท์ของการตู้ของเจ๊ติ๋มครั้งนี้อยู่ว่าจะลงเอยอย่างไรในชั้นศาลอุธรณ์จึงจะพิจารณามาตรการต่อไปว่าจะดำเนินการช่อง 13 Family และ ช่อง 28 ตามเจ๊ติ๋มทีวีพูลหรือไม่
“มีหลายคนพูดมันมีแนวทางมาจาก พี่ติ๋ม ทีวีพูล ถ้าเกิดจะทำตามแนวทางของพี่ติ๋มคงต้องรออีก 1 - 2 ปี เพราะว่าเรื่องยังไม่จบ ยังต้องมีการอุทธรณ์พอผ่านไปถึงศาลอุทธรณ์ ผลจะเป็นยังไงเราก็ยังไม่ทราบ ในมุมของช่อง 3 จะพูดว่าคืนหรือไม่คืนนั้น มันต้องรอดูกรณีตัวอย่างให้ถึงที่สุดก่อน เราต้องยอมรับว่าการแข่งขันเยอะจริงๆ”
“ตอนนี้ช่อง 13 Family เราก็ต้องทำให้มันสร้างรายได้ ณ วันนี้อาจจะไม่ได้เป็นตัวหลักในการสร้างรายได้ แต่เป็นช่อง 33 เป็นตัวหลักการแข่งขันกันสูง อีกอย่างช่อง 13 ก็มีเอกลักษณ์ของเขาเป็นรายการสำหรับครอบครัวจริงๆ ตัวรายการมีคุณค่าทำให้คนพูดถึงครอบครัวมากขึ้นด้วย สำหรับช่อง 13 กับ 18 ผมมองว่าเหนื่อยมากกว่าครับ”
นอกจากจะต้องแบกรับภาระช่อง 13 Family และช่อง 28 แล้วขณะนี้ช่อง 3 ก็ยังเจอปัญหา ครอบครัว ประวิทย์ มาลีนนท์ ทิ้งหุ้นช่อง 3 หมดเกลี้ยง ทำเอาหลายๆ คนรู้สึกตกใจ เพราะประวิทย์เปรียบเสมือนโลโก้ของช่อง 3 และต่อไปจะมีการปรับปรุงการบริหารกันใหม่อย่างไร เป็นเรื่องที่ ตี๋ ชาคริต ยังไม่อยากให้รายละเอียด ได้แต่ยืนยันว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะสร้างผลงานออกมาให้ดีที่สุด
“อันนี้ตอบไม่ได้เลย ขอไม่ตอบ ไม่มีคอมเม้นต์เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมเห็นข่าวนี้แล้วเราก็ยังทำงานกันปกติเพื่อให้ช่อง 3 เป็นที่รักของคน ผมขอไม่คอมเม้นต์ว่า จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม คือจริงๆ กลยุทธ์ทุกอย่างเราทำตามลูกค้าตามผู้ชมตลอดเวลา อันนั้นมากกว่าเป็นสิ่งที่เราต้องทำ เราต้องรักษาระดับความสนใจของลูกค้าเรา และความน่าเชื่อถือของเราในสายตาของลูกค้าและเอเจนซี่ สร้างเรตติ้งให้เป็นที่พอใจของคน ผมว่าตรงนั้นเป็นสิ่งที่เราทำต่อไปมากกว่า เรื่องอื่นๆ อาจจะเป็นเรื่องรองลงมา ซึ่งตอนนี้การทำงานก็ยังเป็นชุดเดิมอยู่ครับ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งขณะนี้สัมปทานของช่อง 3 จะหมดลงปี 2563 ตารางจากนั้นคงจะไม่มีอนาล็อก จริงๆ อันนี้เป็นเรื่องตามกฏหมายและตามสัมปทาน เป็นดิจิตอลเต็มตัว”
ส่วนละคร “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่จะมาแทนละครบุพเพสันนิวาส ที่ถูกจับตาว่าจะโกยเรตติ้งให้ช่อง 3 ได้ถล่มทลายเช่นเดียวกับบุพเพสันนิวาสนั้น ผู้บริหารช่อง 3 บอกว่า เป็นละครที่มีความต่อเนื่องทางด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ประวัติศาสตร์กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน
"จริงๆ ละครหนึ่งด้าวเป็นละครประวัติศาสตร์ ด้วยความคาดหวังจากละครเรื่องบุพเพฯ ที่เรตติ้งดีผมเชื่อว่า หลายคนก็ย่อมคาดหวังเหมือนกันว่า เป็นอย่างไรบ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องลองดู วันนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะตอบ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แล้วคนไทยปลุกกระแสความสนใจ และเป็นประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงท้าย คนสนใจมากขึ้น"
ว่ากันว่าความแรงของบุพเพสันนิวาสทำให้เอเจนซี่มั่นใจกับละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียวกันมาก ถึงขั้นซื้อโฆษณาเรื่องนี้ไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว
"เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่องครับ แต่ก็คิดว่าน่าจะเยอะนะ (เห็นว่าก่อนบุพเพฯจบโฆษณาเข้าหนึ่งด้าวฯ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว?) ถ้าตามเทรนด์ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ปกติแล้วในช่วงธุรกิจแบบนี้การลุ้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เราต้องทำงานหนักมากขึ้นนะ คงจะบอกไม่ได้ว่าการประสบความสำเร็จช่วงหนึ่งแล้วมันจะหมายถึงตลอดไป แต่ว่าเราต้องทำสิ่งนี้ตลอดไป ทำเรื่องดีๆ ต่อไป คอนเทนต์ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องเดียวที่เป็นข่าวดีของเราคือบุพเพสันนิวาส"
และนับตั้งแต่ "บุพเพสันนิวาส" โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ก็ทำให้หุ้นของช่อง 3 ขึ้นจาก 10 ไปที่ 13 เลยทีเดียว
"เรื่องหุ้นมีคนถามผมเยอะ แต่ว่ามันมีส่วนผสมหลายอย่าง ตอบยากนะว่ามาจากละครอย่างเดียวหรือเปล่า จริงๆ มันก็มีส่วนแหละ แต่ว่ามันมีส่วนประกอบหลายอย่าง"
โต้ตอนพิเศษ 3 ตอนของบุพเพสันนิวาส ทำเพื่อขายโฆษณา
"ตอนนี้เราจะมีรีรันในเดือน พ.ค. ตอนนั้นจะมีฉากที่เพิ่มขึ้นนะ จริงๆ แล้วพี่หน่อง(อรุโณชา)พูดไปแล้วว่าในส่วนของ 3ตอนเป็นการตัดให้กระชับ ให้ดำเนินเรื่องที่ดูสั้นขึ้น เพราะว่ากระแสของละครบุพเพฯ มันมาช่วงตอนกลางเรื่องแล้ว และทำให้คนที่พลาดดูหรือดูไม่ครบ ต้องยอมรับว่าวันที่จบเรตติ้้งสูงมาก สำหรับการโฆษณาก็ตามปกตินะครับ"
บุพเพสันนิวาสสร้างกระแสฟีเวอร์ไปทั่ว มีการนำละครไปทำซัพเป็นภาษาต่างประเทศมากมาย
“โดยทั่วไปเราก็ทำตามกฏหมาย ถ้าเราเจอเราก็ให้เขาเอาออกเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถรันต่อไปยาวได้ เราไม่ได้ไปปราบขนาดนั้น เราก็ยินดีที่มีคนสนใจมากขนาดนั้น แต่พอเราไปเจอเราก็ขอให้เขาเอาออกจากเฟซบุ๊กเขาก็ช่วยเราทันที ตอนนี้ก็มีซับเกาหลี แต่ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่เราตกใจที่สุด แต่ยูทูปและเฟซบุ๊กให้ความร่วมมือกับเราดีมากครับ”