“อ.นิติกฤตย์” เผยบทกรวดน้ำ จากปากคนตายแล้วฟื้น ยมบาลสอนมาให้ทำแบบนี้ จะได้อุทิศถึงผู้ตาย เทวดา เจ้าที่ฯลฯ ประกาศบุญไปให้ไพศาล
ช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยที่กำลังจะถึงนี้ นอกจากกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวรอคอยที่จะเล่นสาดน้ำกันแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือการทำบุญ ไม่ว่าจะเข้าวัดทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา หรือจะทำบุญด้วยวิธีใดก็ตาม มีหลักที่สำคัญอีกอย่างที่ “อ.นิติกฤตย์ กิตติศรีวรนันท์” บอกว่าขาดไม่ได้ และไม่ควรจะลืมเด็ดขาด ก็คือการกรวดน้ำ บางคนคิดว่าไม่สำคัญ บางคนกรวดไม่เป็น บางคนไม่เคยแผ่ส่วนกุศลให้ใคร นั่นจะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อไปยังเวลาที่คุณไม่มีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์แล้ว และจะเป็นสิ่งชี้วัดว่าคุณจะต้องลงนรก หรือได้ขึ้นสวรรค์
“สำหรับเคล็ดลับการทำบุญคนอื่นเขาจะเริ่มต้นด้วยการปล่อยปลา ปล่อยนกกี่ตัวอะไรต่างๆ อันนั้นคือต้นทาง แต่สิ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนทำคือปลายทางตอนจบ วิธีการทำบุญมันมีตอนจบที่สำคัญคือการกรวดน้ำ แล้วคนไทยจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องการกรวดน้ำ บางคนก็กรวดน้ำไม่เป็น มันมีหลากหลายบทให้ใช้และไม่รู้จะจบยังไง ผมก็จะแนะนำให้ใช้บทนี้ มันจะชื่อว่า บทกรวดน้ำไทยโบราณ อันนี้เป็นชื่อที่เขาตั้งขึ้นมา แต่จริงๆ มันอาจจะไม่ได้ชื่อนี้ก็ได้”
“เรื่องเล่าของบทกรวดน้ำอันนี้เป็นเรื่องของอาม่าคนหนึ่งที่เป็นคนจีน เมื่อประมาณสัก 60 ปีที่แล้ว เขาตายไปไม่ถึง 7 วันเขาก็ฟื้นกลับมาในงานศพที่ลูกหลานกำลังจัดให้ และเมื่อแกฟื้นขึ้นมาได้ ลูกหลานก็ถามว่า ทำไมถึงฟื้น แล้วไปไหนมา อาม่าแกก็เล่าว่า เขาตายไปก็มียมฑูตมารับไป พอไปถึงสำนักพญายม พญายมก็บอกว่าคนนี้ยังไม่หมดอายุขัย เนื่องจากในตอนนั้นคนจีนจะมีชื่อซ้ำกัน นามสกุลก็แซ่เดียวกัน เขาก็จับวิญญาณผิด แต่ท่านบอกว่าไหนๆ ก็มาถึงนรกแล้วก็ขอให้ได้รับรู้ ท่านก็พาทัวร์นรก อาม่าก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมาย”
“แต่มันจะมีสิ่งที่น่าสนใจที่ว่าไปเจอคนที่อยู่บ้านใกล้กัน เป็นชายแก่ที่ตายไปก่อนหน้านี้ แล้วชายแก่คนนี้ก็เข้ามาใกล้ๆ และขอร้องให้อาม่าช่วย เพราะร่างของชายแก่คนนี้ที่ศีรษะจะมีขวานจามผ่าศีรษะเอาไว้ และมีการเอาเหล้าราดที่หัวตรงที่เป็นแผล เขาก็ทรมาน เขาก็บอกว่าช่วยกลับไปบอกลูกหลานเขาด้วยว่า ในโลงศพจะมีขวานกับเหล้าอยู่ ช่วยเอาออกจากโลงให้เขาด้วย อาม่าก็ถามว่าใส่ไว้ทำไม เขาบอกเขาเป็นคนสั่งเองว่า ให้ใส่เหล้ากับขวานไว้ในโลงศพ เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องนรก เขาคิดว่าเขาจะเอาขวานฟันต้นงิ้วและจะกินเหล้าอวดยมบาล พอมาตอนนี้สิ่งที่เขาทำไว้กลับเป็นเครื่องมือทรมานเขา เขาสำนึกแล้วช่วยไปบอกลูกหลานเขาให้เอาออกจากโลงศพที”
“คือแกก็ท่องนรกไปเรื่อย มีเหตุการณ์หลายอย่าง และก่อนจะกลับท่านก็สอนให้อาม่าคนนี้สวดมนต์ แต่คนแก่คนจีนพูดไทยก็ไม่ชัด ท่านก็ให้บทกรวดน้ำมาบทหนึ่ง ท่านก็ท่องให้ฟัง บทกรวดน้ำนี้ก็จะเป็นคำกลอน พออาม่าได้ฟังด้วยความที่มันยาวมาก อาม่าแกก็บอกยมบาลว่ามันยาวมากจำไม่ได้ ท่านบอกว่าพอขึ้นไปจะจำได้ทุกเรื่อง พอหลังจากแกฟื้นขึ้นมาที่งานศพ แกก็เคาะฝาโลง พอเปิดมาแกก็ฟื้นจริงๆ แล้วแกก็เล่าในสิ่งที่แกเจอ”
“ข้อพิสูจน์ก็คือแกก็ไปบอกลูกหลานของคนแก่คนนั้นที่ขอร้องให้เอาขวานกับเหล้าออกจากโลงศพให้ พอไปบอกทางนั้นก็ตกใจ เพราะเป็นความลับของบ้านเขาแต่ทำไมถึงรู้ อาม่าก็บอกว่าไปเห็นแบบนี้มา ลูกหลานก็เอาเหล้าเอาขวานออกจากโลงศพให้ แล้วอาม่าเองก็กรวดน้ำบทนี้ได้และสวดมนต์ไทยได้ ไม่รู้สวดบทไหนนะ แต่สวดเป็นเฉยเลย และแกก็บอกว่าพญายมราชฝากบอกว่า กลับไปบอกคนที่โลกมนุษย์ว่า นรก สวรรค์มีจริง ฝากไปเตือนการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วมีจริง”
อ.นิติกฤตย์ ยังเผยอีกว่า เรื่องที่เล่ามานี้เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับที่เมื่อตอนสมัยอยู่ป.5 มีครูคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการถอดจิต ตายแล้วฟื้น จนพอโตถึงวัยบวชเรียนก็ได้เจอหนังสือเรื่องกฎแห่งแห่งกรรมของนักเขียนท่านหนึ่งที่ใช้นามปากกาว่า ท.เลียงพิบูลย์ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการบวชเรียนและกฎแห่งกรรมได้อย่างลึกซึ้ง รวมไปถึงบทกรวดน้ำไทยโบราณนี้ด้วย จนเมื่ออายุได้ 19 ปีจึงได้พบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีซิกเซ้นส์สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้ อาจารย์จึงได้เล่าถึงบทกรวดน้ำนี้ให้ฟัง จึงได้มารู้ความจริงว่าเป็นเรื่องราวของอาม่าของผู้ใหญ่ท่านนี้นี่เอง และถึงได้เชื่อว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น
“ทีนี้เจอใครผมก็จะแนะนำว่าให้ใช้บทกรวดน้ำนี้ มันเหมือนเป็นสิ่งที่เบื้องบนประทานให้ และอีกอย่างชาวพุทธจำนวนมากไม่รู้ว่าการกรวดน้ำสำคัญยังไง ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเล่าเรื่องเกี่ยวกับการไปนรกให้ฟังว่า คนเข้าใจผิดว่าไปสำนักพญายมราชไปเจอท่านนี่เป็นคราวซวยล่ะ ต้องลงนรกแน่ แต่แท้ที่จริงแล้วการเจอพญายมราชเนี่ย ท่านมีหน้าที่ช่วยเราให้เราจำได้ ช่วยให้เรานึกได้ว่าเรามีความดีอะไรเพื่อให้เราไม่ต้องลงนรก ท่านก็จะถามว่านึกความดีอะไรออกบ้าง ท่านจะถามอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่พอนึกความดีไม่ออก ท่านก็ใช้ตัวช่วยว่า ลองประกาศในโลกวิญญาณ มีวิญญาณท่านใดบ้างที่รู้ว่าดวงวิญญาณนี้ ชื่อนี้ทำความดีอะไรไว้บ้างช่วยมายืนยันหน่อย เพราะถ้ามีพยานยืนยันความดีเขาก็มีโอกาสขึ้นสวรรค์”
“แต่เราจะไม่มีใครมายืนยันถ้าเราไม่กรวดน้ำและมีพยาน กรวดน้ำแบ่งผลบุญให้คนนั้น คนนี้ เทวดา ต้นไม้นั่นนี่ เจ้าที่เจ้าทาง ก็จะมีพยานประจักษ์ความดีเรา ถึงเวลาจนแล้วจนรอดเราก็ต้องไปตรงนั้น เราก็จะมีตัวช่วย มันก็ส่งผลมาจากตรงนี้ ถ้าเราทำบุญไม่ปราณีต สักแต่ว่าทำ ตอนจบก็ไม่ได้อุทิศให้ใคร หรือไม่เข้าใจก็ละเลยไม่ทำ เราก็เสียโอกาสในการใช้ชีวิต ฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเทศกาลนี้ก็ได้ ทำได้ทุกเทศกาล ทุกเวลา ถ้ามีโอกาสก็ลองใช้เรื่องนี้ไป คนที่มาช่วยถ่ายทอดก็ได้บุญ ก็สาธุด้วยครับ”
อ.นิติกฤตย์ ย้ำอีกว่าโลกวิญญาณนั้นมีอยู่จริง แต่คนที่ไม่เชื่อและยังลบหลู่ รับรองว่ามีที่ทรมานแบบเฉพาะให้แน่นอน ต้องเวียนว่ายตายเกิดจนฉลาดรู้ว่าโลกวิญญาณนั้นมีอยู่จริง และบทกรวดน้ำนี้เหมาะสำหรับการทำบุญใหญ่ เพราะมีคำกล่าวถึงเทวดาที่ละเอียด และเป็นคำกลอนที่ท่องง่าย ใครทำได้ย่อมเกิดผลดีต่อตัวเองแน่นอน
คำกรวดน้ำภาษาไทยโบราณ
บุญทานที่ทำ กลายเป็นข้าวน้ำ เครื่องทิพย์นานา
เป็นวิมานทอง เรืองรองโสภา กับทั้งนางฟ้า
พันหนึ่งบริวาร เครื่องทิพย์ครั้งนี้ ส่งถึงชนนี
บิดาอย่านาน ถึงญาติทุกหมู่ ครูบาอาจารย์
พ้นทุกข์อย่านาน ได้วิมานทอง ฝูงเปรตทั้งหลาย
นรกอสุรกาย หมู่สัตว์ทั้งผอง เต่า ปลา ปู หอย
กุ้งน้อยเนืองนอง จงตั้งใจปอง รับเอาส่วนบุญ
สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ ตัวเรานี้ไซร้ ได้กระทำทารุณ
ด้วยกายน้ำใจ ฝากไว้เป็นทุน รับเอาส่วนบุญ
อย่าเป็นเวรกรรม อินทราเทวา อีกทั้งพรมมา
ท้าวเวสสุวรรณ พระภูมิเจ้าที่ พระอาทิตย์พระจันทร์
พระอังคารพุทธัญ พฤหัสบดี พระศุกร์พระเสาร์
เทพเจ้าทั้งหลาย สิบสองราศี พระยมพระกาฬ
จตุโลกบาลทั้งสี่ ครุฑานาคี กินรีกินนรา
เทพเจ้าทั้งหลาย ทั้งหญิงและชาย จงอนุโมทนา
รับเอากุศล ผลบุญนี้หนา ทั้งพสุธา
คงคาวารี ชื่อว่าเข็ญใจ ขอจงอย่าได้
ไปบังเกิดมี ความยากอย่าได้เห็น ขอให้เป็นเศรษฐี
คฤหบดี มนตรีพระยา คนพาลอย่าได้พบ
ขอให้ประสพ คนมีปัญญา เดชะกุศล
ได้พ้นอสุรา ขอให้ตัวข้า พบพระศรีอาริย์
ได้ฟังคำสอน จิตใจโอนอ่อน สำเร็จอย่านาน
ลุถึงเมืองแก้ว กล่าวแล้วนิพพาน ดับชาติสังขาร จากโลกโลกีย์