“เจ เจตริน” หาจิตแพทย์ เป็นโรคซึมเศร้าระยะสั้น ยันไม่ได้แปลกโลก พ่อแม่ทุกคนที่ห่างลูกก็เป็น บอกเป็นดรามาขำขันในครอบครัว มั่นใจไม่เป็นอีก เผยเป็นโรคร่าเริงผิดปกติเพราะรับคอนเสิร์ตทุกคืน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
ภรรยา “ปิ่น เก็จมณี วรรธนะสิน” ออกมาเผยว่า “เจ เจตริน วรรธนะสิน” เคยเป็นโรคซึมเศร้า เหตุลูกต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ อยู่ดีๆ ก็นั่งร้องไห้ ต้องคอยตามประกบ แต่เป็นแค่ระยะสั้นๆ ล่าสุดหนุ่มเจก็เผยว่าอาการไม่ได้ร้ายแรง ไปหาหมอจิตแพทย์แล้วดีขึ้น แต่ตอนนี้ตนเป็นโรคร่าเริงผิดปกติ
“โรคซึมเศร้าคือมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น มันเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่ลูกๆ จะไปเรียนต่อต่างประเทศครั้งแรก ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว ตอนนี้เป็นโรคร่าเริงผิดปกติ(หัวเราะ)”
“คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนลูกจะไปเรียนต่อใหม่ๆ คือเราอยู่กับลูก เล่นกับลูกทุกวัน อยู่ดีๆ วันหนึ่งลูกไป มันก็เลยเหงาๆ ผมว่ามันเกิดจากความกังวลมากกว่าว่าลูกขึ้นเครื่องบิน จะลงหรือยัง ปลอดภัยมั้ย แล้วเขาต้องนั่งรถต่อไปที่โรงเรียนอีก 3 ชั่วโมง ตอนนั้นมันก็เลยเซ็งๆ ทำอะไรก็ไม่สนุก ซ้อมเจ็ตสกีก็ไม่สนุก ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนก็ไม่สนุก ไปปาร์ตี้ไปทำอะไรก็ไม่สนุกเลย เป็นอยู่ประมาณ 2 - 3 อาทิตย์ แล้วเราก็ไปหาหมอว่าเราเป็นอะไร”
ยันหาหมอจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าหาหมอโรคจิต พ่อแม่ทุกคนที่ห่างลูกก็เป็น
“การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าไปหาหมอโรคจิต อย่าไปพูดแบบนั้นนะ จิตแพทย์คือคนที่เราไปนั่งคุยด้วยว่าเราเป็นอะไร แล้วเขาก็จะค่อยๆ เรียงลำดับให้เราว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยได้ความคิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเดียว พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วลูกมาเรียนกรุงเทพฯ หรืออยู่กรุงเทพฯ แล้วลูกไปเรียนต่างจังหวัด คนที่ต้องพรากกัน หรือไปเป็นทหาร เขาก็จะคิดถึงการแบบนี้ เราก็โอเคเราไม่ได้เป็นคนแปลก โลกไม่ได้จะระเบิด หรือโลกแตก มันคือความกังวลเท่านั้นเอง (ต้องกินยามั้ย?) ไม่ต้องๆ ตอนนี้ดื่มแบรนด์อย่างเดียว(หัวเราะ)”
รับเข้าใจอาการคนเป็นโรคนี้ หายเพราะหาหมอและครอบครัวจริงๆ
“ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันนะ จำได้ว่าเป็นอยู่ประมาณ 22 วัน มันจำได้เลย เป็นช่วงต้นเดือนกันยายน ของเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พอจะหายอยู่ๆ มันก็หายเลย ทำให้เข้าใจเลยว่าที่เป็นโรคนี้ บางทีมันเหงา มันเศร้า มันโดดเดี่ยว เหมือนที่เห็นในข่าวนักร้องต่างประเทศปลิดชีพตัวเอง มันมีจริงๆ คือมันเป็นเรื่องของความป่วย ความกดดัน ที่ผมหายเพราะว่าเราไปหาคุณหมอ ซึ่งเขาก็อาจจะให้ยาประเภทคลายเครียด หรือให้นอนหลับสบายบ้าง แต่สุดท้ายมันคือการไปนั่งคุย”
“แล้วสุดท้ายก็คือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เช่น ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนๆ หรือคนทำงานรอบข้าง เราอย่าไปเก็บไว้คนเดียว เราต้องแชร์และแบ่งปัน แล้วก็ค่อยๆ เรียงเรื่องราวที่เรามีอยู่ ค่อยๆ ขจัดความกังวลนั้นไป อย่าไปรวมมันไว้แล้วหาทางออกไม่ได้ อันนี้ผมคิดว่าผมแก้ไขมันได้ด้วยการปรับด้วยตัวเอง และหลายคนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือชอบคิดมากกังวล ตอนนั้นผมก็ไปคุยมาหมด ไปหาข้อมูลนึกว่าตัวเองเป็นคนเดียว สรุปทุกคนเป็น แล้วสุดท้ายทุกคนจะพูดคำเดียวกันว่า แก้ด้วยตัวเอง เวลาเราทำงาน เราไม่รู้ตัวว่าเราเครียด มันจะสะสมจนมันเยอะไป เราก็ต้องผ่อนคลาย ไปเที่ยวบ้าง ไปดูคอนเสิร์ตบ้าง หรือไปออกกำลังกาย”
ลดความกังวลเพราะลูกโตขึ้น
“ใช่ครับ พอลูกโตขึ้น เขาเอาอยู่แล้ว ตัดสินใจเองได้ มาสนามบินเองได้ เรียกรถตู้มารับที่โรงเรียนเองได้ เขาทำได้หมด บริหารเรื่องของตัวเองได้หมดเราก็สบายใจ”
ลูกรู้อาการทุกคน บอกกลายเป็นดรามาขำขันในครอบครัว
“ทราบๆ ทุกคนก็จะพยายามส่งมาบอกตลอด ก่อนนอน ตอนตื่น ว่าพ่อโอเคมั้ย เจ้านายจะเยอะหน่อย เพราะเขาโตสุด แต่เจ้าขุนตอนเด็กๆ เขาจะไม่ค่อยตอบข้อความ แต่ตอนนี้โอเคแล้วคุยเก่ง คือทุกคนในบ้านรู้ครับ ก็จะเป็นเรื่องดรามาขำขันในบ้าน ว่าอย่าพ่อซึมเศร้า เราก็ไม่เคยคิดนะ เราแข่งเจ็ตสกีมา แข่งรถเจอแต่อะไรโหดๆ เล่นคอนเสิร์ตทุกคืน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมามีความรู้สึกเป็นซึมเศร้าหรือเปล่ากังวลได้ขนาดนี้ ก็ต้องลองมีลูกกันดู(หัวเราะ)”
มั่นใจไม่เป็นอีก
“ยาที่กินมันเป็นยาเบาๆ แบบที่คุณหมอให้มา เป็นยาคลายเครียด ถามว่าจะกลับมาเป็นอีกมั้ย ผมว่าคงไม่เป็น แต่เวลาแบบอีก 2 วันลูกกลับไปเรียนแล้ว มันก็จะรู้สึกแบบเซ็งๆ แต่คงเหมือนเป็นการเซ็งๆ ธรรมดา เพราะความรู้มันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว แค่แบบทำอะไรก็ไม่มันเลย”
บอกเป็นโรคร่าเริงผิดปกติ เพราะมีคอนเสิร์ตทุกคืน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
“เราเป็นนักร้องที่อายุเลข 4 แล้ว แต่ยังมีคอนเสิร์ตทุกคืน มันก็ต้องกระปรี้กระเปร่า แต่มันก็เหนื่อยนะ เราต้องปรับระดับอารมณ์ตัวเอง ไปถึงบนเวทีต้องสนุกเลย พีกเลย แต่ลงเวทีมาอารมณ์ก็ต้องลง มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องเป็นโรคกระปรี้กระเปร่าแล้ว แล้วก็ต้องพยายามดูแลตัวเอง ต้องนอนอย่างน้อย 6-7 ชม. แล้วก็ทานอาหารดีๆ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)