xs
xsm
sm
md
lg

“โจอี้ บาซู” ล้มเหลวซ้ำซาก หมดเงิน 10 ล้าน คิดสั้นฆ่าตัวตาย ถูกจับเสพยาไอซ์ ลูกสาวรับเสียใจและผิดหวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากที่ สน.โชคชัยเข้าจับกุม “โจอี้ บาซู” หรือ “นายศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต” อดีตนักร้องชื่อดังวงบาซู ที่คอนโนมิเนียมแห่งหนึ่ง ข้อหาเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) และเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าตัวยืนยันเสพยาครั้งแรกเท่านั้น และเหตุผลที่ต้องเสพเพราะเข้ามาช่วยเป็นสายให้ทางราชการเพื่อจับพ่อค้ายาเสพติด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่เกม ล่าสุด “โจอี้” พร้อมลูกสาว “ณัฏฐณิชา ทับทิมใส” ได้มาเปิดใจกับทางรายการ เจาะประเด็น ทาง ช่อง 8 โดยมี “ต่วย ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์” เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

“ผมอยู่อาร์เอสประมาณ 26 - 27 ปี ตั้งแต่ก่อนเป็นบาซู พ.ศ 2540 จนโด่งดัง เคยไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ ตอนนั้นหมดเงินหมดทองเป็น 10 ล้านบาทในการสร้างเนื้อสร้างตัว คือการสถาบันอบรม พอมีทุนเราอยากทำอะไรให้มันใกล้กับความสามารถที่เรามีก็เลยลงทุนทำ สุดท้ายก็ล้มเหลว เพราะไม่มีประสบการณ์ เราเคยคิดจะฆ่าตัวตาย”

“คือผมมาจากการไม่มีอะไรเลย เราสู้จนสุดแล้วมันสุดทางจริงๆ รู้ว่ามันไม่ควรคิด ในเวลาที่เราเป็นศิลปินควบคู่ไปกับการทำธุรกิจยังไงก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการทำธุรกิจเราต้องโฟกัสที่ตรงนั้น พอมีหลายๆ อย่างเหมือนจับปลาสองมือ เรื่องดคีฉ้อโกงไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลยเป็นเรื่องของเราเอง รถเราเองหายไป เราก็ไปตามมาเป็นปี พอได้รถมา กลายเป็นว่าถูกฟ้องว่าสมรู้ร่วมคิด สุดท้ายก็ไกล่เกลี่ยไม่มีอะไร

เล่านาทีถูกจับ มันเกิดอะไรขึ้น?
“จริงๆ แล้วมันเป็นวันพฤหัสบดีตอนบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.โชคชัย มาที่ห้องผม 6 คน มาถึงทางหัวหน้าชุดก็บอกว่าโจอี้ ผมไม่ได้มาจับคุณนะ มาขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือราชการ ก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นสายตำรวจเหมือนกัน แต่อยู่อีก สน. หนึ่ง มาหาผม แล้วก็มีเพื่อนผมที่จะมาคุยเรื่องธุรกิจรถด้วย กลายเป็นว่าวันนั้นถูกจับทั้งหมดเลย อุปกรณ์เสพผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเอามา”

“คือครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมช่วยนะครับ คนที่จะไปปาร์ตี้กับคนดัง ศิลปิน มันเข้าถึงง่ายมันเป็นจุดหนึ่งที่เราเองก็อันตราย เขาให้ผมโทร.ขึ้นไปเพื่อให้น้องที่อยู่ข้างบนที่เป็นผู้ขายลงมาข้างล่าง ผมก็พยายามคุยด้วยความที่ตำรวจสามนายอยู่ในห้องนอน ข้างนอกซุ่มอยู่ ทางเราก็ไม่ทราบว่าผู้ขายจะลงมาที่ห้องผมหรือจะลงไปข้างล่างก็เลยต้องเฝ้ารอก่อน ผมบอกเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าถ้าจะขึ้นให้ระวังเพราะน้องมีอาวุธแล้วจิตใจน้องไม่ปกตินะเพราะทะเลาะกับแฟน”

ทำไมคนขายถึงรับโทรศัพท์เรา ทั้งที่ปกติเราไม่ได้เป็นคนเสพ?
“คือเรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เจอกันปกติเพราะเขามีลูก เราก็มีลูก พูดคุยกันปกติ การที่เขาจะขายให้ใครสักคน ไม่ใช่ว่าพอไปขอซื้อแล้วเขาจะขายเลยนะ แต่สิ่งแรกที่เวลาคนไปเจอกันกับเขาสิ่งที่เขาทำคือเทสงานก่อน คือลองดูดก่อนไม่งั้นเขาไม่เชื่อใจไม่คุยด้วย”

“(นี่ไม่ใช่ครั้งแรก?) เรียกว่าให้ความร่วมมือดีกว่า ผมมั่นใจว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นผมก็ได้ คนทุกคนสามารถช่วยได้ ผมมีลุกสาวอยู่ในห้องผมไม่ปล่อยให้พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ดีหรอก อะไรที่ปกป้องได้เราก็จะทำ คดีอื่น ๆ ก็จับข้างนอกครับ ไม่ได้เข้ามาหาหรือมาปรึกษาแบบนี้”

ทำไมไม่บอกกับตำรวจกับสื่อว่าอุปกรณ์การเสพนั้นไม่ใช่ของตัวเอง?
“เสพก็คือเสพไม่ว่าใครจะถือมา ถ้าผมเสพก็คือเสพ เราโกหกคนทั้งประเทศได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้ ยอมรับว่าเสพเพราะผลการตรวจปัสสาวะออกมาเป็นสีม่วง เราเครียดอยู่แล้วเรื่องปัญหาส่วนตัว ลูกสาวก็คอยเตือนตลอด ก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนั้นผมให้ลูกสาวไปช่วยงานที่ร้านอาหารลาดพร้าว 107 เขาจะได้มีรายได้”

เป็นสายตำรวจจริง ๆ หรือว่าตำรวจล่อจับเราแล้วตามจับผู้ค้า?
“จากในข่าวจะเห็นเลยว่าของกลางผมไม่มี ปกติถ้ามีการจับกุมของกลางจะต้องมีปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด เราเป็นผู้เสพไม่ใช่ผู้ค้า ผู้ค้าที่จับได้คือมีของกลาง 30 กรัม มีอาวุธปืน กระสุนต่างๆ (ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีช่วยงานราชการ ทุกอย่างมันเป็นเกม หมายความว่าอย่างไร?) มันก็คือเกมจริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนพูดนะเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผมว่าโจอี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นแค่เกม เกมนี้คุณแพ้ก็แค่นั้น ผมเลยโมโหอยู่นี่ไง แสดงว่าที่ผมให้ความร่วมมือ แปลว่าผมเป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานนี้หรอครับ นี่คือเกมหลอกจับผมหรือเปล่าผมก็คิดแบบนั้น”

ศิลปินอาร์เอสที่วัยเดียวกับคุณโจอี้บอกมาว่าไม่เคยเห็นแม้แต่การที่คุณสูบบุหรี่ด้วยซ้ำ?
“คือเราถูกปลูกฝังมาจากบ้านหลังนี้ ศิลปินอาร์เอสทุกคนผมเชื่อว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข และเรื่องอานาจาร ซึ่งที่ผ่านมาผมพูดหลายครั้ง เรื่องเสพผมขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้เจตนาที่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้อง คือผมเครียดจริงๆ แต่ผมขอบอกเลยว่าอย่างยุ่งดีกว่าครับไม่ใช่เรื่องดี เรื่องของผู้เสพ เวลาที่มีการเสพยา จะมีเจ้าหน้าที่จากกรมคุมประพฤติ เขาจะแยกเป็น 2 กรณี คือผู้ที่บำบัดโดยต้องควบคุม กับไม่ควบคุม”

ลูกสาวต้องหาเงินประกันตัวด้วย?
ณัฏฐณิชา : “ใช่ค่ะ ขอยืมเงินอามาหนึ่งหมื่นบาท เราไม่มีแม่ เราอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ค่ะ วันที่เห็นพ่อออกมา มันทั้งดีใจและเสียใจ อธิบายไม่ถูกค่ะ ดีใจที่พ่อออกมาแต่เสียใจผิดหวังในตัวของพ่อ บอกพ่อว่าเรามาเริ่มต้นกันใหม่ อะไรที่ทำผิดแล้วก็ให้มันผ่านไป เรายังต้องทำอะไรอีกเยอะ”

โจอี้ : “ผมไม่คิดเลยนะว่าลูกสาวจะมาประกันตัว ยอมรับเลยว่าเรื่องที่เราเสียแม่น้องไป ผมต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมดเลย มันเป็นความผิดหวังที่ทำให้เราเสียการทรงตัว เลยทำให้เราล้มเหลวกับอะไรหลายๆ อย่าง”

สามารถติดตาม รายการ เจาะประเด็น ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.25-14.25 น.ทาง ช่อง 8 เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์




กำลังโหลดความคิดเห็น