xs
xsm
sm
md
lg

Pacific Rim 2 : สารตั้งต้นระดับผู้กำกับรางวัลออสการ์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


ต้องยอมรับว่า แปซิฟิค ริม นั้น ได้ตอกเสาเข็ม สร้างฐานที่มั่นลงในใจของผู้รักหุ่นยนต์ (รวมทั้งคนดูภาพยนตร์) ตั้งแต่ 5-6 ปีก่อน ด้วยหุ่นยนต์ยักษ์และสัตว์ประหลาดยักษ์ความสูงกว่าร้อยเมตร ซึ่งเวลาที่สองสิ่งนี้ปะทะกันบนจอภาพยนตร์จอใหญ่ๆ ผลลัพธ์ของมันก็คือความตื่นเต้นระทึกใจแก่คนดูผู้ชม ทั้ง “เยเกอร์” และ “ไคจู” แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

โดยที่มาของเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์นั้น เป็นผลงานที่ต่อยอดงอกงามมาจากความคิดจินตนาการของผู้กำกับที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์ไปหมาดๆ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นามว่า “กิลเลอร์โม เดล โตโร่” ซึ่งก็อย่างที่หลายคนคงรู้ครับว่า เดล โตโร่ นั้น วางมือจากโปรเจคต์แปซิฟิค ริม ภาค 2 เพราะใจต้องการไปทำ The Shape of Water ซึ่งก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะมันทำให้เขาก้าวไปจนถึงเวทีออสการ์ ได้รางวัลทั้งหนังยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม

จากความเป็นมาของหุ่นยนต์ ทำให้ได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งครับ เพราะกิลเลอร์โม เดล โตโร่ นั้น เล่าว่า เขาเริ่มจินตนาการเรื่องหุ่นยนต์มาตั้งแต่เด็กๆ และวาดพวกมันลงไว้ในสมุดบันทึก ก็วาดมาจนโต และที่สำคัญ ยิ่งวาดไป วาดไป ภาพในใจก็เด่นชัดมากขึ้นทุกวัน เขาใส่รายละเอียดลงไปในหุ่นยนต์จนพิสดาร มีกลไก มีคนขับ และมีอะไรต่อมิอะไรอย่างที่เราได้เห็นในเยเกอร์ ... ก็ต้องบอกว่า นี่เป็นพลังของจินตนาการและการพัฒนนาทางความคิดอย่างคนที่หลงรักในสิ่งนั้นจริงๆ

แม้ว่าเดล โตโร่ จะวางมือไป แต่ความยิ่งใหญ่ของหุ่นยนต์ยักษ์จากจินตนาการของเขายังคงอยู่ และกลายมาเป็นภาค 2 ได้สำเร็จในปีนี้ ที่เล่าเรื่องราวประมาณ 10 ปี หลังจากภาคที่หนึ่ง โลกกลับสู่ความสงบเรียบร้อย ถึงแม้ร่องรอยความเสียหายจากสงครามระหว่างหุ่นยนต์คนบังคับ กับไคจู จะยังทิ้งซากความเสียหายไว้อยู่ แต่รอยเลื่อนของโลกก็ได้รับการปิดเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ความคิดคำนึงเกี่ยวกับสิ่งไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ยังคงอยู่ในใจของหลายๆ คน และนั่นก็เป็นที่มาของการฝึกฝนและพัฒนาเทคโนโลยีไม่หยุดยั้ง เผื่อไว้ต่อกรกับเหล่าไคจูที่ไม่รู้ว่าจะมาบุกโลกวันไหนอีก

ความคิดเช่นนี้ ปรากฏอย่างเด่นชัดในตัวละครที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่อย่างสาวน้อย “อมาร่า” ผู้มาพร้อมกับทักษะในการขับเยเกอร์ตัวเล็กที่เธอซ่อมและประดิษฐ์ขึ้นเอง และเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอได้พบกับ “เจค” ลูกชายของอดีตวีรบุรุษในภาคที่แล้ว จนสุดท้ายก็ได้เข้าร่วมในกองทัพ ฝึกขับเยเกอร์อย่างเป็นทางการ

... จากผลงานที่สะท้อนถึงความรักและหลงใหลในหุ่นยนต์ สไตล์เดล โตโร่ ผมคิดว่า หนังแปซิฟิค ริม ภาคนี้ มีความคลี่คลายในตัวเองลงไปเยอะพอสมควร ส่วนสำคัญนั้นก็อาจจะเป็นเพราะการเปลี่ยนตัวผู้กำกับ ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ หนังมีการปรับให้ออกไปในทางแอ็กชั่นอย่างเต็มเหนี่ยว ถ้าหนังภาคแรกให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับภาพหุ่นยนต์ยักษ์ที่ขับบังคับได้ และกลายเป็นภาพจำไปอีกนานหรือตลอดไป... หนังภาคนี้ก็มีความโดดเด่นในการเป็นหนังแอ็กชั่นที่ดูเพลินๆ ได้เรื่องหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า หนังมีความพยายามที่จะผูกเรื่องสร้างเนื้อหาได้ดีพอสมควร มีการเล่นกับ “ปม” ของตัวละคร อย่างเช่นสาวน้อยนางเอกที่เปิดตัวในภาคนี้ หรือแม้แต่อดีตวีรบุรุษในภาคที่แล้วซึ่งยังมีชีวิตอยู่ แต่มีบางอย่างครอบงำความคิดตัวตนของเขาจนนำไปสู่จุดวิกฤติของเรื่องราว และที่สำคัญคือการพูดถึงการเข้ามาของ “เทคโนโลยีสมัยใหม่” ที่คล้ายๆ จะเป็นการปฏิวัติหุ่นยนต์เยเกอร์ให้กลายเป็นสิ่งพ้นสมัย ... ทั้งหมดทั้งมวล ก็เป็นส่วนที่ทำให้หนังมีเนื้อหาจับต้องได้ นอกเหนือไปจากความแอ็กชั่นบันเทิง

สรุปโดยย่อในตอนท้าย หนังน่าจะมีภาค 3 แน่นอนครับ และสำหรับคนดูอย่างเราๆ ก็คงต้องบอกว่า มีมาอีก(กี่)ภาค ก็ติดตามดู เช่นเคย...









กำลังโหลดความคิดเห็น