“เอสเธอร์” ลั่นไม่จำเป็นต้องตอบ อยู่บ้านเดียวกับ “เคน” ก่อนโต้อักษรย่อเฉดหัวแม่ฝ่ายชายกระเด็นกลับบ้านตจว. เพราะไม่อยากให้อยู่ด้วยกัน ยันภูมิคุ้มกันเยอะ ชิล แป๊บๆ เดี๋ยวคนก็ลืม ย้ำไม่มีโมเมนต์ที่อยากอยู่กันสองคนเพราะติดแม่มาก ขาดแม่ไม่ได้ น้อมรับคำติร้านกาแฟรสชาติไม่ถูกปาก ทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบ อนาคตเล็งขยายสาขาเพิ่ม
เจอแต่ละข่าวหนักๆ ทั้งนั้นเลยทีเดียว สำหรับคู่หวาน “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” และพระเอกหนุ่ม “เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุ” ล่าสุดควงแขนออกงานรับทรัพย์ก็ขอเคลียร์แบบจัดหนัก ทั้งกรณีร้านกาแฟถูกตำหนิรสชาติไม่อร่อยถูกปาก ถูกอักษรย่ออยู่บ้านเดียวกัน และประเด็นร้อนแรงแม่ฝ่ายหญิงไล่แม่ฝ่ายชายกลับต่างจังหวัดเพราะไม่อยากให้อยู่ด้วยกัน
เคน : “ช่วงนี้ออกงานคู่กันบ่อยก็งานเขาจ้างมา โอเคนะครับ ไม่ได้รู้สึกเขิน ได้ทำงานด้วยกันก็โอเคนะครับ หลังจากนี้เราจะมีโปรเจกต์ด้วยกัน เป็นซีรีส์ออนไลน์ที่เล่นด้วยกัน ไว้รอติดตาม น่าจะได้เห็นเร็วๆ นี้”
เอสเธอร์ : “ใครจ้างเราก็มา จ้างมาเยอะๆ ได้เลยค่ะ เรื่องอยู่กันคนละสังกัดก็ไม่กลัวค่ะ เราเป็นนักแสดงอิสระ รับงานได้หมดเลยค่ะ”
เคน : “ถามว่าเขินมั้ย เราสองคนยังไม่เคยทำงานจริงจังด้วยกันมาก่อน ผมว่าน้องน่าจะโอเคกว่า ผมน่าจะเกร็งๆ ประเมินตัวเองแล้วผมน่าจะเขินน้องนิดหน่อย ที่ตัดสินใจรับคู่กัน เพราะเป็นงานที่โอเค ได้ออนแอร์ทั้งที่ไทยและต่างประเทศ”
น้อมรับคำติ ลูกค้าคอมเมนต์กาแฟรสชาติไม่อร่อยถูกปาก ลั่นทำตามรสชาติที่ตนชอบ มองเป็นเรื่องปกติถูกวิจารณ์ อนาคตอาจขยายสาขาเพิ่ม
เคน : “ดีครับ เป็นการทำงานที่ง่าย เราสนิทกันอยู่แล้ว ทำให้สะดวกในการทำงาน สบายใจด้วยครับ (มีลูกค้าคอมเมนต์ว่าร้านกาแฟรสชาติไม่ค่อยถูกปาก?) ในฐานะที่ทำร้านอาหาร จริงๆ ก็แล้วแต่บุคคล ทุกงานบริการมีคอมเมนต์อยู่แล้ว เราก็จะเอาคอมเมนต์ไปปรับปรุงร้าน มันอาจจะไม่ถูกปากใครบางคนแต่ก็อาจจะไปถูกบางบางคน แล้วแต่เคสว่าชอบแบบไหน แต่เราก็ยังเน้นในสิ่งที่เราชอบอยู่ดี เราชอบรสชาติแบบไหนก็อยากให้ทำให้ร้านของเราออกมาในแบบที่เราชอบ ตั้งแต่เปิดร้านมาผมก็ปรับปรุงรสชาติไปเยอะ ผมกับน้องเข้าร้านเกือบทุกวัน ถ้าคนที่ไปที่ร้านจะเจอเราบ่อยมาก อยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ ชิมรสชาติและปรับเปลี่ยนทุกวัน เพิ่งเปิดมาได้เดือนเดียวก็พยายามทำให้ดีที่สุด”
“เจอคอมเมนต์แบบนี้ก็ไม่ท้อเลยครับ มันคือเรื่องปกติของการเปิดร้านอาหารและงานบริการที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่เราก็ยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว มีทั้งคอมเมนต์ติชม ก็ดีครับ ทำให้เราได้ปรับปรุงต่อไป เราเริ่มตั้งแต่สร้างแบรนด์ ทุกอย่างที่ลงเมนูเราจะเป็นคนทำและชิมก่อนอยู่แล้ว อย่างที่บอกเราเอาตามรสชาติที่เราชอบ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบเหมือนเรา แต่ถ้าใครที่มาชิมแล้วชอบเหมือนเราก็โอเค”
เอสเธอร์ : “คิดว่าเป็นเรื่องปกติ อาชีพหลักของคือนักแสดง การทำร้านอาหารเป็นอีกประสบการณ์ใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน มีบางเรื่องที่ไม่รู้จะจัดการยังไงก็ต้องเรียนรู้กันไป แม่ก็เข้ามาช่วยดูเรื่องของพนักงาน รสชาติ และความประณีตในการทำเครื่องดื่ม และมีน้องชายเข้ามาช่วยด้วย เขาเรียนเกี่ยวกับด้านอาหารมาโดยตรง ส่วนตัวก็แอบกลัวว่าตัวเองจะไม่มีเวลาเข้าไปร้านเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะจัดสรรเวลาให้ได้ ไม่อยากทิ้งด้านใดด้านหนึ่ง พอทำแล้วก็อยากทำให้เต็มที่ตามเป้าที่วางไว้ เราสองคนจะสลับกันเข้าไปดูที่ร้าน เราหุ้นกันแค่สองคน ยังไม่คิดจะเปิดธุรกิจอื่น อยากให้ร้านนี้มีรากฐานแข็งแกร่งก่อน เราคุยกับพี่เคนว่าถ้าร้านนี้มันอยู่ตัวแล้วก็คิดอยากจะขยายสาขาเพิ่ม”
เคน : “ผมก็อยากเหมือนกันครับ อย่างที่น้องบอกเลย ค่อยๆ ก้าวไปทีละสเต็ป เพราะรายละเอียดมันเยอะ”
รับควงเคนขึ้นเรือนสำราญ แต่ไปกันเป็นครอบครัว บอกไม่มีโมเมนต์ที่อยากอยู่กันสองคน เพราะติดแม่มาก ขาดแม่ไม่ได้
เอสเธอร์ : “ใช่ค่ะ พอดีว่าเราไปทำงานก็เลยพาพี่เขาไปด้วย พาแม่พาน้องชายไปด้วยรวมกัน 4 คน ไม่มีอะไรพิเศษ ปกติหมดเลย พอทำงานเสร็จบนเรือก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็กินข้าว ชมวิวกันไป เรียกว่าได้ใช้เวลาด้วยกัน พี่เขาไม่มีถ่ายละครก็เลยไปด้วยกัน แล้วก็ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่และน้องด้วยพร้อมกันทีเดียว”
“โมเมนต์อยู่กันสองคนก็ไม่นะ เพราะเราเป็นคนติดแม่มาก ไปไหนก็ต้องมีแม่ไปด้วยตลอดทุกที่ตั้งแต่เด็ก ไปรับส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วแม่ก็ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ เรารู้สึกขาดแม่ไม่ได้ ไปไหนมาไหนก็ต้องมีแม่ไปด้วย ซึ่งพี่เคนเองก็เข้ากับแม่เราได้ดี เราก็สบายใจขึ้น ด้วยความว่าตอนนี้เราสนิทกันแล้วเลยไม่รู้สึกเกร็ง รู้สึกเขินอะไรกัน”
บอกไม่ค่อยได้เจอครอบครัวเคน แต่วันหลังจะตามฝ่ายชายไปเยี่ยม
“ไม่ค่อยได้เจอพี่เคนบอกว่าแม่เขาอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าแม่เขาเพิ่งย้ายกลับไปหรืออยู่ที่นั่นนานแล้ว ตั้งแต่รู้จักกับพี่เคนมาก็ไม่เคยได้เจออยู่แล้ว ไม่ได้คุยถึงเรื่องครอบครัวเขาเลยแต่ก็เคยเจอแม่พี่เคนครั้งหนึ่งตอนวันแม่ปีที่แล้ว ซึ่งแม่เราก็ไปเจอด้วย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอเลย ไม่มีโอกาสได้เจอคราวหลังอาจจะตามพี่เขาไปเยี่ยม ส่วนข่าวที่บอกว่าแม่พี่เคนไม่มาหาพี่เคนเพราะเกรงใจครอบครัวเราก็ไม่นะคะ ไม่รู้เลยค่ะ”
ปล่อยวางข่าวอยู่บ้านเดียวกัน ลั่นไม่จำเป็นต้องตอบ และไม่ต้องทำตามทากอย่างที่คนอื่นต้องการ ขอใช้ชีวิตแบบเราเอง
“ไม่รู้ค่ะ ปล่อยวาง ไม่รู้ ไม่ได้สนใจด้วย ก็พอได้ยินข่าวอยู่เหมือนกัน ข่าวแบบนี้มันก็เป็นปกติของวงการ ก็เข้าใจและปล่อยวาง ส่วนอยู่ด้วยกันมั้ย หูย...ไม่จำเป็นต้องตอบด้วย อาจจำเป็นคนอื่นก็ได้ (กระแสแม่เคนไม่ปลื้ม?) ไม่ค่ะ เพราะว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน ถามว่าซีเรียสมั้ยกับข่าวนี้ ไม่ค่ะ เฉยๆ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องนัดแม่พี่เคนสยบข่าวค่ะ บางทีเราไม่ต้องทำทุกอย่างตามที่คนอื่นต้องการค่ะ เราก็ใช้ชีวิตในแบบของเราก็พอ ส่วนที่บอกว่าพี่เคนก็ไม่อยากให้แม่มาเจอก็ไม่รู้เลยค่ะ”
โต้อักษรย่อ พระเอกไล่แม่ตัวเองกลับ ตจว. เพราะแม่นางเอกไม่อยากให้อยู่ บอกไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวคนก็ลืม
“เหรอคะ ไม่รู้เลยค่ะ ไม่ได้ยินเลยค่ะ แม่พี่เขาอยู่สิงห์บุรีตั้งนานแล้วค่ะ เพราะเราก็ไม่ค่อยได้เจอ เจอข่าวแบบนี้เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ หรือเป็นเรื่องที่ต้องออกมาเคลียร์ มันเป็นปกติของวงการ เดี๋ยวแป๊บหนึ่งคนก็ลืม ไม่กระทบความสัมพันธ์ค่ะ ถามว่าคุยเรื่องข่าวกันมั้ย ก็ไม่ได้คุยเลยค่ะ พยายามทำให้ดีที่สุด ร้านกาแฟที่ทำอยู่ก็กินเวลาเยอะพอสมควรค่ะ”
“แม่ก็เฉยๆ นะคะ แม่อยู่กับเราตั้งแต่เด็ก เหมือนเรียนรู้งานในวงการบันเทิงมาด้วยกัน เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ ชินแล้วสำหรับเขาแล้ว แม่ชิล มันเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เราเจอมาเยอะ ก็มีประสบการณ์ มีภูมิคุ้มกันมาเยอะ ก็เข้าใจค่ะ แม่รู้ก่อนเราอีกค่ะ จะมีแฟนคลับหรือคนใกล้ตัวโทร.หาแม่ เราจะรู้ทีหลังแม่ ซึ่งข่าวนี้ แม่ก็ไม่ได้พูดถึง ก็มีพูดถึงว่า เห็นข่าวรึยัง อ๋อเห็นแล้ว ก็จบปกติ”