อยากไปให้กำลังใจแต่กลับได้กำลังใจซะเอง “อาย กมลเนตร” ยอมใจในความคิดแฟนคลับป่วยมะเร็ง ชื่นชมอีกฝ่ายคิดบวกและมีกำลังใจที่ดี ยกเป็นคนในครอบครัว ถึงไม่มีเงินเท่าแต่เทให้ทั้งใจ ห่วงอาการทรุดเพราะคีโม เผยเคลียร์ “โทโมะ” เรื่องขึ้นจอดำในไอจี ล่าสุดลบทิ้งไปแล้ว บอกคุยทุกวัน เป็นที่ปรึกษาแต่ไม่เรียกแฟน ต้องผ่านด่านพ่อแม่ให้ได้ซะก่อน
มีโอกาสไปเยี่ยม “พี่ปาล์ม” แฟนคลับซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเต้านม งานนี้ นางเอกดัง “อาย กมลเนตร เรืองศรี” ก็เผยว่าตอนแรกตนเตรียมคำพูดไปให้กำลังใจอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้กลับมา กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตนถึงขนาดเกือบร้องไห้เลยทีเดียว
“จริงๆ รู้ข่าวมาจากน้องที่เป็นแฟนคลับกลุ่มหนึ่ง ตอนแรกก็ตกใจแต่ก็ไม่รู้ว่าอาการเป็นยังไง จนกระทั่งไปเห็นในแฟนเพจของพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ว่าอาการใหญ่มาก คือเหมือนก้อนเนื้อที่โตตรงหน้าอกข้างซ้าย ก็เลยไปเยี่ยมเขา พอเราไปเจอปุ๊บจริงๆ เราเตรียมคำพูดไว้เยอะมากที่จะให้กำลังใจเขา แต่พอไปถึงเขาเข้มแข็งมาก เขามีทัศนคติที่ดีมากกับเจ้าก้อนเนื้อที่อยู่ตรงนั้น เขาพูดทุกอย่างเหมือนเขาสอนเรา เราก็เลยสบายใจ ไม่ห่วงเรื่องสภาพจิตใจ”
“เขาคือแฟนคลับที่เห็นหน้ากันเจอกันบ่อยๆ พอเราเห็นแฟนเพจของพี่บิณฑ์คือเราก็จำเขาได้เลย คืออายพูดกับเขาว่าจริงๆ อายมีคำพูดจะมาให้กำลังใจพี่เยอะมากเลยนะแต่อายไม่ต้องพูดมันแล้วเพราะทุกอย่างพี่พูดให้อายฟังหมดแล้วแบบนี้ค่ะ”
“คือเขาค่อนข้างมองบวกมาก เขามองว่าเจ้าก้อนเนื้อตรงนี้เขาไม่เคยสาปแช่งอะไรเลยที่มันเกิดขึ้นกับเขา เขาบอกว่าเขาแค่มาอาศัยอยู่เฉยๆ คืออายรู้สึกยอมใจในความคิดพี่เขาในขณะที่เกิดสภาพแบบนั้น ที่ทำให้พี่เขาเป็นแบบนี้ เราเองคิดแทนว่าถ้าตัวเราเป็นแบบนี้ในวันหนึ่งเราจะคิดแบบพี่เขามั้ย ก็เลยกอดกันให้กำลังใจ”
ขออนุญาตแฟนคลับก่อนโพสต์ บอกจุดประสงค์เผื่อคนช่วยเหลือเรื่องเงินบริจาค
“คือสิ่งที่อายโพสต์อายก็ขออนุญาตพี่ปาล์มก่อนว่าพี่คะอายขออนุญาตถ่ายรูปกับพี่ได้มั้ยแล้วโพสต์ จุดประสงค์คือถ้าใครอยากช่วยบริจาค เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงพี่ปาล์มเองก็ไม่ได้ทำงานมานานแล้วประมาณหนึ่งปี เพราะเขาเป็นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่ไม่ได้บอกใคร ก็เลยอยากจะช่วยเขาตรงนี้ เราก็ช่วยเรื่องเงิน แล้วก็ให้เลขบัญชีของพี่ปาล์มขึ้นที่ไอจีของเรา ให้เข้าไปที่พี่ปาล์มเลยจะได้ไม่ต้องผ่านเรา”
“เรื่องใกล้ชิดกับแฟนคลับ คืออายดูว่าแต่ละกรณีเป็นยังไงมากกว่า เพราะแฟนคลับของอายค่อนข้างโต ด้วยวุฒิภาวะ คือถ้าเขามีอะไรอยากมาปรึกษาเราก็จะคุยกันแบบเต็มที่เลย คือจริงๆ อายก็ไม่ได้มีแค่งานในวงการค่ะอายมีงานเขียน เวลาไปแต่ละที่แต่ละจังหวัดเราค่อนข้างจะถึงกับแฟนคลับมาก”
“ซึ่งแฟนคลับก็เหมือนคนในครอบครัว แล้วอย่างพี่ปาล์มเขาตามเรามาตั้งแต่เริ่มเล่นละคร อายเข้าไปดูในไอจีพี่เขา มีรูปที่แท็กพี่เขาแล้วมันเป็นรูปอาย ตั้งแต่อายเริ่มเข้าวงการแล้วเขาก็ตามเรา เราก็รู้มาว่าอย่างพี่ปาล์มเขาก็ไม่ได้มีเงินมาก แต่เขาใช้ใจในการมาหาเรา ซึ่งเรื่องแบบนี้อายก็จะบอกกับแฟนคลับตลอดไม่เอานะไม่ให้โดดเรียน หรือโดดงานมา เราไม่อยากให้เขามาตามเราแล้วเขาเดือดร้อนในชีวิต เอาเป็นว่าถ้าเรามีโอกาสมาเจอกันเราไม่เดือดร้อนแบบนั้นก็โอเค”
เห็นสัจธรรม ลั่นทึ่งอีกฝ่ายไม่ได้โทษสิ่งที่เกิดขึ้น ห่วงอาการทรุดลง ผลจากการทำคีโม
“เราไปเยี่ยมเขาดีใจค่ะ เซอร์ไพรส์มากเขาไม่ร้องไห้ นี่คือสิ่งที่อายภูมิใจมากด้วยซ้ำที่เขาเป็นแล้วเขามีความคิดที่ดีมาก เรานั่งฟังแล้วได้เรายังคิดเลยว่าบางทีเราท้อ กับงานเรายังรู้สึก บางทีเรายังโทษอย่างอื่นหรือโทษอะไรแต่พี่ปาล์มคือไม่ได้โทษสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง อายเลยคิดว่าคนเราจะสุขหรือจะทุกข์ มันอยู่ที่ความคิดจริงๆ พี่ปาล์มทำให้อายคิด และเห็นแบบชัดเจนมาก ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วมีก้อนเนื้อก้อนใหญ่ๆ ที่อยู่ในตัว เห็นสัจธรรมด้วยคือบางทีเราไม่รู้เลยว่าชีวิตเราวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้าเกิดมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเราเราจะคิดยังไง”
“จะกลับไปเยี่ยมอีกค่ะ คิดว่าจะรอให้มีเวลาที่ตรงกัน เพราะว่าตอนนี้พี่ปาล์มอยู่ในห้องไอซียูหรือซีซียูแหละเพราะตอนนี้อาการทรุดลงหลังจากที่ให้คีโมไป แล้วหนูก็เลยต้องหาเวลาที่เขาเปิดให้เยี่ยม ว่างก็จะไปเยี่ยมเขา หลังจากที่ไปเยี่ยมเขา เพราะว่าเหมือนผ่านการให้คีโมไปครั้งแรก การทำคีโมมันคงทรมานมากเลย เรื่องกิจกรรมช่วยเหลือจริงๆ อายอยากไปเยี่ยมเขาก่อน อยากคุยกับตัวเขา อยากคุยกับคุณแม่ก่อนว่าเราจะเอายังไงกันต่อไป”
“ก็จะมีน้องๆ แฟนคลับอยู่กลุ่มหนึ่งค่ะ ที่จะคอยสื่อสารกับเราอยู่ตลอดเวลา ไปเยี่ยมบ่อยมาก ก็คือวันนั้นน้องไปแล้วเขาไม่อนุญาตให้เยี่ยมน้องก็เลยโทร.มาบอกว่าถ้าพี่จะไป เวลากี่โมงถึงจะไปได้ แล้วเราก็ต้องคุยค่ะว่าเราจะเอายังไงเพราะทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเรื่องของเขา คืออายก็ต้องไปขออนุญาตเขาก่อนว่าอายจะทำแบบนี้นะ ว่าเขาจะสะดวกหรือเปล่า”
น้ำตาจะไหลอยากร้องไห้แทน อีกฝ่ายสัญญาจะต้องหายเพื่อมาตามถ่ายรูปตนอีก
“ใจอยากช่วยให้เต็มที่ค่ะ เอายังไงก็ได้ให้เต็มที่ที่สุด คือทุกอย่างรู้ว่าพี่เขา เข้มแข็งจริงๆ คือเวลาที่พี่เขาพูดน้ำตาจะไหล คือเราจะร้องไห้แทน คือพี่เขาดีใจ พี่เขาบอกว่าไม่ได้มาขึ้นแสตนเลย อายก็เลยบอกเขาไปว่างั้นงานบอลปีหน้าต้องมา เขาบอกว่าไม่เขาจะไปก่อนงานบอล จะหายก่อนเพื่อมาตามถ่ายรูป เพราะปกติเขาจะมาตามถ่ายรูปเรา”
“คือเราไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วพอเรามามีหน้าที่การงานในตรงนี้ เขาคือใครก็ไม่รู้ แล้วเราก็คือใครไม่รู้สำหรับเขาแต่เขามาตามเรา เขาเอ็นดูเราทุกครั้งที่มา เขาก็ซื้อขนมมาให้บ้าง บางทีก็ซื้อต้นไม้มาให้เพราะรู้ว่าเราชอบปลูกต้นไม้ วันที่ซื้อนมกล้วยมาเพราะรู้ว่าอายชอบกินนมกล้วย แต่เขาไม่ได้ทำงานที่ได้รายได้ไปมากกว่าเราสักเท่าไหร่เลย แต่รู้ว่าเราชอบอะไรเขาก็หามาให้ มันมากกว่าสิ่งของที่ให้มาคือเขาสละเวลาเลิกงานของเขา แล้วตามมาหาเรา คือเราขอบคุณ มากๆ ไม่รู้จะรู้สึกยังไงได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ แล้วเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์กับคนที่ใกล้ตัวเรา”
ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น “โทโมะ วิศว ไทยานนท์” ขึ้นจอดำในไอจี แต่ยันไม่ได้ทะเลาะกัน
“เราก็ถามเหมือนกันว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นนางก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร ลบแล้ว ไม่ได้ทะเลาะเลยค่ะ อายก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางบอกว่านางอยากลงสีดำ ทำไมเหรอการลงสีดำมันแปลว่าต้องเศร้าเหรอ นี่ก็เลยบอกว่าแต่แฟนคลับเธอตกใจกันไปหมดแล้วนะ มาถามเราว่าพี่โทโมะเป็นอะไรคะ เราก็บอกเขาแล้วค่ะ สุดท้ายเขาก็ลบแล้ว คือก็เข้าใจแหละเขาว่าถ้านักแสดงลงสีดำดำเยอะๆ ทุกคนจะต้องคิดแล้วว่าทะเลาะหรือว่ามีอะไร”
“ถามว่าแฮปปี้มั้ยก็เลยเรื่อยๆ เลยค่ะ ศึกษากัน เหมือนโตๆ กันแล้วอายไม่อยากให้มันเป็นแบบว่าเป็นแฟนกันต้องแบบโน้นแบบนี้ อยากให้ทุกๆ วันอยู่แบบศึกษากันให้เขาศึกษาว่าหนูเป็นยังไงเขาเป็นยังไง”
ไม่อยากตอบแบบดารา คุยทุกวัน เป็นที่ปรึกษาที่ดี มีผลกับอาชีพการงานแต่ไม่เรียกแฟน บอกเรียกแฟนต้องดูหลายๆ อย่าง
“ก็ไม่เชิงเรียกแฟนอย่างนั้น ก็เรียกโทโมะ ความสัมพันธ์ของเราคือเป็นคนที่เรารู้สึก อายไม่ได้ตอบเหมือนดาราหรืออะไรนะแต่อายแค่รู้สึกว่าคนที่จะคบกันเป็นแฟน การที่เราจะคบกับใครสักคนมันต้องแมตช์กันทุกอย่างแบบการงานเราโอเค ที่บ้านเขา ที่บ้านเราโอเค เขากับเพื่อนของเรา เรากับเพื่อนของเขา อายว่ามันต้องดูอะไรหลายหลายอย่างอายไม่อยากมาประกาศว่าวันนี้เราคบกันค่ะแล้วอีกสองปีไม่ใช่แบบนี้”
“ถามว่ากลัวการใช้คำว่าแฟนมั้ย คือถ้าเขาใช่จริงๆ มันก็ใช่ เขาอาจจะใช่ก่อนที่จะมาบอกด้วยซ้ำ ในกรณีที่มันจะเกิดขึ้นนะคะ คือก็เลยไม่ได้โฟกัสเลยว่าจะเลือกคุยกันอะไรยังไง พอดีว่าข่าวที่ออกไปทุกคนก็คิดว่าเป็นแฟนกันแล้วแหละ ในความรู้สึกเราเขาก็เป็นคนที่เราคุยกันทุกวัน คนที่เราปรึกษากันได้ในทุกๆ เรื่อง เรื่องงานของเราเขาไปช่วยเราได้ เพราะภาษาอังกฤษเขาดีมาก มันมีผลกับงานของเราค่ะ”
ก่อนเรียกแฟนต้องผ่านพ่อแม่ให้ได้ซะก่อน
“ใช่ คือถ้าจะใช้คำว่าแฟนก็ต้องบอกพ่อกับแม่ก่อน คือพ่อกับแม่ก็รู้ว่าคุยกัน ต้องดูก่อนว่าพ่อแม่ให้ผ่านหรือเปล่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไฟแดงไฟเขียวอะไร”