“หวงชิวเซิง” ผู้โด่งดังจากหนังฮ่องกงในตำนาน “ซาลาเปา เนื้อคน” บอกว่า เขาตามหาพ่อที่เป็นชาวอังกฤษมานานหลายสิบปีแล้ว และยอมรับว่า การเติบโตที่ฮ่องกงในฐานะ “ลูกครึ่ง” ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาถูกมองเป็นตัวประหลาด และมักจะถูกมองข้ามเสมอ เมื่อครั้งเริ่มต้นอาชีพนักแสดง
หวงชิวเซิง, แอนโธนี หว่อง หรือชื่อจริงตั้งแต่กำเนิด “แอนโธนี วิลเลียม เพอร์รี” เป็นยอดนักแสดงชาวฮ่องกงที่คว้ารางวัลมามากมาย ล่าสุด เขาได้ให้สัมผัสเปิดใจกับ BBC ถึงชีวิตหลาย ๆ ด้านของตัวเอง ทั้งการค้นหาตัวตน, ชีวิตในฐานะลูกครึ่ง และการตามหาพ่อที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามานานถึงครึ่งศตวรรษแล้ว
ไม่เจอพ่อมา 52 ปี
เจ้าของบท “ซาลาเปาเนื้อคน” บอกว่า เขาพ่อของเขาชื่อ เฟดเดอริก วิลเลียม เพอร์รี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่เข้ามาทำงานในฮ่องกงในช่วงที่ฮ่องกงยังอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ
จนพ่อได้พบรักกับแม่ที่เป็นชาวจีนในฮ่องกง แต่เมื่อเขาอายุได้ 4 ขวบ พ่อก็เดินทางกลับประเทศไป และไม่เคยกลับมาเจอหน้าเขากับแม่อีกเลย
เขาได้ข่าวคราวของพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อตอนอายุได้ 12 ขวบ ตอนนั้น หวงชิวเซิง ป่วยหนักจนต้องผ่าตัด แม่ก็เลยพยายามหาทางติดต่อผู้เป็นพ่อจนทราบว่า ตอนนั้นเขาเดินทางไปทำงานที่ออสเตรเลีย จึงพยายามติดต่อไป แต่ตอนนั้น ฝ่ายพ่อกลับยืนกรานว่า เขาจะยอมคุยโทรศัพท์ด้วยหากแม่ของหวงชิวเซิง จะต้องเป็นคนจ่ายค่าโทรศัพท์ทางไกลทั้งหมดเท่านั้น และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวของหวงชิวเซิง ติดต่อกับพ่อของเขาได้
ความเป็น “ลูกครึ่ง” คือ อุปสรรคทั้งต่อการใช้ชีวิต และในอาชีพนักแสดง
และด้วยควาปเป็นลูกครึ่ง ทำให้หวงชิวเซิง มีหน้าตาไม่เหมือนชาวจีนทั่ว ๆ ไป เขาบอกว่า ตอนเป็นเด็กมักจะถูกเรียกว่าเป็น “ตัวประหลาด” และโดนเพื่อน ๆ รังแกอยู่เสมอ ตัวของเขาเองก็รู้สึกสับสนมาตลอดว่า ตัวเองจะเป็น “ฝรั่ง” หรือ “คนจีน” กันแน่
“ตอนเป็นเด็ก ผมต้องปกป้องความรู้สึกของตัวเองด้วยการใช้ชีวิตอยู่ในจินตนาการที่สร้างขึ้น ซึ่งมันก็อาจจะทำให้ผมกลายเป็นนักแสดงในเวลาต่อมาก็ได้” หวงชิวซิง กล่าว
แต่แม้จะได้ชื่อว่ามีฝีมือการแสดงที่โดดเด่นมาตั้งแต่ต้น ในช่วงแรก ๆ ของอาชีพ หวงชิวเซิงกลับหางานในวงการบันเทิงได้ยากมาก เขาเริ่มทำงานกับสถานีโทรทัศน์ ATV ตั้งแต่ปี 1982 และต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าที่คนจะเริ่มจำชื่อได้ “ตอนนั้น ไม่มีบทอะไรที่พอจะเหมาะกับผมเลย เพราะรูปร่างหน้าตากลายเป็นข้อจำกัดในการแสดงของผมมาก”
จนต่อมา เขาจึงสร้างชื่อขึ้นมาได้ในฐานะนักแสดงมากฝีมือ และรับบทได้ทุกประเภทตั้งแต่การเป็นอาชญากรตัวร้ายจนไปถึงนายตำรวจยอดฝีมือ
ตามหาพ่อ-ตามหาตัวตน
แต่แม้จะเริ่มมีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับ หวงชิวเซิงก็ยังไม่สามารถสลัดความรู้สึกที่ว่า “เราคือใครกันแน่” ออกไปจากหัวได้ ในปี 1997 เขาได้ตัดสินใจเดินทางไปอังกฤษเพื่อเรียนต่อ พร้อมกับตามหาพ่อ และรากเหง้าของตัวเอง แต่สุดท้าย ก็ไม่ค้นพบเบาะแสใด ๆ ในตลอด 1 ปี ที่อยู่ที่นั่น
เมื่อปีก่อนนี่เอง หวงชิวเซิงยังลองโพสต์ภาพพ่อของตัวเองลง Facebook ดูเผื่อจะโชคดีมีคนที่รู้จัก “ผมคิดว่า พลังของอินเทอร์เน็ตอาจจะทำให้ผมเจอพ่อได้ ... ก็ลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ พ่ออาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“บางเรื่องในชีวิตก็เหมือนกับแผลเป็น ที่มันจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดไป คอยย้ำเตือนถึงอดีต แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวลอะไรกับมันอีกแล้ว” หวงชิวเซิง กล่าวอย่างทำใจ