xs
xsm
sm
md
lg

พ่อตาย ทำไมไม่เศร้า! “ป๋อมแป๋ม” เคลียร์ดรามาร้อน ก่อนขออโหสิในฐานะลูกกะเทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ป๋อมแป๋ม” เปิดใจเศร้าสูญเสียพ่อ แค่ไม่ออกสื่อ บอกเซไม่ได้ ต้องเป็นหลักให้แม่ยึด ไม่เห็นความจำเป็นต้องโอดครวญผ่านสื่อ ยันพ่อไม่ได้ไปปุบปับ ผ่านช่วงโคม่า ช่วงเวลาทำใจแบบพีกๆ ได้อยู่ดูแลจนนาทีสุดท้ายของชีวิต บอกขออโหสิในฐานะลูกกะเทย

สูญเสียคุณพ่อที่รักยิ่งไปไม่นาน แต่ก็มีดรามาตามมาว่า “ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร” ยังโพสต์ฮาทำเป็นเรื่องตลก ไม่เศร้าเลยสักนิด ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ชี้แจงผ่านสื่อว่าไม่เห็นความจำเป็นต้องโอดครวญให้ใครเห็น พร้อมยันผ่านช่วงเวลาทำใจแบบพีกๆ มาแล้ว

“เศร้าแต่ก็ยังทำงาน หลักๆ เพื่อเงินนะ (ยิ้ม) ไม่หรอกเรายังมีแม่มีน้องที่ต้องดูแล พอพ่อเสียเราก็เลยต้องการเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วคนที่ซวนเซมากกว่าเราก็คือแม่นะ เราก็ต้องเป็นหลักให้เขานะ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้เศร้านะ แค่ไม่ได้ออกสื่อ แต่เราแอบไปงอแงกับเพื่อนนะ เราไม่เห็นความจำเป็นต้องโอดครวญนะ แต่ก่อนที่คุณพ่อจะเสียเราก็มีโอกาสได้ไปคุยกับแม่ชีศันสนีย์ แม่ชีได้ให้ข้อคิดมาหลายอันและนำมาปรับใช้ได้ เราจะได้เอาธรรมะมาปรับใช้ในชีวิตจริงกับเราสักทีแล้วช่วยได้”

“เราทำงานตลอด แต่ถามว่าจิตใจไม่ซวนเซเลยมั้ย คือต้องบอกก่อนว่าคุณพ่อไม่ได้ไปปุบปับ เรารู้ว่าเขาไม่สบายและโคม่ามาพักหนึ่ง มันผ่านจุดที่ไม่ไหวไปแล้ว และผ่านจุดเศร้าพีกๆ ผ่านช่วงทำใจไปแล้ว พอเอาเข้าใจจริง ตอนที่คุณพ่อไปจริงๆ มันก็เลยไม่ได้ช็อกเท่าที่คาดไว้นะ มันผ่านตรงนั้นไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคุณพี่คุณน้อง งานสวดพระอภิธรรมและงานฌาปนกิจวุ่นวายรายละเอียดเยอะมาก ตอนนี้บอกญาติทุกคนแล้วว่าห้ามตาย งานมันจุกจิกมากจริงๆ พอถึงตอนนั้นมันไม่มีเวลามานั่งเศร้าหรอกนะ ต้องจัดการหลายอย่าง แล้วอีกอย่างเราบอกแม่ว่าเราว่าไม่ต้องทำอะไรอยู่เฉยๆ รับซอง ถ้าเราเสียเวลาโศกเศร้าเราจะพินาศได้”

“อาการของคุณพ่อ ท่านป่วยมาประมาณปีหนึ่ง เขาผ่าตัดอะไรหมด แล้วรอบที่เขาโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายคือเหมือนมันลามไปแล้วหมอก็แจ้งว่าให้เวลาอีก 7 วัน แล้วเราเข้าสู่กระบวนการทำใจไปแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราก็บอกแม่นะว่าถ้ามันมีออปชั่นอะไรมา ไม่ต้องลังเลที่จะทดลอง แต่ว่าแม่เราก็ต้องตัดสินใจแล้ว ตรงนั้นเราเลยมีเวลาทำใจ แล้วเราก็รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมงาน พอมันเกิดขึ้นจริงๆ เลยวิ่งต่อ”

ขออโหสิในฐานะลูกกะเทย เผยอยู่กับพ่อจนนาทีสุดท้าย
“วีกก่อนที่เขาจะไป เรากินนอนอยู่โรงพยาบาล เราอยู่จนเส้นหัวใจหายไปอย่างนี้ (รูปจับมือคุณพ่อที่โพสต์ลงไอจีได้พูดอะไรเป็นครั้งสุดท้ายไหม?) จริงๆ พูดหลายอย่างนะ เอาจริงๆ โมเมนต์ที่พ่อจะไป เราบอกทุกคนว่าไม่ต้องเศร้าแล้ว เชื่อว่าทุกคนทำใจแล้ว และให้พูดเรื่องดีๆ ดีกว่า ญาติโยมเล่าเรื่องความมีระเบียบ บรรยายกาศตรงนั้นเป็นเรื่องราวดีๆ ถ้าเขาไปไม่ต้องโศกเศร้า จริงๆ ไม่ได้สั่งเสีย ตัวเราไม่ได้บอกลาอะไรเบอร์นั้น เราก็ขออโหสิ พ่อกับลูกกะเทยนึกออกมั้ย (ยิ้ม) มันก็ต้องเคยมีอะไรที่เราต้องเถียงกัน เราบอกว่าเราไม่ได้โกรธไม่เคือง คือมันไม่ได้ใช้คำว่าให้อภัยนะ แต่เราไม่ได้โกรธ”

“เราบอกแม่ว่าไม่ต้องเข็มแข็ง แม่พยายามเข็มแข็ง จะเสียใจก็เสียใจจะร้องไห้ก็ร้องไห้ เอาตอนนั้นนะคือเราเป็นลูกเราไม่ไปไหน ให้เขาสบายใจว่าเขามีฟูกล้มแล้วไม่เจ็บ”

ยึดหลักคำสอนแม่ชีศันสนีย์ ไม่ได้รักกับสิ่งของแต่รักกับความรู้สึก สิ่งที่มีจะไม่บุบสลายหายไป
“จับใจความหลักๆ ได้มา 2 อย่าง ข้อ 1 คนเราที่โศกเศร้ากับสิ่งที่เราเสียไป มักจะมีคำถามว่า ณ ตอนนั้น จุดๆ และ ณ ตอนนี้จุดๆ ถ้ามันมีเวลาเหลือจงทำให้เราไม่เสียดายอะไร กับอีกอย่างหนึ่งแม่ชีให้เราแยกความรักและความผูกพัน เราจะผูกพันกับตัวคน กับสิ่งของ พอของมันแตกเราก็จะโอ้ย ความรักเราไม่ได้รักกับสิ่งของแต่เรารักกับความรู้สึก เพราะฉะนั้นความรู้สึกมันไม่บุบสลายหายไป เหมือนตัวมนุษย์ เวลาที่เรารักพ่อเรา เราไม่ได้รักรูปร่างเขา แต่เรารักสิ่งที่เขาเคยทำกับเราการเลี้ยงดู และสิ่งตรงนี้ไม่ได้หายไปไหน เอาเทียบง่ายๆ เวลาเราไปเมืองนอก เราคิดถึงใครคนหนึ่ง เขาไม่ได้อยู่กับเราตรงนั้น แต่พอเราคิดถึงเหมือนเขายังอยู่เข้าใจมั้ย เปรียบเทียบเหมือนเราไปเมืองนอก เราใช้แบบนี้เราเลยไม่ได้ตีอกชกตัว”



กำลังโหลดความคิดเห็น