“อี๊ด โปงลาง” เปิดใจให้เงินแม่ 1 แสนปลอบใจ หลังแม่ตรวจพบป่วยเป็นโรคไต ระยะที่ 4 ต้องฟอกไตแล้ว บอกแม่เครียดนอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ ร้องไห้ 7 วัน แต่สุดท้ายเกมพลิก หมอวินิจฉัยผิด ดีใจจนไม่อยากเอาเรื่องใคร แจงวิวาห์ด่วนเพราะอยากมีลูก แต่ยันเมียยังไม่ท้อง บอกขำๆ ได้ยินแล้วก็มาเกิดให้หน่อย ยอมรับไม่ได้ส่งการ์ดเชิญให้ “ลาล่า - ลูลู่” อ้างลืม ไม่ตัดขาด แต่ไม่สนิทเหมือนเดิม
จากเรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องราวดีๆ ซะงั้น สำหรับนักร้องหนุ่ม “อี๊ด โปงลางสะออน” ซึ่งตอนแรกแทบช็อก แม่ป่วยเป็นโรคไตระยะที่ 4 ต้องฟอกไต แต่ไปๆ มาๆ เจ้าตัวก็เผยว่าเกมพลิกซะงั้น ถึงขั้นหนุ่มอี๊ดต้องให้เงิน 1 แสนปลอบใจแม่เลยทีเดียว โดยเจ้าตัวเผยระหว่างมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์อีสานมาดอบอุ่น “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 part 1” ณ SF WORLD CINEMA ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ยันไม่เอาเรื่องหมอ
“เรื่องเงินเซอร์ไพรส์ 1 แสน เราเคยแต่ให้เงินแม่เป็นการโอนให้ทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการปลอบใจแม่ เพราะแม่ได้ทราบข่าวว่าแม่เป็นโรคไตระยะที่ 4 แล้ว อีกนิดเดียวจะฟอกไตแล้ว ผมด้วยความตกใจก็เลยเดินทางกลับไปบ้าน ยกเลิกคิวอะไรต่างๆ แล้วกลับบ้าน ตัดสินใจพาแม่ไปตรวจที่คลินิก ไปเอายามากินก่อน เพราะหมอไม่ได้ให้ยามา หมอบอกว่าไตเหลือแค่ 17% ผมก็ถามว่าหมอไม่ให้ยามากินเลยเหรอ แม่บอกไม่ได้ให้เลย ให้แต่รักษาตัว ไม่ให้กินเค็ม กินรสจัดเฉยๆ ผมก็เอะใจเลยถามหมอที่คลินิก หมอบอกว่าสภาพแม่หน้าตาสดใสแบบนี้จะใช่เหรอ ตรวจใหม่อีกครั้งมั้ย หมอเลยส่งตัวจากคลินิกไปโรงพยาบาลในอำเภอ พอตรวจรอผล 2 ชั่วโมงหมอก็เรียกไปฟังผล หมอบอกว่าไตแม่สมบูรณ์มาก ตับก็สมบูรณ์มาก เราก็ช็อก จากอาทิตย์ที่แล้วแม่นอนไม่หลับ แม่นอนร้องไห้ ก็ทรุดลงไปเองเลย เราก็ใจเสีย แม่ก็ไม่กล้าบอกลูกชาย แต่วันนี้เกมมันพลิกเลย หมอบอกว่าแม่ไม่เป็นอะไร เราก็เลยช็อก แม่ก็ร้องไห้เลย”
“คุณหมอที่ตรวจครั้งที่ 2 ผลเลือดช่องมันเยอะมาก ค่านั่นค่านี่ หมออาจจะไปดูอีกช่องหนึ่ง อ่านค่าผิด แต่ผลการตรวจไม่ผิดหรอก เพราะมันตรวจด้วยคอมพิวเตอร์หมดอยู่แล้ว แต่อาจจะบอกช่องผิด แม่ก็ตกใจที่หมอบอกว่าไตแม่เหลือแค่ 17% อีก 2% แม่ต้องฟอกไตแล้ว คนเรามันก็ทรุดสิ แม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนั้นกลับบ้านเราก็ดีใจและเป็นวันหวยออกพอดี (หัวเราะ) วันเกิดผมวันที่ 15 อายุ 39 ซื้อลอตเตอรี่ก็เลยถูก เราก็เลยเอาเงินที่ถูกรางวัลด้วยและเพิ่มอีกส่วนหนึ่งเซอร์ไพรส์แม่ ใส่กระติบข้าวไว้เป็นการปลอบใจ เพราะตอนเช้าเราจะกลับแล้ว เลยคิดว่าจะเอาอะไรดีปลอบใจแม่ว่าแม่หายจากการไม่สบายแล้ว เลยเอากระติบใส่เงิน 1 แสนเข้าไป (ยิ้ม)”
“พอรู้ว่าหมอวินิจฉัยผิดเราไม่มีความรู้สึกอื่นเลยนอกจากดีใจ ดีใจจนไม่ได้คิดจะไปเอาเรื่องกับใคร ก็เลยบอกแม่ว่าที่หมอโรงพยาบาลเดิมนัดอีก 1 เดือนแม่ก็ไปปกตินั่นแหละ ไปฟังว่าจะเป็นยังไง มันก็เป็นการดีที่มีคนเตือนเราว่าเราอย่ากินเค็ม กินเผ็ด รักษาตัวเอง มันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นตาสีตาสาที่เขาเชื่อไปแล้วว่าเขาไม่สบาย เขาอาจจะตรอมใจและไปได้ง่ายๆ ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ถ้าใครตรวจแล้วไม่แน่ใจก็ไปตรวจซ้ำก็ดี หมอท่านนั้นยังไม่ได้ขอโทษครับ ท่านอาจจะยังไม่ทราบก็ได้ ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปหาคุณหมอ ผมอยู่กับแม่แค่ 2 วันเอง ยังไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลนั้นเลย แต่แม่ก็ไปตรวจตามปกติแหละ ไม่ได้จะไปถามว่าหมอตรวจผิดหรือเปล่า ยังไม่ได้เข้าไปตรงนั้น”
วางแผนพาแม่มาดูแลที่กรุงเทพฯ บอกแม่แฮปปี้ได้เงิน 1 แสนปลอบใจ ซื้อเนื้อย่างมากินกันทั้งหมู่บ้าน
“ผมวางแผนไว้แล้วว่าจากนี้เป็นต้นไปจะพาแม่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะที่บ้านนอก ที่กาฬสินธุ์มีพ่อแม่อยู่ 2 คน ผมกับน้องอยู่กรุงเทพฯ พอแม่มาเป็นแบบนี้ผมก็วางแผนว่าจะให้พ่อทำงานอยู่ที่โน่น เพราะพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็จะให้แม่มาอยู่กับเราเพื่อเราจะได้ดูแลมากขึ้น วางแผนไว้หมดแล้วว่าจะอยู่ยังไง”
“ตอนแรกแม่นี่ยิ่งกว่าอะไรเลย นอนไม่หลับ กินไม่ได้เลย ไม่กล้ากินอะไรนอกจากไข่ขาวกับข้าวเหนียว ข้าวเหนียวก็ไม่กล้ากินอีก กินแต่ข้าวสวย 7 วันนะหลังจากรู้ข่าว แล้วไม่กล้าบอกลูกชาย คนข้างบ้านโทร.มาบอก เราถึงโทร.กลับไปหาแล้วเขาก็ร้องไห้ 7 วันนั้นกินแต่ไข่ขาว หุงข้าวกินเอง นอนก็ไม่หลับ น่าสงสารมาก ต้องดูแลตัวเองทุกอย่าง ตอนนี้วันแรกกินอาหารทะเลกันเลย (หัวเราะ) ซื้อเนื้อย่างมากินกันทั้งหมู่บ้านเลย ได้เงินปลอบใจไปก็ดีใจนี่แหละ”
รับวิวาห์สุดชื่นมื่น อยากมีลูกเพื่อสร้างอนาคต ชีวิตมีจุดมุ่งหมาย บอกขำๆ หญิงชายก็ได้ ถ้าได้ยินแล้วมาเกิดให้หน่อย
“ต้องขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนด้วยที่ไม่ได้เชิญ ก็ดีครับ ชื่นมื่นดี พอเราแต่งงานไป ความรู้สึกหนึ่งมันเกิดขึ้น คือเราอยากมีลูกเพราะว่าตอนนี้เราสร้างอนาคต เราทำงานหาเงินมามันก็ยังนึกไม่ออกว่าจุดหมายเราคืออะไร แต่พอเราแต่งงาน เราต้องดูแลเขา อยากมีลูกเพื่อที่จะสร้างอนาคต ดูแลเขา เป็นอะไรที่มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น แต่ตอนนี้เขายังไม่ท้องครับ”
“ตั้งใจอยากจะมี ไม่จำเป็นต้องผู้หญิงหรือผู้ชายก่อนนะ ใครก็ได้ที่เขามาเกิดกับเรา ขอให้เป็นลูกเรา ผู้หญิงหรือผู้ชายไม่เป็นไรครับ ถ้าได้ยินแล้วมาเกิดหน่อยนะครับ เพราะว่าอายุเราเยอะมาก ผมจะลองใช้วิธีของผมก่อน คือพักผ่อนให้มากขึ้น เรื่องการดื่มผมก็ถามพี่ๆ ว่าทำตัวยังไง จะศึกษาตรงนี้ก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะไปหาหมอครับ เรื่องสุขภาพผมจะไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเราพร้อมขนาดไหน พาเขาไปคุยกับหมอเรื่องวางแผนครอบครัว จะพากันไปเร็วๆ นี้ครับ”
ยอมรับลืมส่งการ์ดแต่งงานให้ “ลาล่า - ลูลู่” จริงๆ แต่อ้างเปลี่ยนโทรศัพท์ ไลน์ของทั้งคู่เลยไม่อยู่ ยันไม่ได้ตัดขาด แต่ไม่สนิทเหมือนเดิม
“อันนั้นลืมจริงๆ ไม่ใช่ว่าลืมเขานะ คือเวลาพี่ส่งการ์ดเป็น e-card เราจะส่งออนไลน์ไปทางไลน์ แล้วคราวนี้มีการเปลี่ยนโทรศัพท์ แล้วไลน์น้องสองคนมันไม่อยู่แล้ว และไม่ใช่แค่น้องสองคนนะ หลายคนมากที่เป็นดาราและผู้หลักผู้ใหญ่ก็ตกหล่นกันไปเยอะ ด้วยความที่เราเป็นคนขี้เกรงใจด้วย ผมว่าไม่น่ามีอะไรนะครับ ก็ต้องขอโทษด้วย คือ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่เชิญครับ ยังไม่ได้โทร.หาน้องเลยครับ ก็มีคนมาบอกอยู่เรื่องดรามา แต่บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ก็เห็นแต่ในไอจีที่เขาแสดงความยินดีครับ ยังไม่ได้เจอกันเลย เราก็คุยกันนะ น้องก็มาแจมที่โรงเบียร์ที่ผมเล่นที่แจ้งวัฒนะ เขาก็ยังมาสนุกกันอยู่นะครับ เพียงแค่ว่าเราไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะต่างคนต่างทำงาน”
“เรื่องตัดขาด มันไม่ตัดขาดกันหรอกครับ เราอยู่กันมาขนาดนี้ ยังรักและเป็นห่วงอยู่ตลอด ยังติดตามเขาอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าหน้าที่การงานทำให้คนเราต้องคุยกันน้อยลง แต่ไม่เคยลืมหรอกว่าเรามีวันนี้ได้ก็เพราะเขา เพราะน้องๆ ทุกคน ไม่ใช่ว่าเรามาคนเดียว ทุกวันนี้ก็อยู่กับน้องๆ ทุกคนในวงครับ ต่างคนต่างก็ช่วยกันครับ เราก็ติดต่อเฉพาะอะไรที่สำคัญๆ อย่างที่โรงเบียร์วันเกิดเราปีที่แล้วเขาก็ไปหา เขาไม่ว่าง เขาก็ไปก่อน เอาดอกไม้ไปให้เราและขึ้นแจมกับเรา เล่นดนตรีคอนเสิร์ตกันครับ แต่เพียงแค่ไม่ได้โทร.หากันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนครับ”