“เจษ เจษฎ์พิพัฒ” เผยสถานะสาวที่คุยด้วยยังไม่ขยับ รับอีกฝ่ายเตรียมไปเรียนต่อที่ยุโรป แม้จะกลัวแต่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องลังเล บอกผมทำเพื่ออนาคตของเขา อยากให้มีโอกาสที่ดี เชื่อถ้ากลับมาต้องดีกว่าเดิม
เพิ่งออกมายอมรับว่ากำลังศึกษาดูใจสาวนอกวงการได้ไม่นาน แต่ล่าสุดก็ไม่รู้ว่า “เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” ต้องผ่านบททดสอบรักระยะไกลรึเปล่า หลังจากที่สิ้นปีนี้ฝ่ายหญิงต้องไปเรียนต่อที่ยุโรป โดยหนุ่มเจษเผยว่าวาเลนไทน์ที่ป่านมาก็ยังไปกินข้าวด้วยกันแต่สถานะยังเป็นเพื่อน ไม่ได้ขยับ และคุยกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่าขอคบกันโดยไม่ระบุสถานะ
“ไม่มีอะไร ผมไปกินข้าววันที่ 13 ก.พ. มา กินกับเพื่อนคนนั้นแหละ สถานะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ไม่ได้ขยับความสัมพันธ์อะไร มันหลายปัจจัยด้วยทั้งเวลาที่มันอาจจะยังไม่เหมาะสม หน้าที่การงานรวมทั้งสิ่งที่เขาหรือเราต้องทำ ผมว่ามันยังไม่จำเป็นที่จะต้องขยับสถานะตอนนี้คือเขาต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมก็ไม่ได้กลัวรักแท้แพ้ระยะทาง แต่มันจะมีช่วงเตรียมตัวก่อนไปเรียนทั้งสอบและอ่านหนังสืออาจจะทำให้ไปกระทบกับเขามันก็จะไม่ดี”
“เราก็ตกลงกันทั้งสองคน ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ระบุสถานะ จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราทำให้เขามากกว่า เรามีอะไรพูดตรงๆอยู่แล้วและเราก็ทำงานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่ในแง่มุมของคนที่ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เต็มตัวเขาอาจจะไม่เข้าใจมากเท่าไหร่ว่าเปิดไม่เปิดมันเป็นยังไง เราทำให้เขาในเรื่องที่จะไปเรียนต่อมากกว่าไม่อยากให้กระทบกับการเตรียมตัวของเขา เขาก็น่าจะไปตอนสิ้นปีมั้ง ไปประเทศแถบๆ ยุโรปแต่ยังไม่ชัวร์ว่าจะไปลงประเทศไหน ซึ่งเขาก็คงจะไปประมาณ 1-2 ปี ถ้าว่างหรือมีโอกาสก็คงไปเที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่มๆ ใหญ่ๆ ก็ได้เพราะเพื่อนเขาก็เป็นเพื่อนผมด้วย”
ห่วงเรื่องระยะทางและเวลาที่ไม่ตรงกัน ยันไม่เอาความกลัวของตัวเองไปทำให้อีกฝ่ายลังเล บอกเป็นโอกาสที่อีกฝ่ายควรได้รับและเป็นสิ่งที่กลับมาแล้วจะดีกว่าเดิม
“จริงๆ ก็ห่วงนิดหน่อย แต่ว่ามันดีกับเขามากกว่ามันเป็นโอกาสที่เขาควรจะได้รับและมันก็เป็นสิ่งที่กลับมาแล้วจะมีอะไรที่ดีดว่าเดิม และเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นวุฒิภาวะที่มันสูงขึ้น ความกลัวของเราไม่ควรจะเอาไปทำให้เขาลังเล เราไม่มีห้ามเขาเลยครับ ในใจคิดนะ แต่ไม่พูดดีกว่ามันเป็นอนาคตที่ดีของคนที่จะได้ไปเรียนต่อไปใช้ชีวิตเอง”
“เราคุยมาปีกว่า ถามว่าไม่ระบุสถานะแต่ก็ชัดเจนมั้ย จริงๆ เราเปิดโอกาสให้ทั้งคู่นะว่าถ้ามีหรือรู้สึกอะไรก็บอกกันตรงๆ ต้องอะไรแค่ไหนก็บอกกันตรงๆ ไม่ได้มานั่งกำหนดว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่คนอื่นเขาเป็นกัน เวลาผมเริ่มศึกษาหรือคุยกับใครผมก็จะคุยคนเดียว แต่มองก็คงปกติครับ”
ไม่หวั่นสัมพันธ์เปลี่ยน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ไม่ได้กลัวความสัมพันธ์เปลี่ยนไปนะครับ ก็แค่ทำให้มันดีไปเรื่อยๆ แต่อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราไม่รู้หรอกเราอยู่ที่นี่หรือเขาอยู่ที่นั่นจะเจออะไร เขาก็ยังไม่ได้บอกอะไรเพราะตอนนี้เขายังไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาใกล้ๆ ไปคงจะมีคุยอะไรกัน”