รักไปไม่รอดอีกแล้วสำหรับ “เจนนิเฟอร์ อนิสตัน” นักแสดงดังอดีตภรรยาของ “แบรด พิตต์” ที่ล่าสุด ประกาศแยกทางกับสามีคนปัจจุบันอย่าง “จัสติน ธีโรว์ซ” หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้เพียง 2 ปีครึ่ง
ทั้งคู่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันข่าวดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการแยกทางกันด้วยดีตั้งแต่ปีที่แล้ว
“จากความพยายามที่จะลดข้อสงสัยอะไรต่าง ๆ เราเลยตัดสินใจที่จะขอประกาศว่า เราได้แยกทางกันแล้ว การตัดสินใจแยกทางครั้งนี้เป็นการตกลงร่วมกัน และคุยกันอย่างดีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ตัดสินใจจะแยกทางกันเดินในวิถีทางของตนเอง แต่ยังคงตั้งใจที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้”
“คือเราอยากจะแยกทางกันแบบเงียบ ๆ แต่พวกวงการข่าวเมาท์ไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสในการปั่นข่าว เราเลยต้องออกมาเผยความจริงแบบตรงไปตรงมา อะไรก็ตามที่ตีพิมพ์ไป ถือว่าไม่ได้มาจากปากเราสองคน เป็นแค่การแต่งเรื่องขึ้นของใครบางคนเท่านั้น และเหนืออื่นใด เราสองคนยังคงจะรักษาความสัมพันธ์ที่รักและให้เกียรติซึ่งกันและกันตลอดไป”
เจนนิเฟอร์ และ จัสติน ได้หมั้นหมายกันเมื่อเดือน ส.ค. 2012 และเซอร์ไพร์สแฟน ๆ ด้วยการประกาศแต่งงานกันแบบลับสุดยอดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2015 โดยทั้งคู่ไม่ได้มีบุตรร่วมกันแต่อย่างใด
ในงานแต่งงานที่จัดขึ้น ณ สวนหลังบ้านของทั้งคู่นั้น มีคนดังมาร่วมงานมากมาย ทั้งเอลเลน เดอเจเนอเรส, โฮเวิร์ด สเติร์น, ซานดรา บูลล็อก ฯลฯ
นับจากที่ทั้งคู่ประกาศคบหาดูใจกัน สื่อต่าง ๆ ก็จับตาดูความรักครั้งใหม่ของเจนนิเฟอร์ อนิสตัน อย่างมากมายหลังจากที่เธอเคยต้องเลิกราแบบสนั่นโลกกับสามีคนแรกอย่าง แบรด พิตต์ ที่ไปคบหาดูใจกับแองเจลินา โจลี
เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ได้เคยพูดถึงความรักระหว่างเธอกับจัสตินที่ถูกสื่อจับตามอง และเหน็บว่า เธออาภัพในรัก และคาดว่ารักครั้งนี้จะไปไม่รอด ด้วยความต่างทั้งเรื่องอายุ และความดัง โดยเวลานั้น เธอได้ตอกกลับสื่อทั้งหลายโดยระบุว่า “ไม่ว่าพาดหัวข่าวไร้สาระจะพูดถึงฉันว่าอะไร มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเบื่อในกันและกัน เราพยายามกันหนักมาก เพราะที่น่าสนใจ คือ ตาเขาสวยมาก ๆ เลย เราพยายามที่จะเอนเตอร์เทนกัน แล้วก็คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันแบบไม่รู้จบ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ นะ”
ส่วนทางด้านจัสติน ธีโรว์ซ ก็เคยเผยว่า ชื่อเสียงที่โด่งดังมาก ๆ ของเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ไม่เคยทำให้เขารู้สึกถูกข่มหรือกดดัน ในทางกลับกัน กลับทำให้เขาภูมิใจด้วยซ้ำ “เธอประสบความสำเร็จก็เพราะมันมีเหตุมีผลของมัน...เราไม่ได้แข่งขันอะไรกัน”