ประกาศผลกันไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันวานที่ผ่านมา สำหรับการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2560 ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ที่มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นผู้แถลง ณ ทำเนียบรัฐบาล
โดยในปีที่ผ่านมาได้มีศิลปินที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้น จำนวน 17 คน ดังนี้ 1. สาขาทัศนศิลป์ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ (จิตรกรรม) นายศราวุธ ดวงจำปา (ประติมากรรม) นายเสวต เทศน์ธรรม (ประติมากรรม) นายสมชาย แก้วทอง (การออกแบบแฟชั่น) นายสิน พงษ์หาญยุทธ (สถาปัตยกรรม)
สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 3 คน ได้แก่ นางเพ็ญศรี เคียงศิริ นายพิบูลศักดิ์ ละครพล นายเทพศิริ สุขโสภา
สาขาศิลปะการแสดง จำนวน 9 คน ได้แก่ นางสุรางค์ ดุริยพันธุ์ (คีตศิลป์) นางรัตติยะ วิกสิตพงศ์ (นาฏศิลป์ไทย) นายบุญศรี รัตนัง (ดนตรีพื้นบ้านล้านนา) นายวิรัช อยู่ถาวร (ดนตรีสากล) ท่านผู้หญิง วราพร ปราโมช ณ อยุธยา (นาฏศิลป์สากล) นายพิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ (ดนตรีไทยสากล) ศาสตราจารย์ มัทนี รัตนิน (ละครเวที) นายยุทธนา มุกดาสนิท (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) และ นายคเณศ เค้ามูลคดี (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์)
โดยหลังจากที่ได้รับรู้ผลการประกาศ นายคเณศ เค้ามูลคดี หรือ “รอง เค้ามูลคดี” ดารานักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดังซึ่งเป็นที่เคารพรักของคนในแวดวงบันเทิงก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า...“ร้องไห้ไม่หยุด ภูมิใจและดีใจที่สุดในชีวิต เพิ่งประกาศเมื่อครู่นี้เอง เป็นเกียรติยศแก่สกุล “เค้ามูลคดี” และตัวเองที่สุด พ่อจ๋าแม่จ๋า รองทำได้แล้วจ้ะ” ก่อนจะมีคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างมากมาย
...
เลือดศิลปินโดยกำเนิด
“รอง เค้ามูลคดี” เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2490 เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ “ฉลาด เค้ามูลคดี” โต้โผลิเกชื่อดังในอดีต โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นละครวิทยุตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ ป.4 พออายุได้ 10 ขวบ เข้าแสดงหนังเป็นครั้งแรกเรื่องเหนือมนุษย์ (2502) จากนั้นมีโอกาสแสดงละครโทรทัศน์เรื่องแรกเรื่อง รอยร้าวในดวงใจ
ตลอดระยะเวลาของการเป็นนักแสดงกว่า 60 ปี จนถึงปัจจุบัน ดารารุ่นใหญ่คนนี้ผ่านงานละครมามากกว่า 130 กว่าเรื่อง, ภาพยนตร์อีกกว่า 60 กว่าเรื่อง และสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครชื่นชมในตัวนักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้ ก็คือ เรื่องของความรักความจริงใจที่เจ้าตัวมีให้กับภรรยานักแสดง “ปทุมวดี โสภาพรรณ” หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า “ป้าทุม” โดยได้ดูแลอีกฝ่ายอย่างดีในระหว่างที่ภรรยานอนป่วยหนักช่วยเหลือตนเองไม่ได้นั่นเอง