xs
xsm
sm
md
lg

“ทราย” รู้สึกแย่ ต้องพาแม่เข้ารักษาที่ รพ.ศรีธัญญา อีกครั้ง รับต้องใช้เงิน อึดถ่ายละคร 5 เรื่อง มีติดต่ออีกจะรับอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ทราย เจริญปุระ” เผยป่วยโรคซึมเศร้าไม่กระทบงานละคร อึดรับแหลก 5 เรื่อง เพราะต้องใช้เงินในการรักษาอาการป่วยของแม่ ถ้าติดต่อเข้ามาอีกก็จะรับอีก บอกรู้สึกแย่ที่ต้องพาแม่เข้า รพ.ศรีธัญญา อีกครั้งเพื่อปรับตัวยาใหม่ สะท้อนใจแม่เอ่ยปากเสียใจที่เป็นภาระของลูก

ทำหน้าที่ลูกที่ดีในการดูแลแม่ซึ่งป่วยจากอาการสมองน้อยเสื่อม และโรคซึมเศร้า วิ่งรอกเข้า รพ.ศรีธัญญาตลอดสำหรับ “ทราย เจริญปุระ” ล่าสุด เจ้าตัวก็เปิดใจว่าลุยรับงานเต็มกำลัง อัดละครถึง 5 เรื่อง ถ้ามีติดต่อมาอีกก็จะรับอีกเพราะต้องใช้เงินในการรักษาอาการป่วยคุณแม่ และเสียใจที่แม่ต้องเข้ารพ.อีกครั้งเพื่อปรับยาครั้งใหม่

“จริงๆ ก็ไม่ได้ห่าง เพราะเล่นอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดของหนิงก็คือคนเริงเมือง แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่พีเรียดเท่านั้นเอง (หัวเราะ) ก็ยังคุยเล่นกันในกองว่าถ้าจะมีเลขาที่ทำงานเยอะขนาดนี้ต้องได้ค่าตัว 500,000 นะ บทจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการค่ะ จะเป็นเลขาของพี่วี แต่เราก็รับเงินจากเมียพี่วีให้มาส่องพี่วีอีกทีหนึ่ง (หัวเราะ) จริงๆ ก็คือผู้กุมความลับนั่นเองว่ามีเมียน้อยกี่คน วันนี้คิวของบ้านไหนประมาณนี้ ไม่เครียดเลยค่ะ สนุก ของคนอื่นปัญหาชีวิตเขาเยอะนะ แต่เราเล่นในจังหวะที่แปลกกว่าคนอื่นได้อยู่คนเดียว เล่นแล้วบางทีก็ตลกตัวเองนะ”

ตอนนี้รับละคร 5 เรื่องค่ะ ก็ให้ทีมงานเขาไปแบ่งเวลากันเอง (หัวเราะ) จริงๆ มันจัดการได้ค่ะ เพราะเราก็จะอยู่เป็นที่ที่ไป อีกวันก็เป็นของอีกเรื่องหนึ่ง อาทิตย์หน้าเป็นของอีกเรื่องสลับกันไป เพราะต้องแบ่งเวลากับงานเขียนคอลัมน์ของทรายด้วย มันก็ต้องมีเวลาทำให้ได้ทั้งสองอย่าง”

“ละครแต่ละเรื่องไม่เหมือนกันเลยค่ะ สายโลหิต ก็พีเรียด เรื่องนี้ก็เป็นปัจจุบัน อีกเรื่องหนึ่งเป็นบู๊ผี อีกเรื่องเป็นหนังผี อีกเรื่องเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ (หัวเราะ) แต่ก็แบ่งได้นะ คือ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้วกับการที่สลับไปสลับมา และไม่ใช่ว่าอย่างสมัยเด็กที่เป็นนางเอกชื่อเดียวอยู่ 6 เดือน แต่ตอนนี้เรียกชื่ออะไรดิฉันก็หันทั้งนั้นแหละค่ะ (หัวเราะ) พอเล่นบ่อยๆ รู้สึกว่าปรับตัวได้ดีกว่าตอนที่ไม่ค่อยได้เล่นด้วยซ้ำ”

รับงานเยอะขึ้น จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อรักษาอาการป่วยคุณแม่
“ก็ยอมรับว่าเยอะนะคะ แต่คนจะคิดว่าหายไปไหน จริงๆ มันเป็นช่วงผลิตค่ะ แต่พอละครออกมันก็ออกรวดเดียวเลย มันก็ต้องรับนะ แม่ยังเล็ก (หัวเราะ) มันจำเป็น ยังต้องใช้เงินอีกเยอะ เราทำได้ยังมีกำลังก็ทำไป แต่ 5 เรื่องนี่ดิฉันไม่ชุ่ยนะคะ ตั้งใจทำงานเท่ากันทุกเรื่อง ถ้ามีอะไรจะติดต่อมาอีกก็ติดต่อมาเลยนะคะ แล้วก็ไปเคลียร์คิวกันได้เองเลย (หัวเราะ) เพราะเราเล่นเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นแม่ เป็นน้า ได้หมด และมันก็อยู่เป็นที่ที่ ไม่ต้องร่อนเร่ไปไหน ก็จัดการคิวกันได้อยู่แล้ว”

“เรื่องบทไม่เกี่ยงนะ เพราะเราเริ่มชีวิตการแสดงด้วยการถูกข่มขืนเป็นบ้าไปแล้ว พออายุ 18 ก็เป็นผีที่ตายทั้งกลม มันก็ไม่ต้องเกี่ยงอะไรแล้วมั้ง (หัวเราะ) คนจะชอบบอกว่าไปรับบทแบบนี้แล้วจะตกหรือเปล่า ไม่รู้สิ เรารู้สึกว่าอะไรที่เรายังสนุก ยังอยากทำอยู่และแฮปปี้ที่จะไปกองอันนั้นคือดี ตอนนี้รู้สึกว่าอยากเล่นอะไรที่สบายๆ แล้วมานั่งดูคนอื่นเขาเครียดกันบ้างก็โอเค (หัวเราะ)”

“คุณแม่ก็ต้องดูค่ะ คือทุกวันนี้ที่เขาป่วยก็ป่วยด้วยโรคน้อยใจว่าลูกไม่ดูแลอยู่แล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจกันอยู่เนืองๆ ซึ่งก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้ เรื่องน้อยใจคุณแม่เอาจริงๆ เราก็ไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับการโดนด่าซะทีเดียว ก็โดนด่ามาทั่วทิศแล้วล่ะ แต่การโดนแม่ด่ามันก็เป็นอีกเลเวลหนึ่งเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าเขาด่าเพราะป่วย เขาไม่ได้ด่าเพราะเกลียดชัง แต่บางทีฟังแล้วมันก็ใจเสียนิดหนึ่ง บางทีกลับบ้านไปเราก็หวังว่าจะได้มธุรสวาจานะ (หัวเราะ) บางทีเราก็ไม่พร้อมเหมือนกัน แต่ก็ดูแลกันไปค่ะ ทรายว่าชีวิตแม่ลูกมันก็คงอะไรอย่างนี้แหละมั้ง”

เผยแม่แอดมมิดเข้า รพ.อีกรอบ อาการไปอีกสเต็ปต้องปรับตัวยากันใหม่
ตอนนี้แม่อยู่โรงพยาบาลค่ะ เพิ่งเข้าไปอีกรอบ เพราะต้องปรับยา และเขาขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง ซึ่งต้องปรับยากันใหม่ คุณหมอเลยบอกแอดมิดดีกว่าจะได้ดูแลอย่างทั่วถึงไปเลย เพิ่งแอดมิดไปเมื่อต้นอาทิตย์นี่เองค่ะ แต่จะอยู่นานมั้ยก็ต้องแล้วแต่หมอ แต่เราก็ไม่อยากให้แม่ไปอยู่นานๆ หรอกนะ ไม่ใช่ว่าหมอเขาดูแลไม่ดี เขาดูแลดีมากเลยแหละ แต่เรารู้สึกว่าบ้านมันเงียบๆ (หัวเราะ) แต่ก็เข้าใจว่าไปแล้วมันก็จะดีกับทั้งตัวเขาและตัวเราด้วย แต่เห็นแล้วก็ใจไม่ดี พยาบาลก็บอกว่าอย่าเพิ่งมาเยี่ยมนะ มาแล้วแม่ร้องไห้เยอะ แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นกติกา แล้วยิ่งถ้าเราไปฝืนดื้อจะไปเยี่ยม มันก็ยิ่งใช้เวลานานขึ้นไปอีก แทนที่จะหนึ่งอาทิตย์ก็กลายเป็นสองอาทิตย์ เราก็ต้องเชื่อผู้ที่เขารู้”

“ต้องบอกก่อนว่าโรคนี้มันไม่มีทางหายขาด แต่มันก็จะดีมาช่วงหนึ่งหลังจากที่ปรับยาแล้วเข้าที่ แต่จะอยู่ได้ขนาดไหนก็แล้วแต่ระดับอาการความรุนแรงของโรคว่ามันจะยังคงอยู่ได้นานแค่ไหนก่อนที่จะเข้าสเต็ปต่อไป ก็เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกัน แต่ที่มันเศร้าก็คือพอแม่เขาเริ่มรู้สึกตัวดีขึ้น เขาก็จะเศร้ามากๆ ที่เขาป่วยแล้วเป็นภาระของลูก ซึ่งเราก็จะบอกว่ามันไม่ใช่ภาระนะแม่ แล้วมันก็จะวนเป็นความเศร้าอยู่อย่างนี้ เราก็เลยต้องพยายามเอ็นเตอร์เทนแม่มากกว่าใครๆ แต่บางทีมันก็ยากเหมือนกันค่ะ เราเข้าใจเขามากๆ นะ แต่เราป่วยแทนเขาไม่ได้จริงๆ งานเราก็ยังต้องทำ และไม่ควรจะแบกเอาปัญหาส่วนตัวมาที่หน้ากองด้วย มาถึงนั่งร้องไห้ไปครึ่งวันทำงานไม่ได้มันก็ไม่ใช่มืออาชีพ ทุกคนก็คาดหวังความพร้อมการทำงานได้จากเรา”

โรคซึมเศร้าเป็นเรื่องปกติสำหรับตัวเอง ไม่ได้รู้สึกเลวร้าย
“ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ มันเป็นไปแล้ว (หัวเราะ) ทุกวันนี้ก็ยังกินยาอยู่ พี่วี (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ก็ยังล้อเลยว่านี่อาการของโรคหรือเปล่าเนี่ย (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องปกติสำหรับทรายนะ ทรายไม่ได้รู้สึกแย่หรือเลวร้ายอะไร มันดีด้วยซ้ำที่เรารู้ว่าเราเป็นอะไรแล้วเรากินยาด้วย ก็จะมีบางวันเหมือนกันที่บอกเอาไว้เลยว่าวันนี้ไม่พร้อมคุยด้วย พร้อมสำหรับการแสดงอย่างเดียว วันนี้เราไม่พร้อมจะคุยเล่น เพราะบางทีมันจะดีเลย์เหมือนกันเวลาเขาเล่นกัน บางวันมันไม่พร้อม แต่บางวันก็ดีด คึกก็มี (หัวเราะ) แล้วแต่วัน”

“เพื่อนๆ ก็รู้ค่ะ คุยได้ ล้อได้ แต่บางทีอยู่ในกองพอถ่ายไปนานๆ มันจะมีช็อตๆ เหมือนกัน แต่มันไม่ได้มีผลถึงขั้นทำงานไม่ได้ แต่ทรายก็ไม่ได้ปิดบังนะ เพราะเรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็หาหมอ กินยา ทำงานได้ คือเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแย่สำหรับตัวเรา คนที่ป่วยมันไม่แฮปปี้อยู่แล้วแหละ เราก็อยากร่างกายแข็งแรง แต่เราอยากให้รู้สึกว่าเราก็ยังทำงานได้นะ มีชีวิตที่ปกติได้ มันอาจจะมีบางวันที่ดาวน์บ้าง ซึ่งทุกคนก็จะเข้าใจนะ ดีกว่าอยู่แบบอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่บอกใครเลย เหมือนคนมีเมนส์ตลอดเวลามันก็ไม่ไหว ก็เลยคิดว่าบอกดีกว่า”

“แล้วมีหลายคนที่หลังไมค์มาว่าเห็นพี่ทรายแล้วมีกำลังใจที่จะออกไปสู้กับโลกภายนอกมากขึ้น คนเรามันก็ต้องมีวันที่แย่บ้างเป็นธรรมดา หลังๆ เพื่อนแซวว่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของโรคซึมเศร้าแล้วใช่มั้ย (หัวเราะ) ซึ่งถ้ามันจะช่วยคนได้มันก็ดีนะ หมายถึงว่าได้ทำความเข้าใจบ้าง ทรายเห็นใจคนธรรมดาด้วยซ้ำที่บางทีต้องทำงานหรือเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกับคนที่ป่วย เขาอยากช่วยเรา แต่เขาไม่รู้จะเข้าหายังไง พูดอันนี้เดี๋ยวมันร้องไห้แล้วจะตายมั้ย”

“คืออยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าเราทำงานได้ เรายังมีประโยชน์อยู่ ทรายเชื่อว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าอยากหายทุกคนค่ะ พยายามทำตัวแข็งแรงอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะปลอบก็เอาเรื่องเฉพาะหน้าก็พอ ชวนไปทำอย่างอื่น ร้องไห้เหรอไปกินข้าวมั้ย ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ คือพยายามเปลี่ยนประเด็นไป แต่ถ้าเขาไม่ไหวจริงๆ ก็ปล่อยนอนไปค่ะ เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้นเอง บางทีวันที่มันแย่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราได้สร้างความอึดอัดใจให้ใครมากขนาดไหน ซึ่งคนรอบๆ ตัวทรายก็จะบอกเขาเลยว่าวันนี้ไม่พร้อมจริงๆ อะไรอย่างนี้เลย”

รู้สึกแย่ที่แม่ต้องเข้า รพ.อีกครั้ง
“เรื่องยาก็กินตลอดค่ะ กินยาทุกวัน จะถามเลยว่าวันนี้ดึกมั้ย ถ้าดึกต้องกินยาตอนนี้ๆ นะ คือเราจะมีการบริหารจัดการของเรา แต่ก็เจอหมอบ่อย เพราะหมอก็ดูทั้งแม่ดูทั้งเราด้วย หมอก็รู้ปัญหาของทั้งคู่ ช่วงดาวน์ๆ พีกๆ มันก็มี (เสียงสูง) มีวันแย่ๆ ที่แบบเปิดเพลงนี้แล้วฉันร้องไห้ ฝนตกกระจกแตกอกหักตลอดเวลา ซึ่งจริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เราจะรู้ตัวก็จะรีบบอกน้อง บอกคนรอบข้างว่าวันนี้พอนะ กินยาแล้วจะรีบนอนเลย คือ เรารู้ อย่างล่าสุดที่พาแม่กลับเข้าโรงพยาบาล เราก็รู้สึกแย่นะ โกรธโลก แต่เรารู้ว่าพอได้นอนมันก็จะดีขึ้น”



กำลังโหลดความคิดเห็น