“ชิน ชินวุฒิ” เผย “โซฟี” ไม่ต่อสัญญาช่อง 7 บอกเป็นช่วงค้นหาตัวเอง เบนเข็มเน้นเรื่องเต้น ยอมรับที่ผ่านมา แม้จะอยู่มาหลายปีแต่ยังใหม่ต่อการแสดง แถมบทและจำนวนเรื่องอาจไม่มากพอให้น้องพัฒนา ย้ำไม่กระทบรายได้ครอบครัว เตรียมปลดประจำการเดือน เม.ย. นี้ อยากปล่อยผีเต็มแก่
หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า “โซฟี อัปสรสิริ” น้องสาว “ชิน ชินวุฒิ อินทรคูสิน” ไม่ต่อสัญญาช่อง 7 ล่าสุด หนุ่มชินก็ออกมาเผยกลางงานแถลงข่าวการประกวดเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL) รุ่นที่ 8 ประจำปี 2561 ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ลาน Alive Park ชั้น G ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจร่วมกัน ตอนนี้กำลังค้นหาตัวเอง
“มีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้วครับ เพราะว่าบ้านเราอยู่ด้วยกันเราก็คุยกันอยู่แล้วครับ จากที่ผมรู้มาก็คือตัดสินใจร่วมกัน ไม่ใช่ว่าชิ่งออก แต่ด้วยความที่มีอะไรหลายอย่างที่อยากจะค้นหาในตัวเอง เขาเป็นคนที่เรียนดีมาก เกรด 3.98 หรือ 4.0 ตลอด เป็นนักเรียนทุนด้วย เพราะฉะนั้นก็มีอะไรที่เขาอยากจะลองหลายๆ อย่าง เป็นคนที่เต้นบ้าไปแล้ว เป็นคนหนึ่งที่ผมมองแล้วเออ นี่มันน้องเราจริงเหรอเนี่ย (หัวเราะ) เต้นเก่งมาก”
“มันมีหลายอย่างที่โซฟีเขาอยากที่จะค้นพบ และผมว่ามันเป็นวัยที่ดี กำลังเข้าเลข 2 พอดี เป็นวัยที่เขาจะได้ค้นหาตัวเองในหลายๆ อย่างที่เขามีความสามารถและทักษะที่จะไปในแต่ละทางได้ เรื่องการเรียนก็เป็นทางหนึ่งที่เขาก็มีมาตรฐานที่ดีมาตลอด ไม่เคยทำให้ที่บ้านเป็นห่วงเรื่องการเรียนเลย เป็นนักเรียนทุนมหาวิทยาลัยมาตลอด เรื่องการเต้นเขาก็ใส่สุดมาก เรื่องร้องเพลงนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เก่งมากครับ ผมก็สนับสนุนไม่ว่าน้องจะทำอะไร ถ้ามันเป็นเรื่องดีผมก็จะสนับสนุน แม่ก็สนับสนุน”
บอกน้องยังใหม่ ถึงจะอยู่มาหลายปี แต่บางทีบทหรือจำนวนเรื่องก็ไม่ได้มากพอให้พัฒนา
“ก็ต้องเข้าใจว่าน้องเขาก็เป็นมือใหม่นะครับ ต่อให้อยู่มาหลายปีแล้วก็จริง แต่ว่าบางทีบทหรือจำนวนเรื่องมันอาจจะไม่ได้มากพอที่น้องเขาจะพัฒนาในจุดที่คนคิดก็ได้ คือ ผมว่ามันมีหลายปัจจัยแหละ เรื่องการแสดงก็เรื่องหนึ่ง เรื่องภาพลักษณ์ของคนบางคนที่ไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง มันแล้วแต่ความคิดเห็นของคนเนอะ บางคนเล่นแข็งแต่คนก็บอกไม่แข็ง มันอยู่ที่ความคิดเห็นและความชอบของแต่ละคน บางคนก็มองว่าโซฟีเล่นดีนะ แต่ในเวลาเดียวกันบางคนก็อาจจะมองว่าเล่นไม่ดีนะ ผมว่าอันนี้มันอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนและความชอบของแต่ละคนมากกว่า อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องการแสดง อาจจะเป็นเรื่องภาพลักษณ์ หรือหุ่นของโซฟี”
“สำหรับในมุมผม ในบางเรื่อง ในบางซีนดีเลย แต่แน่นอนว่าไม่ได้เก่งที่สุด ทุกคนต้องพัฒนา ผมทุกวันนี้ก็ต้องพัฒนาครับ ผมไม่ได้เต้นเก่งที่สุด ผมไม่ได้ร้องเพลงดีที่สุด ผมก็ต้องพัฒนา”
“เรื่องเรียนการแสดงเพิ่มก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่ที่เห็นน้องเขาอินจริงๆ เลยคือเรื่องการเต้นกับการร้องเพลง จริงๆ เมื่อวานก็เพิ่งนั่งคุยกัน ผม แม่ น้องว่าปีนี้ยูอยากทำอะไร โซฟีอยากจะเดินทางต่อไปทางไหน เขาก็ชอบเรื่องดนตรี เขาแต่งเพลงเอง คิดเมโลดี้เอง ในทางดนตรีเขาดีมากผมก็ไม่ค่อยถามเรื่องการแสดงนะ เพราะเห็นว่าเขาก็ทำมาตลอด เลยไม่ได้ไปยุ่งกับเขาตรงนั้น แต่ในเรื่องดนตรีเขาปรึกษาเราได้เต็มที่”
“ผมว่าเรามีทางเลือกหลายๆ ทางก็ดีครับ เราไม่ต้องเล็งไปทางใดทางหนึ่ง แต่ถามว่าน้องอยากจะไปลองด้านดนตรีมากขึ้นมั้ย ก็อยาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาชอบ และเขาสามารถปลดปล่อยตัวเองได้เต็มที่ อีกมุมหนึ่งคือเป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้โดยไม่มีคนมาตัดสินว่าเขาต้องเป็นยังไง”
“ถามว่าเขาจะทิ้งมั้ย ถ้าเขาอยากทำก็ทำครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีภาพศิลปินมาตลอด แต่เรื่องการแสดงผมก็ยินดีที่จะไปค้นคว้าตัวเอง มันก็ช่วยๆ กันหมดครับ การแสดงก็ช่วยในการเขียนเพลง เพราะเวลาเราอินกับบท มันก็เกิดจินตนาการในการแต่งเพลงได้”
“ก็มีติดต่อมาบ้างครับ แต่ผมว่าสิ่งที่โซฟีอยากจะทำตอนนี้คืออยากค้นพบตัวเอง เมื่อไหร่ที่เขาค้นพบตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็ตามเขาจะเห็นในสิ่งที่เขาเป็น และเขาจะได้โชว์ในสิ่งที่เขาเป็นได้เต็มที่”
ยันน้องไม่มีงาน ตนยังไม่ปลดประจำการ ไม่กระทบรายได้ครอบครัว
“จริงๆ แล้วด้วยจังหวะที่ลาออกมาได้บ้างก็ยังพอที่จะสามารถหมุนเวียนได้ ไม่ได้เหมือนกับตอนแรก แต่ยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนในการรับราชการตรงนี้ เราก็ถือว่างานราชการเป็นงานหลัก อย่างงานวันนี้ทางทูบีนัมเบอร์วันก็ขอไปทางกองทัพบก เพื่อที่เราจะได้มาตรงนี้ เพราะต้องการส่งเสริมให้วัยรุ่นให้เด็ก และเป็นอีกกระบอกเสียงหนึ่งที่สามารถจะช่วยน้องๆ ไปในทางที่ตัวเองอยากไปได้”
“ส่วนตัวแล้วตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนะครับ งานก็ยังมีอยู่ โซฟีก็ยังมีงานอยู่ไม่ใช่ไม่มี ก็ยังมีบ้างครับ แต่ตอนนี้อยากให้เขาอยู่กับตัวเอง หาตัวเองให้เจอ และให้ทำการเรียนที่เขาทำได้ดีมากๆ ให้ดีจนจบ นี่คือสิ่งที่เขาก็โฟกัสอีกเรื่องหนึ่ง เพราะต่อให้เล่นหรือไม่เล่นละครโซฟีก็เป็นคนที่เอาการเรียนให้ดีให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจด้วย”
“สำหรับผมเรื่องแบ่งเวลาง่ายๆ ครับ เมื่อไหร่ลาได้ก็ลา ธรรมดามากครับ (ยิ้ม) คือทหารจะมีการลาของตัวเองอยู่แล้ว ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการเป็นทหารไม่ได้ติดคุกนะครับ การลาก็หมุนเวียนครับ มีลากิจ ลาป่วยอะไรที่มันมีอยู่แล้ว แล้วก็ต้องเข้าใจด้วยว่าภารกิจของแต่ละพลทหารไม่เหมือนกัน พลทหารบางคนอยู่ที่กองร้อยอาจจะเป็นช่างภาพ หรือคนที่ทำงานในออฟฟิศกองร้อยก็จะได้ลาไม่เหมือนคนอื่น เพราะถ้าเป็นการลา 15 วันไม่มีคนสามารถที่จะทำหน้าที่แทนเขาได้”
“แต่ถ้ามีงานเข้ามาเขาก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ อย่างถ้าผมอยู่ในการลาที่มันอยู่ใน 15 วันแล้วมีงานด่วนของกองทัพ แปลว่าผมก็ต้องไปอยู่ดี การลาของผมตรงนั้นก็ต้องโมฆะไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาอนุมัติและความเหมาะสมครับ ก็ลาได้บ้างครับ ผมทำทุกอย่างตามกฎตามเกณฑ์หมด”
โดนจนชิน ไม่เสียความรู้สึกถูกแขวะได้รับสิทธิพิเศษ เตรียมปลดประจำการเดือน เม.ย.นี้
“เรื่องสิทธิพิเศษ ก็แล้วแต่คนมองเนอะ เราก็ห้ามคนมองไม่ได้นะครับ แต่ก็ไม่เสียความรู้สึกหรอกครับ ผมอยู่มาจนจะครบแล้วครับ อยู่มาจนจะปลดอยู่แล้วครับ ไม่มานั่งเสียความรู้สึกตอนนี้แล้วครับ ทุกครั้งที่ผมให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ผมจะพูดเสมอว่าทหารจะมีล็อกลา เราสามารถที่จะลาได้บ้าง ถ้าไม่กระทบกับงานหลวงงานหลักของเราตอนนี้ก็คือการรับราชการทหาร ส่วนคนจะมองยังไงเดี๋ยววันหนึ่งที่เป็นทหารก็จะรู้เองว่ามันเป็นยังไงครับ จะปลดประจำการสิ้นเดือนเมษายนนี้ครับ วันเกิดน้องสาวผมพอดี วันที่ 30 น้องขึ้นเลข 2 พอดี เราก็ปลดประจำการพอดี ปีนี้เป็นปีที่ผมจะเต็มที่มากๆ มีเพลงใหม่แน่นอน ปล่อยผีครับ”
