xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่ตาย! คุยกับ "ซีอุย" ดีกรีนักกีฬาทีมชาติ "อ๊อด เทิดพร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"บางคนนึกว่าพี่ตายไปแล้วด้วยซ้ำ...(หัวเราะ)"...เสียงบอกเล่าอย่างอารมณ์ดีตามสไตล์ของนักแสดงรุ่นใหญ่วัย 66 ย่าง 67 ที่ต่อให้เอ่ยชื่อออกไปหลายคนก็คงจะสงสัยว่าเค้าคือใคร? อย่าง "อ๊อด เทิดพร มโนไพบูลย์"

แต่ถ้าบอกว่าเค้าคนนี้คือตัวละครเจ้าของบท "ซีอุย" ที่ทะลุจอออกมาสร้างความอกสั่นขวัญแขวนเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหน้าค่าตาเจ้าตัวขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

"ก่อนมาเล่นละคร คือพี่เล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ตีกลองครับ ก็รวมวงยุคเดียวกับอิมพอสสิเบิ้ล ก็มีคุณจรัล (จรัล นันท์สุนานนท์) ผู้จัดการวงดนตรี ดิ อิมพอสซิเบิ้ล ซึ่งตอนนี้เค้าเป็นฤๅษีไปแล้วมั้งคอยรับงานให้ วันไหนอีกวงไม่ว่างเราก็ไปแทน"

"จนมีวันนึงพี่ไปอ่านหนังสือพิมพ์เจอว่าสมาคมนักแสดงอาชีพแห่งประเทศไทย เค้ารับสมัครนักแสดง ตอนนั้นเราก็สนใจ ที่สนใจเพราะว่าเราอยากจะไปหาคอนเนคชัน ไปรู้จักคนเยอะขึ้น ไปเจอผู้ใหญ่ในวงการ เผื่อว่าเค้าจะมีงานให้เรา คือไม่ได้หวังเล่นละครอะไรหรอก"

"ก็ไป แล้วบังเอิญช่วงนั้น อาจารย์ประดิษฐ์ (ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก) กันตนา เค้ากำลังสร้างโรงถ่าย ซื้อเครื่องไม้เครื่องมือเข้ามา ก็เลยไปทำงานเป็นจริงเป็นจังกับเค้า ดูฉาก ทำไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้เล่นละครตั้งแต่ เจ้าซอใจซื่อ (2525), 38 ซอย 2, บาปบริสุทธิ์ ก็เล่นมาเรื่อย"

"คือส่วนใหญ่ก็จะเล่นเป็นตัวฮา ตัวตลก คนใช้ตามพระเอก นางเอก อย่างขมิ้นกับปู ละครค่อนข้างซีเรียส แต่เราออกมาก็ฮาเลย คนก็เริ่มจำได้บ้าง"

แล้วมาเป็นซีอุยได้อย่างไร?
"จนมีวันนึงก็มีคนไปตาม บอกป๋าให้มึงไปหา ก็ไปในห้องก็มีพี่ตั้ม (จาฤก กัลย์จาฤก) พี่โต (สิทธิกานต์ กัลย์จาฤก) แม่สมสุข (สมสุข กัลย์จาฤก) แล้วก็อ.ประดิษฐ์ พอเราเดินเข้าไปพี่ตั้มเค้าตะโกนมาก่อนเลย ไอ้อ๊อดเนี่ยแหละ เค้าก็บอกอ๊อดไปตัดผมมาให้ดู เราก็ถามตัดยังไง เค้าก็บอกก็ตัดเหมือนโกนสกินเฮด ตัดให้สั้นเลยนะ เหมือนนักเรียนโดนครูทำโทษ"

"2-3 วันเราก็ไปตัดมา พอเค้าเห็นเค้าบอก ใช่เลย มึงนี่แหละ เราก็คืออะไรครับ จะทำละครเรื่องซีอุย คิดว่าเป็นมึงนี่แหละ เราก็สงสัยว่าหน้าผมเหมือนเหรอ เค้าก็บอก เออ ไม่รู้แหละ เอาเอ็งนี่แหละ

ตอนแรกที่ได้รู้ว่าต้องเล่นเป็น "ซีอุย" รู้สึกอย่างไร?
"กูโดนเกลียดแน่ (หัวเราะ) คือขนาดเราเองยังกลัวยังเกลียดเลย (ตอนนั้นเรารู้ใช่มั้ยว่าตัวละครตัวนี้มีตัวตนจริง?) รู้ๆ คือฆาตกร เพราะว่าตอนเด็กๆ แม่มักจะขู่ว่า ระวังดื้อมากๆ ซีอุยจะมากินตับ แล้วหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว ตอนนั้นเราก็มีอารม์ไม่อยากเล่นเหมือนกันนะ"

"แต่พี่ต๋อย วิลาสิณี (วิเชียร ทั้งสุข) ที่เค้าเขียนบทให้กันตนา เค้าก็บอก อ๊อดมึงอย่าเรื่องมาก มึงเป็นนักแสดง มีอาชีพรับจ้าง เค้าให้เล่นก็เล่นไปเถอะ แล้วเรื่องนี้ มึงเป็นตัวเอกเลยนะ นั่นแหละก็เลยเล่น ซีอุยออกปลายปี 2526 ต่อ 2527 ดังเลย แต่เราก็ไม่ได้สนใจ พอหลังจากนั้นเราก็กลับไปเล่นเป็นคนใช้ เป็นตลกแบบเดิม คือมันถูกนิสัยเราน่ะ"

ช่วงนั้นไปไหนมาไหนเด็กๆ กลัวมั้ย?
"กลัว พ่อแม่บางคนอุ้มลูกอยู่ พอเห็นเราก็บอกซีอุยมาแล้ว เด็กก็กลัว พี่เองก็ไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ไม่ค่อยเดินผ่านกระจก ตกใจตัวเอง (หัวเราะ) จริงๆ หน้าอาจจะไม่เหมือนนะ คนละทาง คือพี่รู้แค่ว่าเค้าเป็นคนจีนพี่ก็เล่นบุคลิกนั้นไป ก็ไปศึกษาคนอื่น ไปดูว่าคนจีนเวลาเค้าเดิน เค้าพูด เค้ากิน แบบไหน แต่ตัวซีอุยจริงๆ เค้าเป็นแบบนั้นหรือเปล่าเราไม่รู้นะ"

ภาพความเป็น "ซีอุย" มันติดตัวนานขนาดไหน?
"เอาเป็นว่าไม่สามารถจะใช้คำว่านานได้เลย เพราะทุกวันนี้เค้ายังเรียกพี่ว่า อ๊อด ซีอุย อยู่เลย คือถ้าบอกชื่อคนคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกคนที่เล่นเป็นซีอุยก็ต้องมีร้องอ๋อบ้างแหละ"

ทำไมจู่ๆ ก็หายไปจากวงการ? "คือพี่เป็นคนแบบว่าถ้าไม่อยากทำก็ไม่ทำเลยนะ ต่อให้จ้างแพง แต่ถ้าอยากต่อให้ฟรีก็เอา (หัวเราะ) ก็หายไปราวๆ 20 กว่าปีนะ เรื่องสุดท้ายที่แสดง โน่นตอน กุ้ง กิตติคุณ เชียรสงค์ (เสียชีวิต) เป็นพระเอกน่ะ เรื่องปะการังสีดำ ช่วงปี 2539"

มีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้คนบันเทิงห่าหายไปจากงานที่ทำ บางคนไม่มีคนจ้าง บางคนไปทำธุรกิจส่วนตัว บางคนปลีกไปใช้ชีวิตสงบๆ ฯ แต่สำหรับเจ้าของบทซีอุยคนนี้ สิ่งที่พรากเค้าไปจากวงการบันเทิงก็คือ "โบว์ลิ่ง"
"ตอนนั้นอายุประมาณ 40 กว่าๆ พอเลิกกองถ่ายก็ไปกับเพื่อนกลุ่มของ เจี๊ยบ ศักราช (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) เค้าก็ไปโยนโบว์กัน เราก็ไปนั่งดู แล้วในนั้นแอร์มันจะเย็นมาก คนไม่ได้เล่นเนี่ยถ้านั่งดูอย่างเดียวจะหนาวมาก พอไป 2 - 3 ครั้งเราก็เบื่อ ก็บอกเพื่อนๆ เฮ้ย ถ้าจะนัดไปไหนกันต่อเดี๋ยวเราไปรอที่นั่นเลยดีกว่า เล่นอะไรไม่เห็นสนุกเลย หนาวก็หนาว"

"เพื่อนก็เลยไปเช่ารองเท้ามา แล้วให้เราลองโยนบ้าง ปราฏว่าติด ทีนี้จริงจังเลย ซื้อลูก ซื้อรองเท้า เรียกว่าบ้าเลยแหละ ไปโยนจนเค้าปิด พอกลับบ้านไปนอนก็จะคิดแล้วว่าพรุ่งนี้เราจะโยนท่าไหน (หัวเราะ)

ทีนี้งานก็ชักไม่อยากทำแล้ว กระทั่งอาโกวิท (โกวิท วัฒนกุล) บอก อ๊อดมึงจะบ้าไปถึงไหน นี่มึงทิ้งเงินแสนเลยนะ เงินละครไม่เอามัวแต่บ้าเล่นโบว์ลิ่ง กูจะดูสิว่ามึงจะไปถึงไหน..."

แล้วเราบ้าไปถึงไหน?
"คือก็ไปโยน ไปฝึกเกือบทุกวัน แล้วก็จะมีพวกทีมชาติที่เค้ามาโยน เค้ารู้จักเราจากงานละคร เค้าก็จะมาคุยมาสอนมาแนะนำเราด้วย จากนั้นอีก 6 เดือนก็ไปสมัครแข่งที่จันทบุรี ก็ดันได้ที่ 1 เพื่อนๆ ก็งงกันหมด คือเราไปในฐานะมือใหม่เค้าก็จะมีแต้มต่อให้เราพอสมควร แต่ก็ใช่ว่าเราจะชนะเพราะแต้มต่ออย่างเดียวนะ เพราะถ้าโยนไม่ดีก็แพ้อยู่ดี"

ใช้เวลา 4 ปีจากคนไม่เป็นเลยได้ติดทีมชาติ!
"ก็เแข่งมาเรื่อย เอาจริงเอาจัง ตอนเค้าคัดเลือกทีมชาติก็ไป ก็ดันติด มาติดทีมชาติเอาตอนแก่ (หัวเราะ) แข่งครั้งแรกก็ไปที่ไอร์แลนด์เหนือ เค้าคัดเอาตัวแทนแต่ละประเทศชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เราก็ไป แต่ว่าก็ไม่ได้อะไร เพราะเราเป็นมือใหม่ แล้วนักกีฬาตั้ง 100 กว่าประเทศ แต่เราก็ได้ความรู้ประสบการณ์กลับมาเยอะ"

"แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่โชคไม่ดีนะ คือแค่ได้ติดทีมชาติกับแชมป์ประเทศไทย อย่างตอนไปแข่งปูซานเกมส์ เอเชียนเกมส์ 2002 ที่เกาหลี ตอนนั้นพี่โยนสามเกมแรก ใครๆ ก็บอกพี่เหรียญทองแน่นอน แต่พอสามเกมส์หลังออกทะเลไปเลย เออ งงไปหมด จากที่ 1 เหรียญทองแน่ๆ กลายเป็นที่ 10 กว่า (หัวเราะ)"

"ช่วงนั้นเราก็ไม่อยากทิ้งงานบันเทิงนะ แต่ทีมชาติมันต้องซ้อมทุกวัน เวลาใกล้แข่งก็ต้องไปเก็บตัว นั่นคือรับงานไม่ได้แล้ว แล้วจริงๆ การเป็นนักกีฬาทีมชาตินี่เงินน้อยลงนะ สู้ละครสู้หนังไม่ได้ แต่พี่มาคิดว่าเราก้าวมาถึงแล้วก็ลองดูสักตั้ง ก็ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกนะ แต่เรามีความรู้สึกว่าครั้งหนึ่งเราอยากรับใช้ชาติไม่ทางใดทางหนึ่ง"

"คือขอมีธงชาติติดหน้าอกก็โอเค เราก็ภูมิใจ ได้ใช้หนี้ประเทศมันจะจนหน่อยช่างมันเถอะ เพราะเราคนเดียว ครอบครัวไม่มี แล้วพออายุมากขึ้นผู้ใหญ่ในสมาคมก็เมตตา พี่อ๊อดยังไม่มีงานละครใช่มั้ย งั้นก็มาเป็นโค้ชหน่อย เค้าก็บรรจุให้เราเป็นโค้ช ก็ยังคงรับงานไม่ได้ เพราะต้องไปคุมเด็กซ้อม จะมีแข่งก็ต้องไปเก็บตัว"

เริ่มกลับมารับงานอีกครั้ง...
"ตอนนี้ไม่ได้เป็นโค้ชแล้วครับ ออกมาพักนึง แต่ก็ยังช่วยงานสมาคมอยู่บ้าง แล้วก็กลับมารับงานละครบ้าง อย่างเมื่อประมาณปีก่อนก็รับเชิญในซีรีส์ยายกะลา ตากะลี ตอน ซีอุย
2 แล้วก็มีก่อนหน้านั้นก็ของช่องโมโน 29 ส่วนตอนนี้มีละครอยู่ 3 เรื่องยังไม่ได้ออกอากาศ มีสารวัตรใหญ่ ช่อง 7 สัมปทานหัวใจ แล้วก็มาตุภูมิแห่งหัวใจ"

"ส่วนใครจะจ้างอะไรตอนนี้ก็พร้อมเสมอครับ แล้วก็เล่นได้หลายบทนะ ไม่ใช่ว่าจะมาน่ากลัวเป็นซีอุย หรือว่าเป็นผีเป็นปีศาจกันอย่างเดียว...(หัวเราะ)"









กำลังโหลดความคิดเห็น