เมื่อวันที่ 17 เดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดการแถลงข่าวงานอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับ “ยุคแห่งการล่าฝัน” ซึ่งได้มีการจัดแข่งขันประกวดปั้นสู่การเป็นดาวตัวจริง (ผู้ฝึกเป็นไอดอล) ของเหล่าทีมไอดอลชายครั้งแรกในประเทศจีน โดยผลงานชิ้นนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง “อ้ายฉีอี้” และ “คาเวียร์” โดยมี “จางซิ่งอี้” เป็นหัวหน้าทีมผู้ผลิต และมี “โค้ชโอวหยางจิง” เจ้าพ่อแร็พเปอร์ “เฉิงเซียว” ครูสอนการเต้น “โจวเจี๋ย เหลียง” ผู้บริหารระดับสูงของอ้ายฉีอี้ และ “เกอ ฟู่ หง” โบรกเกอร์ดังแห่งสามทิศ และผู้สนับสนุนน้ำดื่มตราหนงฟู ได้ทำหน้าที่พิสูจน์ร่วมกันแล้วว่าอ้ายฉีอี้ได้รวบรวมพลังผลงานทางสื่อโซเชียล ในปี 2018 ให้เกิดขึ้น
ขณะที่การปั้นสู่ความเป็นดาวตัวจริง (ไอดอลฝึกหัด) ของเหล่าทีมไอดอลชายกรุ๊ปแรกของจีนนั้น กระแสตรงนี้ได้ทำลายสถิติรายการปั้นสู่การเป็นดาวก่อนหน้าที่เคยมีมาของจีนได้สำเร็จ ซึ่งได้รวบรวมเอาไอดอลฝึกหัดกว่า 100 คน จากบริษัทตัวแทนใหญ่ๆ ทั่วสารทิศในประเทศจีน และได้เรียนเชิญโค้ชระดับมืออาชีพ อาทิ จางอี้ซิง หรงฮาว โอวหยางจิง เฉิงเซียว โจวเจี๋ย ฉง ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเทรนผู้เข้าร่วมแข่งขันในทุกช่วงตอนของการฝึกฝนอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมงในระยะเวลาถึง 4 เดือนของการถ่ายทำเพื่อเฟ้นหาผู้ที่จะเป็นดาวตัวจริงทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ผ่านการคัดเลือกจากผลโหวตของผู้ชมทั้งประเทศเพื่อผลักดันให้เป็นเป็นซุปเปอร์ไอดอลกรุ๊ปชายนายหน้าข้ามบริษัทครั้งแรกแรกของจีน ซึ่งจะผ่านการเลือกเฟ้นจากรายการ “ซุปเปอร์เกิรล์” รายการ “ฮิปฮอปในจีน” รวมถึงจากการคัดเลือกจากการได้คะแนนสูงที่สุดในทั้งสองรอบจากทั่วประเทศผ่านทางเวบไซต์ และเหล่าทีมไอดอลฝึกหัดทั้ง 9 คนนี้จะกลายเป็นพลังสร้างสรรค์แห่งยุคธุรกิจ เป็นตัวแทนแฟนคลับทางธุรกิจ และสร้างไอดอลแบบฉบับนักธุรกิจยุคใหม่ของจีน
จางอี้ชิง ในฐานะตัวแทนผู้ผลิตผลงานทั่วไปในส่วนของไอดอลฝึกหัด ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวการเริ่มต้นผลงานไอดอลฝึกหัดในครั้งนี้ สำหรับสิ่งที่เขาคาดหวังในผลงาน จางอี้ชิงได้กล่าวว่า “หวังว่าการตั้งนิยามใหม่ของคำว่า เด็กฝึกหัด นี้ ซึ่งผ่านการเปิดตัวครั้งแรกของการเป็นรายการเรียลลิตี้ชีวิตจริงของเด็กฝึกหัดที่ฝันจะเป็นดาวนั้นจะมีความพร้อม และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย” อย่างที่ทราบกันดีว่า จางอี้ซิงก็ผ่านการเป็นกลุ่มไอดอลมาก่อน
สำหรับคุณสมบัติของไอดอลที่ควรมีในอนาคตนั้น จางอี้ซิง ได้กล่าวว่า “อันดับแรกคือการมีความพยายาม อันดับที่สอง คือ มีใจรัก ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องมีอีกอย่างคือการออกไปแสวงหา” เมื่อมีคำถามว่าการเปิดตัวในครั้งนี้ทำให้หลายคนมองว่าตัวเขาเองกลายเป็นไอดอลที่มีคุณภาพมากอีกคนหนึ่ง จางอี้ซิงยังคงไว้ซึ่งสโลแกนของตัวเองที่ว่า “ผู้ชายที่ช่วยเหลือได้อย่างไม่มีขีดจำกัด” ที่ในบางครั้งก็อาจจะต้องอาศัยโชคเข้ามาช่วย เพราะนี่คือชีวิตนั่นเอง
โอวหยางจิง แบ่งปันประสบการณ์การตามล่าฝันและการทำให้ฝันของไอดอลฝึกหัดกลายเป็นจริงเพื่อที่จะให้ “ไอดอลฝึกหัด” มีระดับเป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เธอก็ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือก ไอดอลฝึกหัด เธอเองก็รู้สึกสบายๆ และอยากให้ผู้เข้าร่วมสนุกไปด้วยกัน และเธอได้กล่าวไว้ว่าถ้าคุณอยากรู้ว่าความฝันของคู่แข่งคืออะไร คุณจงบอกผ่านไปในรายการได้เลยว่า ความฝันของคุณก็คือความฝันของฉันเหมือนกัน และเราจะบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านรายการนี้ไปด้วยกัน”
เฉิงเซียว และ โจวเจี๋ยฉง ในฐานะของการเป็นครูสอนเต้นจากการเปิดตัวแบบเกริล์กรุ๊ปความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในเบื้องหลังนั้นดีมาก ในภารกิจการเป็นโค้ชการเต้นนั้น ทั้งคู่ก็ได้มีความคาดหวังว่าผู้เข้ามาคัดเลือกทุกคนนั้นจะสามารถแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน โจวเจี๋ยฉงได้กล่าวอีกว่า การเต้นและร้องไปด้วย สำหรับการเป็นนักร้องนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การจะร้องเพลงดีอย่างเดียวนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถที่อุดข้อบกพร่องของเราได้ เฉิงเซียวก็หวังว่าตนเองจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ให้กับไอดอลฝึกหัดทุกคนได้นำไปปรับใช้ เพื่อที่ว่าเมื่ออยู่บนเวทีแล้วนั้นจะแสดงออกมาอย่างไรให้ได้ดีที่สุดนั่นเอง และสามารถดึงดูดและได้ใจแฟนคลับมาครองให้ได้
การให้พื้นที่เวทีตามฝันแห่งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าไอดอลฝึกหัดจะสามารถเข้าสู่เวทีนานาชาติได้ การเฟ้นหานักฝึกหัด ถือว่าเป็นวิธีการค้นหาศิลปินหน้าใหม่ และยังมีบุคคลที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิ อู๋อี้ฝาน ลู่หาน ในปัจจุบันทั้งคู่โด่งดังเป็นอย่างมาก และผู้คนก็ให้การยอมรับกับรูปแบบการสร้างศิลปินในลักษณะนี้ และในจุดเด่นลักษณะเฉพาะของไอดอลฝึกหัดนี้อยู่ที่การนำเอานักฝึกหัดและนายหน้าบริษัทมาร่วมมือกัน และสร้างกระแสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากผลคะแนนในรอบสุดท้ายนั้นมาจากการโหวตคะแนนของผู้ชมที่โหวตคะแนนให้กับเหล่าทีมที่ชนะ ด้านซีอีโอผู้ก่อตั้งอ้ายฉีอี้ “ดร.กงอวี๋” ได้กล่าวว่า “ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลมากในทุกสาขาอาชีพและทุกเพศทุกวัยซึ่งสื่อทางอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะเป็นที่ชัดเจนมากทางสื่อโทรทัศน์ จากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตรงนี้เรากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้สื่อทางทีวีและโทรทัศน์ในแบบเก่านั้นได้เผยแพร่เข้าสู่สื่อทางอินเทอร์เน็ต เราจึงได้สร้างสรรค์รูปแบบนี้ขึ้นมา เพื่อพัฒนาศีลธรรมและความบันเทิงรอบด้านในกลุ่มไอดอลของเรา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ”
ในส่วนของ “วัง เซียว ฮุน” ผู้จัดการด้านเนื้อหาได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า รายการ “ไอดอลฝึกหัด” นี้มีความแตกต่างจากรายการการผลิตศิลปินอื่นๆ อยู่สามข้อด้วยกันคือ หนึ่งเป้าหมายในการสร้างกระแสทางโซเชียลที่แตกต่างกัน สองการผลิตศิลปินที่แตกต่าง สามเป็นการลงทุนสร้างรายการทางสื่อโซเชียลที่ไม่เหมือนที่อื่น รายการไอดอลฝึกหัดนี้ถือว่าเป็นรายการแรกในปี 2018 ที่จะสร้างความเป็นดาวรุ่งให้กับเรา และผมเชื่อมั่นว่าอ้ายฉีอี้จะเป็นผู้ผลิตรายการระดับไฮเอนด์ในพื้นที่เวทีทางโซเชียลต่อไปอีกเรื่อยๆ
“เกอ ฟู่ หง” เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการสร้างบอยแบนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเอเชีย นั่นก็คือ F4 และ เฟยหลุนไห่ ซึ่ง “เกอ ฟู่ หง” ได้เผยว่า “พูดได้ว่าผมได้สร้างเหล่าไอดอลมาแล้วมากมาย แต่ในส่วนของการสร้างรายการผ่านสื่อโซเชียลนั้นยังไม่เคยได้ทดลองเข้าไปทำอะไรสนุกๆ เลย การที่ว่าจะทำอย่างไรให้รายการไอดอลฝึกหัด เดินเข้าสู่เวทีระดับโลกนั้น ให้ได้ใจแฟนคลับทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก” จากตรงนี้ “อ้ายฉีอี้” ได้เชิญ “เกอ ฟู่ หง” มาร่วมฝึกผู้ที่จะเป็นไอดอลทั้ง 9 คนในอนาคต และเป็นการพิสูจน์การทำรายการด้วยความจริงใจและตั้งใจของ “อ้ายฉีอี้” ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สร้างสรรค์ผลงานในช่วงเวลาระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่เป็นการดำเนินการคัดเลือกฝึกฝนในรูปแบบของสร้างความมุ่งมั่นให้กับพวกเขาทั้งหลายไปสู่อนาคตที่ดี