xs
xsm
sm
md
lg

เขียนถึงหนังเรื่องหนึ่งซึ่งงดงาม “COCO” หนังที่ดูได้ทั้งครอบครัววงศ์ตระกูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


ถ้าคุณรักชอบในดนตรีหรือเสียงเพลง นี่คือหนังที่ต้องดู แล้วถ้าคุณไม่ได้ชอบดนตรีหรือเสียงเพลงมากขนาดนั้นล่ะ จะดูได้ไหม คำตอบก็ยังคงเดิมว่า นี่คือหนังที่ต้องดู เพราะถึงแม้ “โคโค่” จะเดินไต่ไปบนเส้นเรื่องอันมีดนตรีเป็นแกนกลาง แต่ทว่าในเนื้อหนังและรายละเอียด กลับงดงามด้วยความละเมียดด้านเนื้อหาที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ และซาบซึ้งไปกับหนังได้อย่างเต็มอิ่ม

“COCO” หรือในชื่อภาษาไทย “วันอลวน วิญญาณอลเวง” เป็นผลงานจากค่ายพิกซาร์ (ในยุคที่อยู่ใต้ชายคาของดิสนี่ย์) ซึ่งคงไม่ต้องพูดอะไรมากมายเกี่ยวกับค่ายนี้อีกแล้ว เพราะเชื่อมือได้ น้อยครั้งมากๆ ที่เราจะได้ยินว่าคนไม่รักไม่ชอบหนังเรื่องนั้นๆ ของพิกซาร์ และนี่ก็คืออีกหนึ่งครั้งที่เสียงชมเสียงเชียร์จะดังก้องไปทั่วสารทิศ และก็ไม่ผิด หากใครจะวางตำแหน่ง “เต็งหนึ่ง” ให้กับโคโค่บนเวทีออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมที่จะมาถึงอีกทีในต้นปีหน้า

ตัวเรื่องย่อก็มีอยู่ว่า “มิเกล” คือเด็กชายที่เติบโตมาในตระกูลคนทำรองเท้า และผู้ใหญ่รอบตัวทุกท่าน ก็สนับสนุนให้เขาเติบโตไปในเส้นทางของคนทำรองเท้าเหมือนอย่างญาติพี่น้องทุกคน แต่ลึกๆ ลงไปในตัวตนของเขาแล้ว เด็กน้อยมีความฝันอย่างยิ่งยวดที่จะเป็นนักดนตรี แต่ก็จำต้องเก็บความฝันนั้นไว้เป็นความลับ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเลือดลมแห่งแรงฝันพลุ่งพล่านเต็มที่ เขาก็เปิดเผยมันออกมา ก่อนจะพบว่า ตนเองได้กลายเป็นตัวปัญหาของวงศ์ตระกูลไปเลยทันทีจากการเปิดเผยนั้น...

หนังแบ่งตัวเองออกเป็นอย่างน้อยสองช่วง ช่วงแรกเป็นช่วงสั้นๆ ก่อนการเปิดเผยตัวตนและความฝันของเด็กน้อย ก่อนนำเราเข้าสู่ช่วงที่สองอันว่าด้วยการหลุดเข้าไปในโลกของวิญญาณ (ผี) ที่ทำให้เขาได้พบกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมกับเงื่อนไขที่นำไปสู่การผจญภัยเพื่อคืนกลับมายังโลกมนุษย์ดังเดิม

“โคโค่” มีแบ็กกราวน์ฉากหลังเป็นประเทศเม็กซิโก ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นดินแดนที่มีสีสันด้านศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง และหนังก็หยิบนำมาใช้สอยได้อย่างมีชีวิตชีวา แม้แต่ “ฟรีดา คาห์โล” ศิลปินระดับตำนานของเม็กซิโก หนังก็ไม่พลาดที่จะหยิบยกมาเอ่ยถึง โดยภาพรวมแล้ว ถ้าเป็นประชากรเม็กซิกัน ก็คงจะเป็นปลื้มกับหนังเรื่องนี้อย่างมหาศาล เพราะไม่เพียงถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง ได้รับตำแหน่งเป็นเซ็ตติ้งของหนังที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้ หากแต่จิตวิญญาณด้านวัฒนธรรมและศิลปะ รวมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีก็ได้รับการกล่าวถึงอย่างงดงาม

ไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันเทศกาลที่เรียกว่า “วันแห่งความตาย” (Day pf the Dead”, Dias de los Muertos) ซึ่งเป็นเหมือนงานประเพณีตามความเชื่อที่จัดเป็นประจำทุกปีของชาวเม็กซิโก โดยจะจัดขึ้นต่อจากวันฮาโลวีน ซึ่งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะจัดแจงสิ่งของต่างๆ ไว้แล้วเชิญวิญญาณคนตายให้กลับมาเยี่ยมครอบครัวและรับประทานของกินทั้งหลายที่ญาติเตรียมไว้ แต่ก็แอบมีรายละเอียดบางอย่างที่หนังเก็บมาสร้างหมัดฮุกได้อย่างทรงพลังสะเทือนใจ ก็คือ วิญญาณผู้ตายนั้นๆ จะต้องมีภาพที่ญาติประดับไว้บนหิ้ง ด้วยความระลึกนึกถึง หากวิญญาณตนใดที่ญาติไม่ได้ใส่ใจไยดีที่จะวางรูปไว้หิ้งหรือลืมเลือนไปแล้ว (ด้วยเหตุที่ทำบางสิ่งบางอย่างที่ญาติไม่พอใจตอนยังมีชีวิต) ก็ไม่มีทางกลับมารับส่วนบุญส่วนกุศลได้

ในแง่นี้ ผมเห็นว่า หนังหยิบนำมาใช้ได้อย่างครบทุกมิติ เพราะในประเพณีก็ย่อมมีความเชื่อความศรัทธา นอกจากศรัทธาและเชื่อในประเพณี ยังมีศรัทธาที่นำพาเรื่องราว นั่นก็คือเด็กน้อยมิเกล ที่ศรัทธาอย่างหนักแน่น ต่อความฝันของตนเอง และศรัทธาต่อศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่มีนามว่า “เออร์เนสโต้ เดอ ลาครูซ” ผู้ที่จะช่วยปลดปล่อยเขาให้หลุดออกมาจากโลกของแห่งวิญญาณ

การพูดถึงหนังอย่างละเอียด อาจเป็นการเบียดเบียนอรรถรสในการรับชม ผมพูดได้อย่างรวบรัด ณ ตรงนี้ครับว่า “โคโค่” เป็นหนังที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง งดงามด้วยแง่มุมที่หลากหลาย

ถามว่าเหมาะกับใคร?
นี่คือหนังที่เด็กดูได้และผู้ใหญ่ดูก็จะยิ่งชอบครับ สำหรับเด็กๆ จะทำให้เขาได้รู้จักตระหนักถึงการมีความคิดฝัน ความมุ่งมั่น ที่จะไต่ไปในตอนเติบโต เท่าๆ กับที่พร้อมจะมี “พื้นที่” สำหรับคนที่ห่วงใยเขาอย่างครอบครัวญาติพี่น้อง ส่วนผู้ใหญ่ก็จะมีจิตใจที่เปิดกว้างมากขึ้น เมตตามากขึ้น เราอาจผ่านพบเรื่องราวที่น่าขมขื่นมาเยอะตลอดระยะเวลาอันยาวนานของชีวิต แต่นั่นก็ไม่ควรจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เรากั้นปิดความงดงามของชีวิตหรือโลกของคนรุ่นหลัง

กล่าวได้ว่า โคโค่เป็นหนังที่เติมเต็มความเข้าใจในกันและกันและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองรุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังครอบครัวที่ให้แง่คิดทั้งแก่ผู้อาวุโสและวัยเยาว์

ถ้าใครได้ไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว จะได้ดูหนังสั้นหนึ่งเรื่องก่อนในตอนแรก (ซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียมหนึ่งของพิกซาร์) โดยหนังสั้นเรื่องดังกล่าวก็มีเนื้อหาเสมือนหนึ่งเป็นการปูไปสู่หนังโคโค่อย่างสอดคล้องกลมกลืน มันว่าด้วยเรื่องของ “โอลาฟ” ที่ออกเดินทางตามหาสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมเนียม” (หรือ “ประเพณี”) เพื่อนำกลับมาฟื้นฟูชีวิตชีวาให้เจ้าหญิงเอลซ่าและเจ้าหญิงอันนาสองพี่น้อง... ซึ่งเมื่อขยับมองไปยังหนัง “โคโค่ วันอลวน วิญญาณอลเวง” เราจะพบเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมเนียม” หรือ “ประเพณี” ครอบคลุมอยู่อย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นตัวบรรยากาศแวดล้อมของเม็กซิโกที่มีประเพณีดีงามอย่างที่กล่าวไปในตอนต้น นอกจากนั้นยังมีธรรมเนียมในวงศ์ตระกูลที่จะกลายมาเป็นจุดขัดแย้งเมื่อถึงยุคของคนรุ่นเหลน

ในแง่หนึ่ง มันคล้ายๆ กับการที่โลกยุคใหม่ปะทะกับโลกยุคเก่า แบบชวนตั้งคำถาม เช่น เหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่ธรรมเนียมซึ่งปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่เก่าก่อน จะยืนขวางเส้นทางความฝันของใครบางคน แต่ในอีกด้านหนึ่ง หนังก็พูดถึงว่า การมีธรรมเนียมนั้นงดงามอย่างไรบ้าง ธรรมเนียมในแง่หนึ่งก็คืออดีต คือวันวาน และคือความทรงจำ หนังมีหลายตัวละครในอดีตที่อยู่ในโลกวิญญาณ และกำลังถูกลืมเลือน ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ถูกลืมเลือน วิญญาณตนนั้นๆ ก็จะถึงวาระที่เรียกว่า “ตายครั้งสุดท้าย” (The Last Death) คือร่างวิญญาณดับสลายไปชั่วนิรันดร์

ในขณะที่ธรรมเนียมหลายๆ อย่างซึ่งมีมาแต่เก่าก่อน เริ่มเลือนจางไปจากวิถีปฏิบัติและความเชื่อมั่นศรัทธา หนังจากดิสนี่ย์พิกซาร์เรื่องนี้ ก็ชักพาเรากลับเข้าไปโลดแล่นในธรรมเนียมและเทศกาลเหล่านั้นอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับนำพาเราก้าวย้อนกลับไประลึกนึกถึงใครบางคนในเวลาอันไกลโพ้น และอาจกำลังถูกลืมเลือน...







กำลังโหลดความคิดเห็น