“อั๋น ภูวนาท” ย้อนถาม “พลอย เฌอมาลย์” มีประโยชน์ไหนของ “ปั๋ง ประกาศิต” ที่ไม่จริงหรือรับไม่ได้ แต่อีกฝ่ายบอกไม่มีอะไรแล้ว ชี้คงอยากชี้แจงความจริงอีกด้าน เชื่อมั่นแขกรับเชิญไม่โกหก แต่คาดไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เผยภรรยาป่อง 14 สัปดาห์ ยังไม่ทราบเพศลูก ยันไม่ซีเรียส ขอแค่แข็งแรง เป็นคนดี อย่าโง่
กลายเป็นประเด็นดรามาอีกแล้ว สำหรับรายการคลับฟรายเดย์โชว์ ที่เทปล่าสุดนักร้องรุ่นใหญ่ “ปั๋ง ประกาศิต โบสุวรรณ” มีการพาดพิงถึงความรักกับสาว “แอ๊น บัวศรีฟ้า” ซึ่งต่อมาฝ่ายหญิงปรี๊ดแตก ออกมาแหกเป็นข้อๆ วอนอย่าพาดพิงถึงกันอีก โดยมีนางเอกสาว “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” โดดร่วมแจมด้วยการแท็กหาพิธีกรของรายการอย่าง “อั๋น ภูวนาท คุนผลิน” รวมถึง “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” เรียกร้องความเป็นธรรมให้แอ๊น
ล่าสุดเจอหนุ่มอั๋นในงาน “Blackmores 85thAnniversary of Well Being เฉลิมฉลองการครบรอบ 85 ปีของแบลคมอร์ส” ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 โซน A ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เจ้าตัวก็เผยถึงเรื่องนี้ว่าได้มีการพูดคุยกับพลอยทางแมสเซสจริง แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“ผมกับพลอยก็สนิทกันกลางๆ นะครับ แต่เจอก็ดีต่อกัน แต่ไม่ได้สนิทถึงขนาดไปแฮงค์เอาต์กัน เอาง่ายๆ ไม่มีไลน์กัน พอเขาแท็กผมในไอจี เขาก็ส่งแมสเซสมาหาด้วย แต่ส่งในไอจี แต่โดยรวมแล้วไม่มีอะไรนะ ผมก็ส่งกลับไปถามว่าตรงจุดไหนยังไง เพราะผมก็คิดว่าไม่ควรอยู่เฉย ในมุมหนึ่งถ้ามันจริงมันก็เป็นเกียรติและเป็นความรับผิดชอบของรายการ คลับฟรายเดย์สำหรับผมแขกรับเชิญที่มาเราได้รับเกียรติอย่างสูงมาก ผมจะขอบคุณแขกในรายการเยอะมาก เพราะว่าเขามาเปิดใจ ซึ่งเขาไม่จำเป็น แต่เขาเห็นความตั้งใจว่าเราอยากให้ประสบการณ์ชีวิตของเขาเป็นบทเรียนชีวิต และที่ผ่านมาเราก็ได้แขกรับเชิญที่มหัศจรรย์มากที่เขามายอมเล่าเรื่องในรายการเรา เราขอบคุณมาก”
“ครั้งนี้ก็เช่นกัน ในทุกๆ เรื่องเราไม่สามารถตอบได้หรอกว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริง เรารู้แต่ว่าถ้าเขายืนยันว่าจริงเราก็เชื่อเขา เชื่อเขาโดยที่เราไม่ได้บอกทั้งโลกนะว่านี่คือเรื่องจริงแท้ 100% ฉะนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ว่าทั้งผมหรือพี่อ้อย นภาพร พี่ฉอดจะรู้ว่านี่คือเรื่องจริงแท้แน่นอน แต่เราก็เชื่อในเกียรติของเขา เราไม่เคยมีความคลางแคลงเลยว่าใครที่มานั่งตรงนี้โกหก แต่เราก็คิดว่าคงไม่มีใครในโลกเล่าทุกอย่าง 100% แต่เราไม่เคยมีเจตนาที่จะให้ร้ายใครทั้งสิ้นครับ”
“ณ ตอนนั้นพลอยก็อธิบายมา บอกว่าเป็นเพื่อนเขา มีข้อมูลตรงนี้ๆ ซึ่งผมก็อ่านแล้ว ก็อ่านอย่างตั้งใจนะ มันก็เป็นสิทธิและเป็นเรื่องที่โอเคมากๆ ที่เขาให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ผมก็ถามกลับไปเหมือนกันว่าแล้วมีมุมไหนจุดไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าที่รู้สึกว่าอยากชี้แจง เขาก็บอกว่าไม่มี ผมก็เลยคิดว่าจบแค่นั้น จบแค่ให้รับรู้ คือทุกครั้งที่รายการจะพาดพิงถึงใครเราก็ไม่เอ่ยชื่อนะ ทุกๆ ครั้งที่เป็นข่าวขึ้นมาหรือถ้าลองกลับไปฟัง ลองกลับไปดู เขาไม่เคยพูดถึงกันไม่ดีเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมคิดว่าอยากให้ลองดูกันก่อน ตัวแขกรับเชิญเองเท่าที่ผมจำได้ทั้งหมดพูดถึงบุคคลที่ถูกพาดพิงในแง่ดีว่าเป็นบุคคลที่เขารักและเขารู้สึกเป็นเกียรติดีใจที่ครั้งหนึ่งได้รู้จักคนดีๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ นั่นคือสิ่งที่ผมจำได้และพิธีกรทั้งหมดจำได้”
“หลังจากที่แมสเซสคุยกันก็ยังไม่ได้มีการชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น ผมก็คิดว่าคงจะแฮปปี้แล้ว เขาส่งเป็นรูปยกมือไหว้มาว่าแต้งกิ้วนะคะ แล้วก็จบ ผมก็คิดว่าคงจะจบแล้วไม่มีอะไร แต่ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่อ้อยพี่ฉอดเลยครับ คุยกันแต่เรื่องอื่น ก็คิดว่าไม่มีอะไรนะ แต่เรามีไลน์กรุ๊ปที่ทำงานเกี่ยวกับรายการนี้อยู่ เราก็บอกว่ามันมีตรงนี้นะ งั้นเดี๋ยวเราเอาเทปมานั่งดูสิว่ามันมีประเด็นไหนหรือเปล่า เขาก็ถามกันว่าแล้วเขาพูดถึงประเด็นไหนเป็นพิเศษ อันนี้เราก็ยังไม่ได้เคลื่อนที่ต่อ เราคิดว่าคงไม่มีอะไร ก็จบตรงนี้ เราก็เคารพทุกฝ่าย รับฟังทุกฝ่าย”
“แต่ผมไม่ได้ไปตามอ่านคอมเมนต์เลย เพราะบางครั้งคอมเมนต์ก็อะไรก็ไม่รู้ ก็ฝากสำหรับทุกคนว่าก่อนจะแสดงความคิดเห็นในทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องนี้ด้วย ก็อยากให้ไปดูก่อนว่าเขาพูดถึงกันว่าอะไร บางทีมีบอกว่ารายการนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน หรือบอกว่าทำไมคลับฟรายเดย์ต้องพูดเรื่องความรักด้วยล่ะ อ้าว เดี๋ยวก่อนไปอยู่ที่ไหนมาในโลก ก็นี่คอนเซ็ปต์รายการ ก่อนจะพิมพ์อะไรคิดกันหน่อย ถ้าคิดว่าว่าก็ขอโทษ แต่คิดว่าไม่สมควรจะถูกว่าก็ไม่ต้องรับคำนี้ไป ผมพูดลอยๆ ในอากาศแล้วกัน แต่ทุกเรื่องแหละก่อนจะคอมเมนต์ควรดู ควรฟังก่อน”
“ฟีดแบ็กจากทางพี่ปั๋งไม่มีเลยครับ แต่ผมว่าเขาแฮปปี้นะ เขาไม่ได้มีอะไร และตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ผมยังรู้สึกเลยว่าเขารู้สึกดีจริงๆ คือเสียงเขาเปลี่ยนเลย เล่าพีกๆ อยู่ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้เสียงเขาอ่อนโยนลงมาเลย แสดงว่ายังรู้สึกดี นั่นคือที่เรารู้สึก ผมเชื่อว่าเป็นเจตนาดีของทุกคนและเป็นเจตนาดีของรายการจริงๆ เราบังคับให้ใครพูดไม่ได้ในศิลปินดาราระดับนี้อยู่แล้ว ทุกครั้งพอถ่ายเสร็จก็จะถามทุกครั้งว่าอยากไม่พูดตรงไหนมั้ย แฮปปี้มั้ย เพิ่มหรือตัดตรงไหนมั้ย บางคนพูดแล้วเผลอหลุดปาก เราจะบอกเลยว่าอยากจะให้ตัดตรงไหนจดมาเลย เพราะรายการเราไม่ได้เน้นสร้างกระแสแล้วอีกหน่อยหาแขกรับเชิญไม่ได้ ไม่มีใครอยากมาออก”
“ตอนคุยแมสเซสกับพลอยก็ไม่มีอะไร ยังชมเขาเลยว่าในความรักครั้งสุดท้ายเขาสวยมาก เพราะไม่เห็นเขาในละครนานมากแล้ว แต่ถ้าใครจะมองว่าเป็นการโปรโมตละคร ผมว่าไม่ได้เป็นแผนของ GMM25 แน่นอน ผมยืนยันได้ ซึ่งผมก็ได้อ่านที่เพื่อนของพลอยโพสต์ ผมถึงได้ถามกลับไปว่าประเด็นไหนเป็นพิเศษที่รู้สึกว่าไม่จริงหรือรับไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอะไร ก็คิดว่าต่างฝ่ายต่างได้ชี้แจงกันแล้วมากกว่า”
เผยช่วงนี้ตนและภรรยาต่างคนต่างยุ่ง แต่ไม่ห่วงเรื่องตั้งครรภ์แล้ว เพราะน่าจะปลอดภัยแล้ว
“ตอนนี้ 14 สัปดาห์ครับ สุขภาพโอเคครับ แต่นี่ไม่เจอกัน 3 วันแล้ว แต่เฉพาะวีกนี้นะ ปกติเขาอยู่ตลอด แต่วีกนี้เขางานเยอะ เขาเลยขอไปอยู่พัทยา แต่วันนี้ก็จะกลับมาแล้วครับ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ปกติมาก ชิลมาก แต่ก็คุยกันตลอดครับ แต่ไม่ได้คุยกันเยอะนะ มันก็โตแล้วเนอะ มันมีสารพัดวิธีจะติดต่อสื่อสาร แต่ไม่ได้ว่าคุยยาวๆ มันผ่านยุคนั้นไปแล้ว (ยิ้ม) แต่ก็เป็นห่วงครับ เพราะว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยกินเท่านั้นเอง โดยเฉพาะช่วงนี้อยู่ดีๆ เขาจะไม่หิวก็ไม่หิวเลย แต่เวลาเขาหิวเขาจะสะอึก ก็ตลกดี จนเขาบอกว่าเขาเป็นอะไร เขาก็เลยคิดเองว่าลูกคงบอกว่าหิว”
“จริงๆ ผมเป็นคนชิลมากเลยนะ เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนผอม ไม่ได้ว่าเขาอ้วนนะ แต่เขาไม่ได้ผอมจนเรารู้สึกว่าลูกจะขาดสารอาหาร ไปหาหมอเขาก็บอกว่าเด็กมาตรฐานนะ ไม่ได้น้อยไป แต่จ๋าเขาบอกว่าเขากินไม่ได้เลย เขากังวลมาก คุณหมอก็บอกว่าน้ำหนักปกติ หมายความว่าลูกเท่าที่ดูเทียบกับ 14 สัปดาห์ก็ตามมาตรฐานทุกอย่าง อาการแพ้ยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรมาก แต่เขาจะไม่กินอะไรซ้ำเลย ผมซื้ออะไรให้ไม่ได้เลย นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวมาก วันนี้บอกอยากกินไอ้นี่มาก พรุ่งนี้ซื้อมาให้บอกว่าไม่กินเหม็น ก็เอาใจไม่ถูก แต่ดีตรงที่เขาไม่เหวี่ยงผม คือวันนี้ชอบ พรุ่งนี้ไม่ชอบ แต่เราซื้อมาผิดเขาก็ไม่หงุดหงิด ยังเป็นคนปกติมาก”
“ช่วงนี้ทำงานเยอะทั้งคู่ครับ ช่วงนี้ยิ่งเยอะใหญ่เลย ผมว่าเขารู้ว่าเดี๋ยวจะต้องมีช่วงที่ต้องลดงานลง เขาก็เลยต้องเร่งตอนนี้ แล้วมันก็ช่วงปลายปีด้วย เขาก็มีหลายโปรเจกต์ของเขา เราก็ต่างคนต่างยุ่ง มันก็บาลานซ์ จริงๆ ก็บาลานซ์มาโดยตลอด”
บอกยังไม่รู้เพศ แต่ไม่ซีเรียส ขอแค่แข็งแรง เป็นคนดีและไม่โง่ก็พอ
“ผมว่าน่าจะปลอดภัยขึ้นแล้วนะ ไม่ได้มีอะไรมาก คือหมอที่ดูแลตั้งแต่พยายามจะตั้งครรภ์เป็นหมอคนเดียวกับที่ฝากครรภ์และเป็นหมอคนเดียวกับที่ทำคลอด ก็จบ ก็เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น หมอให้ทำอะไรก็ทำ ตอนนี้ก็เตรียมตัวเรื่องที่อยู่อาศัยมากกว่า ก็ต้องไปเบียดบังคนอื่นเขา (หัวเราะ) ตอนนี้เป็นช่วงเวนคืนที่อยู่ (หัวเราะ) คือมันมีห้องที่เหมาะเลยแหละ แต่ที่ผ่านมามันเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งาน ก็กลายเป็นที่เก็บของพี่คนโน้นของคนนี้ เราก็บอกว่าเอาของออกไปให้หมดนะ ก็คุยกันดีๆ นะครับ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาไปเก็บของให้นะ ก็อยู่ในระหว่างการเคลียร์ เคลียร์เสร็จเราก็มานั่งดูอีกเพราะมันเป็นห้องที่ดี แต่มันไม่มีห้องน้ำ ก็ต้องมีห้องน้ำอีก แล้วเดี๋ยวจะมีพี่เลี้ยงมาก็ต้องมีห้องพี่เลี้ยงอีก ก็ต้องเตรียมเดี๋ยวถึงเวลาจะไม่ทัน ตอนนี้ก็เป็นช่วงไล่ที่เวนคืน ตอนนี้คิดว่าจะเริ่มหาพี่เลี้ยงแล้วล่ะ”
“ยังไม่ได้เริ่มเรียนเข้าคอร์สอะไรเลยครับ ยังไม่ได้มีการปรึกษากันเรื่องนี้เลย ผมว่าเราชิลกันมากทั้งคู่ ผมคิดว่าอย่างน้อย 3 ปีแรกก็คงให้ลูกเรียนแถวบ้าน ซึ่งในซอยบ้านผมมีโรงเรียนอนุบาลอินเตอร์อยู่ ก็ดูดีใช้ได้ เดินจากบ้าน 2 นาทีถึง ผมก็บอกเขาว่าเอานี่แหละ เขาก็บอกเออๆ คือไม่เคยเถียงอะไรกันเลย ยังไม่มีอะไรต้องตีกันเลย แต่อาจจะตีกันตอนตั้งชื่อ แต่ตอนนี้ยังไม่มี (หัวเราะ) รอให้ได้เพศ 100% ก่อนดีกว่า”
“รอลุ้นเพศตอนคลอดมั้ยเหรอ ไม่ๆ ครับ ขอรู้ก่อนเถอะ ขอเตรียมอะไรไว้บ้างนิดหนึ่ง เดี๋ยวเกิดทาห้องเตรียมทุกอย่างไว้เป็นสีชมพูหมดเลย แต่ออกมามีจู๋จะเป็นลม (หัวเราะ) จะเสียของขี้เกียจเปลี่ยนสี แต่เปิดเผยอยู่แล้วครับ ผมไม่ปิดหรอก แต่ยังไม่รู้จริงๆ ครับ คุณปู่คุณย่านี่ลุ้นกันหลากหลายมาก แต่คุณแม่ผมกับจ๋าอยากได้ผู้ชาย แต่คุณป้ากับน้องสาวเขาอยากได้ผู้หญิง แต่ผมคิดว่าบ้านผมอยากได้ผู้ชาย แต่ผมไม่เกี่ยง ขอแข็งแรงดีกว่า เพราะจริงๆ จะเป็นเพศอะไรเราก็ตอบไม่ได้ ต่อให้เป็นเพศหญิงหรือชายเขาอาจจะไม่แต่งงานก็ได้ มันไม่มีอะไรแน่นอนในอนาคต ขอให้เติบโตมาเป็นคนโอเค ผมก็อธิษฐานให้เขาแข็งแรง เป็นคนดี ไม่โง่นะ (หัวเราะ) สำคัญคืออย่าโง่นี่แหละ ดีหมดแต่โง่นี่จบเลย”