แม้ศาลอินเดียจะปฏิเสธคำร้องที่มีผู้ข้อให้ระงับการฉายภาพยนตร์เรื่อง “ปัทมาวตี” ทั่วโลก แต่ล่าสุด หนังอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ได้ถูกเลื่อนฉายในอินเดีย และอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้เกี่ยวข้องกับหนังตัดสินใจที่จะเลื่อนการฉายออกไปแบบไม่มีกำหนด เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น
ปัทมาวตี หรือ Padmavati ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล ได้ถูกต่อต้านมานานหลายเดือน มีการประท้วงหนังอย่างรุนแรง เพราะมีข่าวลือว่า หนังจะเน้นเนื้อหาความรักระหว่างราชินีชาวฮินดู กับผู้ปกครองมุสลิม ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า ไม่ตรงตามประวัติศาสตร์
เดิมที ปัทมาวตีมีกำหนดจะลงโรงในอินเดีย และอีกหลาย ๆ ประเทศในวันที่ 1 ธ.ค. เพราะกองเซ็นเซอร์ปฏิเสธที่จะตรวจภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สำหรับในต่างประเทศ ศาลสูงของอินเดียได้ปัดคำร้องที่มีผู้ข้อให้เลื่อนฉายหนังเรื่องนี้ในต่างประเทศออกไปก่อน และยังบอกด้วยว่า คนไม่ควรตัดสินหนังก่อนที่จะมีการตรวจพิจารณาจริง ๆ และยังบอกด้วยว่า ความวุ่นวายต่าง ๆ เกิดขึ้น เพราะผู้มีอำนาจแสดงความเห็นที่ละเมิดต่อกฎหมาย และกระแสต่อต้านก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล รวมถึงผู้นำของอินเดียอย่างนายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมที ได้เอ่ยปากว่า พวกเขาจะทำทุกทางเพื่อ “แบน” หนังเรื่องนี้ แม้ผู้สร้างจะตัดส่วนที่มีปัญหาออกไปแล้วก็ตาม
ส่วนผู้นำกลุ่มหัวรุนแรง ก็ถึงกับตั้งค่าหัวถึง 50 ล้านรูปี (25 ล้านบาท) สำหรับคนที่สามารถ “ตัดคอ” นางเอกสาว ทีปิกา ปาทุโกณ และผู้กำกับ ซันเจย์ ลีลา ภานซาลิ เจ้าของผลงานชิ้นนี้ เพื่อลงโทษ
การประท้วงอย่างรุนแรงครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มราชบุตร คาร์นี เสนา ซึ่งเชื่อในเรื่องวรรณะ ได้เข้าไปทำลายกองถ่าย และหวังทำร้ายผู้กำกับ ซันเจย์ ระหว่างการถ่ายทำที่ชัยปุระ ในรัฐราชสถาน ต่อมา กลุ่มผู้ประท้วง ก็ยังเข้าไปทำลายอุปกรณ์ประกอบฉากมากมาย ระหว่างการถ่ายทำที่เดลี แม้สุดท้าย หนังจะถ่ายสิ้นเสร็จ แต่กระแสประท้วงก็ยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักต้องห้ามในยุคทศวรรษ 1300 เมื่อ อัลลาอุดดิน คิลชิ ผู้นำแห่งอาณาจักรสุลต่านของชาวมุสลิม ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของปัทมาวตี ราชินีแห่งแคว้นราชบุตร ที่นับถือศาสนาฮินดู จึงยกทัพเข้าล้อมเมืองเพื่อจับตัวเธอ จนสุดท้าย ปัทมาวตี และหญิงในเมือง ได้ตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องเกียรติของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากบทกวีที่เขียนขึ้นในยุคทศวรรษ 1540
ซึ่งกลุ่มราชบุตร เชื่อว่า ผู้สร้างภาพยนตร์ทำหนังเรื่องนี้ด้วยการ “บิดเบือน” ประวัติศาสตร์ แม้นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะสงสัยเกี่ยวกับตัวตนจริงของราชินีปัทมาวตี ที่มีหลักฐานไม่ชัดเจน จนอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงก็ตาม
กระแสการต่อต้านหนังเรื่องนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อคนระดับผู้นำของประเทศหลายคนได้แสดงความเห็นต่อต้านหนัง อาทิ สมาชิกพรรคภารตียชนตา ที่กำลังปกครองประเทศอินเดียอยู่ในขณะนี้ ก็แสดงความเห็นว่า “หากบิดเบือนประวัติศาสตร์” หนังเรื่องนี้ก็ไม่สมควรได้ฉาย แต่ทั้งผู้สร้าง และนักแสดง ก็ต่างยืนยันว่า หนังไม่ได้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และอยากให้คนได้ชมหนังก่อนที่จะตัดสิน เช่นเดียวกับคนในแวดวงหนังอินเดีย หรือ “บอลลีวู้ด” ที่ส่วนใหญ่แสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ผลิตหนังเรื่องนี้
ผู้กำกับ ฮานซัล เมห์ตา เป็นอีกคนที่แสดงความผิดหวังว่า “น่าเศร้า การข่มขู่วงการหนังเกิดขึ้นอีกแล้ว จุดยืนของรัฐบาลก็น่าผิดหวัง แต่ไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้เลย” ส่วนดาราสาว โซนัม คาปูร์ ก็กล่าวว่า เธอรู้สึก “ตกใจ” กับกระแสที่เกิดขึ้น และมองว่าเป็นเรื่อง “น่าสมเพช”
