ผู้บริหารแกรมมี่ ยก “ตูน บอดี้สแลม” เป็นบุคลากรที่มีคุณค่า ไม่ใช่สินค้า เป็นมืออาชีพมากกว่าคำว่าศิลปิน ยันอีกฝ่ายเสี่ยงชีวิตระดมทุน เป็นสิ่งที่ต้นสังกัดต้องสนับสนุน เผย ถึงจะสูญเสียมูลค่าเรื่องตัวเลข แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีค่ามหาศาล แจงเหตุไม่จัดคอนเสิร์ต เพราะคุณค่าทางจิตใจต่างกัน แอบกัดคนวิจารณ์ไม่บริจาคไม่ทำควรอยู่เฉยๆ แต่ก็เข้าใจอยากได้ซีน อยากมีตัวตน ย้ำ มารไม่มีบารมีไม่เกิด เชื่อคนฉลาดจะนิ่ง
ยอมเสียรายได้ครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว สำหรับต้นสังกัด “ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย กรณีที่นักร้องดังเบรกงานเพื่อโครงการก้าวคนละก้าว ทิ้งเงินกว่า 30 ล้าน เพื่อระดมทุนช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจ “นิค วิเชียร ฤกษ์ไพศาล” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการผลิตและโปรโมชั่นเพลงบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ยอมรับต้นสังกัดสนับสนุน และสิ่งที่ได้กลับมามีมูลค่ามากกว่าเรื่องตัวเลข
“โดยปกติต่อเดือน วงบอดี้สแลมจะรับงานไม่เกิน 20 งาน เพราะเราพยายามให้อยู่ประมาณ 15 - 20 งาน เพื่อจะให้เขาได้พัก การที่ตูนไปทำกิจกรรมก้าวคนละก้าว ก็ต้องยกเลิกงานทั้งหมด แต่จริงๆ เรียกว่า ยกเลิกก็ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่รับงานก็ประมาณ 3 เดือน ถามว่างานที่ไม่รับเยอะมั้ยซึ่งในช่วง 3 เดือนก็เยอะอยู่ แต่ตูนเขามองว่าโครงการนี้มันเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจ เขาอยากที่จะทำ และเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งตรงนี้เพื่อนๆ ในวงก็เห็นด้วย รวมถึงทีมงานของวงเองก็เห็นด้วย และช่วยกันสนับสนุน ในส่วนของค่ายจีนี่ฯ ที่ทำงานปกติก็ทำไป แต่บางคนเราจัดสรรคนเข้าช่วยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะไปอยู่ด้วยตลอด รายได้เสียไปเยอะ แต่มองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันเป็นรายได้ที่หาได้ต่อไปในอนาคต ผมไม่แน่ใจว่าค่าตัวของวงเขาเท่าไหร่ เรียกว่าหลายแสนต่อครั้ง (เห็นว่าประมาณ 450,000 - 500,000บาท?) อันนี้ก็ต้องไปประเมินเอาเอง”
ย้ำเสียมูลค่าเรื่องตัวเลข แต่สิ่งที่ได้กลับมามหาศาล
“เรามองว่าสิ่งที่ตูนทำมันได้คุณค่ามาก เราอาจจะสูญเสียมูลค่าเรื่องของตัวเลขไป แต่คุณค่าที่ได้กลับมา ลองคิดนะว่าเราต้องใช้มูลค่าแค่ไหนที่ได้คุณค่าแบบนี้กลับมา มันเป็นมูลค่าที่มหาศาลเลยนะ ที่จะสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมแบบนี้ การที่ตูนทำแบบนี้ ในทางกลับกันเขาได้สร้างประโยชน์ให้กับชื่อของวง และตัวค่ายเองก็ได้อานิสงส์ไปด้วย ทางบริษัทแกรมมี่ฯ เองก็ได้ส่วนร่วมไปโดยปริยาย ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดีที่เราควรสนับสนุน ถามว่าการที่เราส่งคนภายใต้บริษัทไป ไม่ได้เป็นการหนีงาน แต่เป็นการไปรับภาระงานที่หนักขึ้น นี่คือการสร้างชื่อเสียงอย่างหนึ่ง ถ้าคิดในเชิงธุรกิจ แต่ขอบอกตรงนี้เลยว่าทั้งตูนและทางค่ายไม่เคยคิดถึงตรงจุดนี้เลย ความตั้งใจของตูนในการทำโครงการนี้ มาด้วยความบริสุทธิ์ใจของเขา ที่เขาเอาตัวเองมาทำเพื่อสังคม ซึ่งถ้าถามว่าเราสูญเสียอะไร เราไม่มีคำว่าสูญเสีย เรามีแต่ได้กับได้”
แจงเหตุไม่จัดคอนเสิร์ตเพราะคุณค่าทางใจที่ได้รับกลับมาน้อยกว่า
“ผมว่ามันลำบากนะ เพราะถ้าทำแบบนั้นคิดดูสิคุณค่าจากความตั้งใจทำของเขามันจะเปลี่ยนไป ตอนนี้ทุกหย่อมหญ้ารู้จัก พี่ตูน เวลาตูนไปไหนต่อจากนี้เขาจะได้รับการต้อนรับมากขึ้นจากวงกว้าง แต่อย่างที่บอกสิ่งที่ตูนทำเขาทำมาจากใจของเขา เขาไม่ได้คิดว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา มันอาจจะง่ายกว่ากับการที่จัดคอนเสิร์ต แต่คุณค่าทางใจที่ได้กลับมา มันน้อยกว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้เป็นการโปรโมตให้ตัวเองดัง แต่เป็นการที่เขาเอาชีวิตของเขาเข้าไปแลก ผลที่กลับมาคือ ยิ่งให้ยิ่งได้”
ยกเป็นบุคลากรที่มีมูลค่า ไม่เคยมองว่าเป็นสินค้า ในฐานะต้นสังกัด ไม่คิดว่าบริษัทจะต้องเสียมูลค่า
“ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นความชอบส่วนตัวของเขา มันเป็นสิ่งที่เราสั่งเขาไม่ได้ มันเป็นความต้องการของเขาเอง เรื่องแบบนี้เราต้องขีดเส้นว่านี่คือเรื่องส่วนตัวของเขา มองกลับกันถ้าเราจะสั่งให้เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อทำแบบนี้ ทำได้มั้ย มันไม่ได้ ชีวิตเป็นของเขา การที่จะมาคิดว่าเราเป็นต้นสังกัดเขา เราจะไปจำกัดให้เขาทำอะไรมันไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาทำมันเป็นสิ่งที่ดี ที่น่าสนับสนุน สิ่งที่เราทำคือสนับสนุนเขา ถามว่ามีการทำประกันชีวิตเขามั้ย เขาคงมีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปห่วงเขา ส่วนเรื่องที่ว่าเขาคือบุคลากรที่มีมูลค่าของเรา อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าใช่ เขาคือบุคลากรที่มูลค่า แต่เราไม่เคยมองว่าเขาคือสินค้า เราไม่ได้คิดแบบฝรั่งที่แบบว่า ศิลปิน นักฟุตบอล หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มูลค่าของเขาทางธุรกิจจะเป็นเท่าไหร่ ยังไง แต่เรามองเขาคือคนไทยคนหนึ่งที่เสียสละตัวเอง สิ่งที่เขาทำ เราในฐานะที่เป็นต้นสังกัดเราควรยินดี ไม่ใช่มาคิดว่าเราจะเสียมูลค่าเท่าไหร่ จากเขาในเชิงธุรกิจ สิ่งที่เราคิดคือ เขาไปทำงานหนักขนาดนี้ เขาควรจะได้รับการดูแลอย่างดี และการสนับสนุนอย่างดี เราเชื่อว่าตูนเขารู้ตัวเองดี และเขาก็มองว่านี่คือโครงการส่วนตัวของเขา เขาก็ไปดิ้นรนทำของเขาส่วนหนึ่ง ไม่ได้เป็นภาระของค่ายทั้งหมด ค่ายแค่อยู่ในส่วนของการช่วยสนับสนุนเท่านั้น”
มารไม่มีบารมีไม่เกิด เชื่อ “ตูน” ฉลาดพอที่จะนิ่งเฉยกับกระแสดรามา แต่แอบจิก ไม่บริจาคไม่ทำก็ควรอยู่เฉยๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่าอยากจะมีซีน อยากมีตัวตน ห้ามกันไม่ได้
“คือต่อให้เราพูดยังไง ก็ยังมีคนแบบนี้อยู่ สิ่งที่ทำได้คือการนิ่งเฉย ตูนเองเขาก็เช่นกัน เขาก็นิ่ง คนฉลาดก็จะนิ่งกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ควรไปให้ค่ากับคนที่พูดจาแบบนี้ การที่เราไปตอบรับไปอะไรกัน เท่ากับเราไปให้คุณค่า สิ่งที่เราทำคือเราอย่าไปให้คุณค่ากับเขาเลย เขาไม่มีตัวตนสำหรับเรา ไม่ว่าจะไปพูดอะไร สถานการณ์แบบนี้เราควรให้กำลังใจกัน พูดในเชิงบวกมากกว่าที่จะมาวิจารณ์ มาพูดดับกำลังใจ คนทำดีไม่ควรพูดให้หมดกำลังใจหรือเปล่า มันไม่มีประโยชน์กับการพูดแบบนั้น คุณไม่บริจาคก็อยู่เฉยๆ คนไม่ทำก็อยู่เฉยๆ คนจะทำดีควรอนุโมทนาบุญกับเขามากกว่า ซึ่งก็อย่างว่าแหละนะ คนเราก็อยากจะมีซีน อยากมีตัวตนขึ้่นมา มันเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ เอาเป็นว่าเราอย่าไปใส่ใจดีกว่า”
“ผมว่าผมกับตูนคล้ายๆ กัน คือ เข้าใจและก็เฉยๆ ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ สุขก็รู้ว่าสุข เราสายธรรมะอยู่แล้ว มีแบบนี้ก็ให้รู้ว่ามี ไม่ว่าจะสูงส่งขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นใครก็จะเจอแบบนี้หมด พระพุทธเจ้าก็มีพระเทวทัต คอยมาสะกิดสะเกาเพราะว่าเขาทำแบบนี้ไม่ได้ มารไม่มีบารมีไม่เกิด ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เขาทำให้โครงการดีๆ แบบนี้เป็นที่รับรู้มากขึ้น เพราะเขายิ่งทำแบบนี้คนยิ่งจะช่วยกันสนับสนุนในเรื่องดีๆ พิสูจน์ไปเลยว่าสิ่งดีๆ แบบนี้จะเดินต่อไป”
เลื่อนปล่อยซิงเกิลใหม่ไปเป็นปีหน้า ยกเป็นมืออาชีพที่เหนือกว่าศิลปิน
“จริงๆ จะมีเพลงปล่อยในช่วงนี้ แต่ไม่เป็นไรก็เลื่อนออกไปประมาณมกราคมปีหน้า เอ็มวีอะไรก็ถ่ายเสร็จไปแล้ว ไม่ต้องห่วงเขาเลย ผมจะบอกเลยว่าเหนือกว่าศิลปินก็คือมืออาชีพ ตูนคือคนหนึ่งที่เป็นมืออาชีพ เขามีโรดแมปของเขา ตูนและวงบอดี้สแลมเขามีแนวทางของเขา ค่ายแทบไม่ต้องวางอะไรให้เลย ค่ายมีหน้าที่แค่สนับสนุนเขา”