ฝ่ายประสานงานละคร “ทิวลิปทอง” บินข้ามทวีปแฉผู้กำกับชื่อดัง “ฉลอง” ทิ้งขี้ก้อนโตไว้ให้ที่เนเธอร์แลนด์ มึนใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่ง วัด - ร้านอาหารไม่ให้เครดิต จุดแตกหักขอค่าล้างรถแล้วอีกฝ่ายไม่จ่าย ซัดเป็นฝันร้าย พ้อนี่คือสิ่งที่คนมีชื่อเสียงควรกระทำหรือ ลั่นไม่ซีเรียสเรื่องเงิน อยากได้ความรับผิดชอบ ตอกสามัญสำนึกมีมั้ย ไม่ซีเรียสถ้าถูกฟ้องกลับ
เกิดกระแสดรามาขึ้นมาทันที หลังจากที่กองถ่าย “ทิวลิปทอง” โดยผู้จัด “ฉลอง ภักดีวิจิตร” ออกอากาศทางช่อง 7 ถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า “จีรนุช กิ๊ฟช็อป” ไลฟ์สดแฉการทำงาน ไม่เป็นไปตามข้อตกลงเรื่องขึ้นเครดิตโลโก้ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ รวมถึงประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่ทำให้เสียความรู้สึก
ล่าสุด “ณัฏฐกานต์ ใบเงิน” อายุ 59 ปี มีอาชีพธุรกิจทัวร์ และเป็นผู้ประสานงาน กองถ่ายทิวลิปทองที่เนเธอร์แลนด์ ก็ออกมาอัดซ้ำว่ากองถ่ายทิ้งกองขี้ไว้เบื้องหลัง ออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบ อัดสามัญสำนึกมีมั้ย
“มาจากเนเธอร์แลนด์อยากมาชี้แจงเรื่องกองละครที่เนเธอร์แลนด์ เราได้รับการติดต่อมาตั้งแต่เดือน ก.พ.จากเลขาของคุณฉลอง บอกว่าทางกองได้ติดต่อกับทางฝรั่งที่เนเธอร์แลนด์ซึ่งเขาขอค่าใช้จ่าย 10 ล้าน คือเราได้ปรึกษากับทางวัดที่อัมสเตอร์ดัมที่เขาไปถ่ายทำ ซึ่งทีมงานทั้ง 32 ท่านเราเป็นคนรับรองและให้เจ้าอาวาสเป็นคนเชิญจดหมาย เพื่อให้วีซ่าผ่านฉลุย ซึ่งทางวัดจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องไปขอกับหน่วยงานทางอำเภอ 17 ยูโร 50 เซนต์ต่อ 1 ท่าน”
“เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2016 คุณฉลอง ภรรยา เลขา และอาร์ต ศุภวัฒน์ (รวม 4 คน) เดินทางไปดูโลเกชั่นก่อนประมาณ 10 วัน เขาก็กลับเมืองไทย ซึ่งเขาได้เดินทางไป ซึ่งทางเรายังต้องทำงานอยู่เพื่อเตรียมงาน เพื่อรอเขากลับมาอีกครั้งวันที่ 17 เม.ย. คือเราได้ติดต่อสถานที่ต่างๆ ไว้หลายที่ ซึ่งแต่ละที่เราต้องทำหนังสือแจ้งและต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยกันทั้งนั้น พอสรุปแล้วกลับมาอีกรอบหนึ่งคือวันที่ 17 เม.ย. - 5 พ.ค. เป็นการเดินทางมาถ่ายจริง เราเป็นคนดูแลเรื่องรถทุกอย่าง ต้องขอบอกว่าการทำงานที่เนเธอร์แลนด์หรือที่ยุโรปจะต้องมีการแพลนไว้ว่าขั้นที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ยังไง ซึ่งเขาก็ทำแพลนมา แต่พอเอาเข้าจริงก็เปลี่ยนแปลงทั้งหมด”
“เราทำงานอยู่กับเขาตั้งแต่วันแรก วันที่สอง ตามหน้าที่เราจะต้องทำงานแค่ 10 ชั่วโมง แต่เราทำงานเกินเวลาเพราะเราต้องนอนกับกองถ่าย เพราะจะให้เดินทางไป-กลับวันละ 140 กิโลเมตรจากบ้านเราจนมาถึงที่ถ่ายทำมันไกลกัน (ไป 70 กิโลเมตร กลับ 70 กิโลเมตร) คงไม่ไหว ระหว่างนั้นเราทำทุกอย่าง ทั้งๆ ที่หน้าที่ของเราคือคอยประสานงานและเป็นล่ามช่วยแปลให้เท่านั้น แต่เขาก็ใช้เราให้ทำอย่างอื่นด้วย ในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่เราเรียกไป เราได้รับการจ่ายจากเขามาเรียบร้อย”
“ครั้งที่ 2 ที่มาเขาจะมาบอกว่าต้องการรถตู้ 9 ที่นั่งสำหรับผู้บริหาร และรถบัสสำหรับทีมงาน เราก็ไปทำเรื่องเช่ารถนี้มา คือการเช่าที่เนเธอร์แลนด์เราต้องวางเงิน เราวางเงินไป 2000 ยูโร ซึ่งเรามีหลักฐานการจ่ายไปของเรา ปรากฏว่า มาถึงบอกไม่เอา ซึ่งไม่เป็นไร เราจ่ายเงินไปแล้ว เพราะเราคิดว่าถ้ามาแล้วเดี๋ยวทุกอย่างจะไม่สมบูรณ์ เราก็สำรองจ่ายไปก่อน พอมาแล้วรถไม่ได้ใช้ แต่เงินถูกตัดไปแล้ว 2000 ยูโร เพราะเขาไม่คืนเงินให้ แต่ดีว่าเขาให้เครดิตเราว่าถ้าเช่ารถใหม่ก็หักกันไปอันนี้จบไป จากนั้นก็มาใช้รถเราแทนเป็นรถฟอร์ดสีดำ เขาใช้รถเราตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ทั้งเข้าฉาก ขนอาหารทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อวันสุดท้ายที่เขากลับกัน รถเราเละจนดูไม่ได้เราขอค่าล้างรถ 120 ยูโร เขาไม่มีการจ่าย ไม่จ่ายไม่เป็นไร ทิ้งหมดทุกอย่าง กลับไปแล้วถือว่าจบไป เราถือว่าเป็นฝันร้ายของตัวเราเอง เราเจ็บมาก ที่มาพูดไม่ได้ต้องการที่จะใส่ร้ายหรืออะไร ที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง”
“เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี 2559 ได้ไปถ่ายทำที่ร้านอาหารไทยเดิมในอัมสเตอร์ดัม ถ่ายทำ 2 วันเต็มๆ ใช้สถานที่ของเขา กินของเขาอะไรของเขา ถามหน่อยว่ามีการขึ้นเครดิตให้เขามั้ย ไม่มีเลย ถ่ายที่วัด 2 วัน มีที่กิน มีห้องน้ำ ทุกอย่างฟรีหมด ถามหน่อยว่าขึ้นให้ทางวัดมั้ย ไม่มีเลย คุณฉลองกลับไป คณะทิวลิปทองกลับไป ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย หลังจากนั้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เราได้รับเอกสารจากทางเอกสารจากทางอำเภอทางศุลกากรของทางอัมสเตอร์ดัม มีการเรียกค่าใช้จ่ายมา ซึ่งเราได้ดูแล้วว่าเป็นเรียกค่าใช้จ่ายจากกองคุณฉลองที่ร้านอาหารไทยเดิม ซึ่งทางเลขาก็รับเรื่องไป แล้วก็โยนกันไปโยนกันมา เราเลยส่งไปให้คุณอาร์ต เขาถามเรากลับมาต้องการอะไร เขาบอกว่าเขาส่งไปให้คุณมาตินดู เขาบอกว่าบิลอันนี้ถูกจ่ายไปแล้ว เราก็บอกว่าใช่ เราเป็นคนจ่าย เรามีหลักฐานการจ่ายเงินทั้งหมด”
“เขาก็บอกว่าเราจะให้เขาทำยังไง ซึ่งคำพูดของเขาทำให้เราไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เราเลยส่งเรื่องไปทางช่อง 7 ผู้รับเรื่องคือคุณจอห์นก็ตามเรื่องให้ เราส่งเรื่องไปให้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน คุณจอห์นบอกว่าเขาได้ส่งเรื่องให้ทางกองแล้ว เดี๋ยวเขาจะติดต่อกลับมา สิงหาคมที่ผ่านมา เราก็ถามไปอีก เพราะเราไม่ได้รับการติดต่อกลับมา กันยายนเป็นครั้งสุดท้าย เราคิดว่าจบไม่เอาแล้ว พอละครทิวลิปทองลงจอ เราก็ขึ้นเฟซบุ๊กว่าเราแสดงความยินดีด้วยแล้วกัน แต่เราก็ถามว่าทำไมถึงทิ้งขี้ตัวนี้ไว้ให้เรา ซึ่งมันเป็นเงินไม่มากมาย 241 ยูโร 50 เซนต์ คิดเป็นเงินไทยแค่ 9 พันบาท นี่หรือสิ่งที่คนมีชื่อเสียงเขาทำแบบนี้เหรอ เราเป็นชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำอยู่ที่นั่น”
“เราไม่ได้ต้องการอะไร เราแค่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมว่าทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ ใช้เราเสร็จแล้วถีบหัวเราส่ง ไม่ได้โกรธ แค่ต้องการถามว่าทำไมไม่ออกมาคุยกัน ส่งเรื่องไปหาเลขา บอกว่าจ่ายแล้ว ซึ่งไม่มีการจ่าย โยนกันไปโยนกันมา วันนี้เราต้องการความเป็นธรรมให้ทุกคนได้รู้ ได้เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องจริง เราได้มีการติดต่อไป แต่เขาบล็อกเราทิ้ง คือเรื่องเงิน 9 พันบาทเราไม่ได้ซีเรียสเลย เราแค่ต้องการให้เขาแสดงความรับผิดชอบ เรื่องเงินเป็นอะไรที่น้อยมาก”
“เรื่องขึ้นเครดิตเราดูอยู่นะ ไม่มีเลย แม้แต่ชื่อของเราก็ไม่มี แต่เราไม่ได้อะไร แต่ทางวัด เขาให้ตั้งเยอะ ให้ตั้งหลายอย่าง เรื่องวีซ่าที่ทำเข้าไปวัดทั้งนั้น ร้านอาหารไทยเดิมไปถ่าย 2 วันเต็มๆ เขาให้รถมาใช้ด้วย ซึ่งควรให้เครดิตเขา ทุกคนให้ความช่วยเหลือหมด สถานที่ที่ไปถ่ายทำที่คุณฉลองอยากจะได้ ทุกที่ต้องเสียเงินนะ แต่สรุปแล้วไม่เอาเลย แล้วมาได้น้องนุช (ผู้เสียหายที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้) จัดการให้ ทุกอย่างฟรีหมด ไม่มีการเสียเงิน มีเสียเงินแค่ที่เดียวคือสนามบิน ที่เสียไป 2,000 ยูโร แต่ไปขึ้นเครดิตให้เขา แต่วัด ร้านอาหารไทยเดิม ไม่ขึ้นให้เขา เขาให้ฟรี”
“อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องปืนปลอม คือ เราเห็นว่ามีการใช้ปืนปลอม เราได้แจ้งกับทางคุณอาฉลองว่าถ้ามีการใช้ปืนปลอมเราขอยุติการทำงานทันที เพราะว่าปืนปลอมที่เนเธอร์แลนด์คือความผิดกฎหมายทางอาญา เป็นอะไรที่รุนแรงมาก การถ่ายทำที่นั่นถ้าจะใช้ปืนต้องมีการขออนุญาต ไม่ใช่แค่ขอทางตำรวจอย่างเดียว ต้องขอทางบริษัทที่เขาทำใบอนุญาตอันนี้โดยเฉพาะ ตอนที่เราบอกเขาไปว่ามันผิดกฎหมาย แล้วเราขอหยุดทำงาน เขาก็เงียบ เราก็ยืนยันว่าถ้ามีการใช้เราหยุดทำงานทันที เราจะเอาตัวไปเสี่ยงทำไม ซึ่งคือปืนก็ไม่ได้ใช้ เพราะถูกทำลายไป เพราะทางตำรวจมา”
โดย “ณัฏฐกานต์” เผยต่อว่า “หลังจากนั้น ก็มีการระหองระแหงกันในกอง ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัปดาห์สุดท้ายก่อนที่ทางทีมงานจะบินกลับ เราก็ถูกเขี่ยออกมาจากทางกองถ่าย ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 เราได้บอกกับเขาว่าบริษัทอินทรีย์ของเขา ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องมาเสียภาษี 21 เปอร์เซ็นต์ที่นี่ เราจะเรียกคืนภาษีให้ ก็เอาบิลมารวบรวมเพื่อคืนภาษีให้ แต่เราก็เรียกค่าใช้จ่ายที่เราทำให้ แต่จุดที่ระหองระแหงมาจากที่เราขอค่าล้างรถ แล้วเขาไม่ให้เรา ก็คิดว่าถ้าไม่ให้ แล้วเราจะทำทำไม”
“อย่างน้องนุชที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็เป็นน้องที่อยู่ที่นั่น ก็เป็นคนที่นับถือกัน จริงๆ เราไม่ได้อะไรกัน มาผูกพันก็เพราะเรื่องกองทิวลิปทองนี่แหละ เรามารู้จักกันในโปรเจกต์นี้ คือเราช่วยกันจริงๆ มันเป็นอะไรที่ดรามามาก ถามว่าทำไมไม่นัดมาคุยมาเคลียร์กัน เพราะว่าเราติดต่อเขาไม่ได้ไง เราติดต่อเขาได้ยังไง อยู่ๆ เราจะเดินเข้าไปในกอง ในช่อง เขาไม่รู้จักเรา เราเป็นใคร คือค่าใช้จ่ายเราแค่ 9 พันบาท เราไม่ได้คิดที่จะแจ้งความอะไร ขอแค่ให้เขามีความรับผิดชอบตรงนี้ มีสามัญสำนึกบ้าง ไปใช้เขาที่นั่น ควรให้เครดิตเขาบ้าง เกือบ 2 ปีที่ทิวลิปทองกลับไป ปีใหม่สักครั้ง การ์ดสักใบยังไม่มีเลยที่จะขอบคุณ คนที่นั่นไม่ได้ต้องการอะไร แค่มีไมตรีจิตต่อกัน แต่มันไม่เคยเกิดขึ้น เราก็ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไร นอกจากว่าใช้แล้วก็ถีบทิ้ง มันเป็นเรื่องความรู้สึกล้วนๆ ตลอดการถ่ายทำเราก็มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เรียกว่ามาตายตอนจบ”
ซึ่ง ณัฏฐกานต์ เผยว่า จะกลับไปอัมสเตอร์ดัม วันที่ 27 ธันวาคม โดยหวังว่าจะได้รับการติดต่อกลับมาจากทางกองทิวลิปทอง เพราะส่วนตัวไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง ตอนนี้คือรอให้ติดต่อมา
“ส่วนที่ทางคุณฉลองออกมาชี้แจงไปแล้วว่าไม่ได้มีติดค้างอะไรกัน แล้วถ้าเขาจะฟ้องเรากลับหรืออะไรเรายินดี เราไม่ซีเรียส เพราะทุกอย่างที่เราพูดเป็นความจริง อยากบอกเขาว่ามาคุยกัน มาคุยกันดีกว่า เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นมา คุยกันดีกว่า”