คุณแม่ชาวสก็อตแลนด์เล่าเรื่องน่าประทับใจที่เธอได้ช่วยเหลือ และรับเลี้ยงสุนัขจรจัดจากไทย จนสุดท้ายสุนัขตัวนี้กลับมาช่วยให้ลูกชายผู้พิการของเธอ ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
อแมนดา ลีสต์ คุณแม่ชาวสก็อตแลนด์ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดเมื่อ 9 ปีก่อน แต่สุดท้าย เพราะความผิดปกติบางอย่าง ทำให้ลูกชายคนหนึ่งกลับมีชีวิตอยู่ได้แค่ 26 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วน ไคล์ ลูกชายอีกก็มีอาการสมองอัมพาต และออทิสติก จนไม่สามารถพูดได้ และต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นแทบจะตลอดเวลา แต่ตอนนี้ลูกชายของเธอกลับมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก หลังเขาได้พบ และผูกมิตรกับเพื่อน 4 ขาจากเมืองไทย
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. ปี 2014 ที่ผ่านมานี่เอง เมื่อ อแมนดา เห็นภาพใน Facebook ที่เป็นภาพรถขนเหล่าสุนัขที่ถูกจับมาจากถนนหนทางในเมืองไทย เพื่อนำไปขายเป็นเนื้อในเวียดนาม ซึ่งนิยมบริโภคเนื้อสุนัข
ซึ่ง อแมนดา รู้สึกสะเทือนใจกับภาพที่เหล่าสุนัขถูกจับยัดใส่กรงจนแออัด และกำลังถูกนำไปเป็นอาหาร จึงตัดสินใจที่จะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือพวกมัน โดยเฉพาะสุนัขตัวหนึ่งที่เธอรู้สึกสะดุดตา ... "คงเป็นเพราะแสงแฟลชที่ทำให้สุนัขตัวหนึ่งเบิกตาขึ้น และทำให้ฉันรู้สึกอะไรขึ้นมา" โดยเธอ และ โทเบียส ผู้เป็นสามีเลี้ยงสุนัขพันฮัสกีเอาไว้ถึง 49 ตัว เพื่อใช้แข่งในกีฬาลากเลื่อน และยังมีส่วนช่วยเหลือสุนัขจรจัดอยู่เสมอ โดยเคยช่วยเหลือเหล่าสุนัขจากโรมาเนียมาแล้ว
ในตอนนั้นหญิงชาวสก็อตตัดสินใจติดต่อช่างภาพชาวไทยที่เธอรู้จัก เพื่อช่วยเหลือเหล่าสุนัขที่ถูกขบวนการค้าเนื้อผิดกฎหมายจับ จนสามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย สกัดขบวนการค้าเนื้อสุนัขเอาไว้ได้ และสามารถติดตามไปถึงแหล่งพักพิงสำหรับสุนัขที่ได้รับความช่วยเหลือ ที่มีหมาอยู่นับ 3,000 ตัว "ฉันถามเธอไปว่าแล้วแบบนี้เธอจะหาหมาที่ฉันพยายามช่วยตัวนั้นได้รึเปล่า เนี่ย!? ไม่อยากจะตั้งความหวังอะไร แต่หลังผ่านไป 8 สัปดาห์ เธอก็หาหมาตัวนั้นเจอ เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ชัดๆ"
โดยเธอได้ตั้งชื่อหมาจากเมืองไทยว่า "มิราเคิล" ที่แปลว่า ปาฏิหาริย์ นั่นเอง และตั้งใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์ มิราเคิล สามารถเดินทางไปหาครอบครัวของ อแมนดา ที่สก็อตแลนด์ได้
หมาจรจัดจากเมืองไทย ต้องเดินทางไกลด้วยเครื่องบินไปสู่อัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะขึ้นเรือเฟอร์รีมาถึง ฮาร์วิช ในสก็อตแลนด์ ซึ่ง อแมนดา และครอบครัวรอมันอยู่ที่นั่น "ฉันประหม่ามากค่ะ เหมือนกำลังออกเดตเลย ฉันเห็นหมาตัวนี้มานาน แต่มันจะชอบเรารึเปล่า? แต่เมื่อได้เห็นครั้งแรก ความกังวลก็หมดไปทันที"
มิราเคิล ใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนมานาน อแมนดา จึงค่อยๆ ให้มันปรับตัว และไม่ได้ให้ลูกชายได้พบกับสมาชิกใหม่ของบ้านตัวนี้ทันที "มันเริ่มสงสัยอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ ไคล์ หมาส่วนใหญ่ของเราก็จะอยู่รอบๆ ตัวเขาอยู่แล้ว แต่หมาบางตัวจะกระปรี้กระเปร่าเกินไป พยายามปีนป่ายไปบนตัว ไคล์ เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ มิราเคิล กลับไม่ทำแบบนั้น มันเข้ามาหา ไคล์ อย่างอ่อนโยนโดยโดยสัญชาตญาณ"
"ถึง ไคล์ จะพูดไม่ได้ แต่เขาก็สามารถส่งเสียงออกมาเพื่อแสดงให้รับรู้ได้ว่าเขามีความสุข, หรือกังวล หรืออาจจะอารมณ์ไม่ดี ซึ่งฉัน กับ โทเบียส จะรับรู้ได้ แต่อยู่ๆ เราก็เริ่มสังเกตว่า ไคล์ เมื่อส่งเสียงบางอย่างออกมา มิราเคล จะรีบกระโจนไปหาเขาเลย, มันจะเห่า แล้วก็กระดิกหาง ซึ่ง ไคล์ จะชอบมากเวลามันกระดิกหาง และรู้สึกว่ามันตลกดี"
"จน มิราเคิล สามารถเข้าไปใกล้ๆ ให้ ไคล์ ได้จับตัวมัน จนลูกเริ่มจดจำสัมผัสจาก มิราเคิลได้ แลเริ่มรู้สึกว่าเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน ตอนนี้เวลา ไคล์ อารมณ์ไม่ดีจากเรื่องต่างๆ เช่นว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาเกินไป มิราเคิล จะไปหา ไคล์ ทันที ให้เขาได้ลูบตัว, ลูบหลัง ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกสงบได้ทันที"
"เรื่องที่น่าประทับใจที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือ ไคล์ เริ่มจ้องตา มิราเคิล ซึ่งมันน่าทึ่งมาก เพราะปกติเด็กออทิสติก จะไม่สบตาคน ไคล์ ไม่เคยมองตาฉัน แต่กับหมาตัวนี้มันกลับแตกต่างไป คุณรู้ได้เลยว่าทั้งสองมีความรักให้แก่กัน มิราเคิล จะรอให้ ไคล์ กลับมาจากโรงเรียน และจะกระโจนไปมาอย่างตื่นเต้น ตั้งแต่ที่มันได้ยินเสียงแท็กซีมาจอดอยู่หน้าบ้าน แต่เมื่อ ไคล์ เข้ามาในบ้าน มิราเคิล จะสงบลงทันที และปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยน"
มิราเคิล ได้รับรางวัล Crufts Friends For Life Award และ RSPCA Animal Hero Award นอกจากนั้นยังได้รับการแต่งตัวให้เป็นทูตของ. มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ซึ่งมีคนดังอย่าง ริกกี้ เจอเวส เป็นผู้สนับสนุนด้วย
"ฉันเลือกชื่อ มิราเคิล ก็เพราะหมาตัวนี้สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แม้จะเจออะไรมามากมาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นภาพของมัน ถูกมัดอยู๋ในรถบรรทุกที่เมืองไทย แต่แล้ว มิราเคิล กลับสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับครอบครัวของเรา, นำเรื่องวิเศษมาสู่ชีวิตของพวกเรา ด้วยมิตรภาพที่งดงามของมัน กับ ไคล์"