ปล่อยเอาไว้อย่างนี้ “ไทด์ เอกพันธ์” ชี้ ใบหย่าไมสำคัญแล้ว ชีวิตมีความสุขดี เผย เมียไม่หย่าก็ไม่เป็นไร แต่เปิดใจอยากให้โอนทุกอย่างมาให้ตนก่อน หวั่นตายไปปุบปับอีกฝ่ายจะเดือดร้อน ไม่อยากให้แบกรับภาระหนี้
คาราคาซังต่อไป สำหรับชีวิตครอบครัว “ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” กับภรรยา “ยุ้ย คนึงนิจ” ที่ถึงวันนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่เซ็นใบหย่า ซึ่งไทด์เผยในงานบวงสรวงละครฟอร์มยักษ์ “จ้าวสมิง” บริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด หมู่บ้านสวนแหลมทอง 2 ถนนพัฒนาการซอย 28 ว่า ตอนนี้มีความสุขดี เพราะใบหย่าไม่สำคัญแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่มีการเซ็นใบหย่าครับ ก็ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดี ผมไม่ต้องการอะไร ถ้าน้องเขาไม่เซ็นให้ก็ไม่เป็นไร ก็เก็บไว้ เราไม่มีการติดต่อพูดคุยครับ ตั้งแต่มีเรื่องปีกว่าๆ ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย ผมก็บอกลูกๆ ว่าถ้าเกิดหม่าม๊าอะไรยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ ไปกับลูกไม่เป็นไร ขอให้เป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เพราะเป็นผมเองที่ยื่นข้อเสนอหย่า คือ มันก็มีเรื่องราวต่างๆ ถ้าเขาไม่หย่าก็ไม่เป็นไร ผมถือว่ามันเป็นสิทธิของเขา เราจะไปขู่บังคับขู่เข็ญมันก็ไม่ใช่ผม ผมพูดกับเขาดีๆ ว่าหย่ากัน ไม่หย่าก็ไม่เป็นไร”
ไม่หวั่นจะเป็นข้อผูกมัด บอกถ้าเจอคนที่ใช่ ใบหย่าก็ไม่ใช่อุปสรรค จะไม่แต่งงานอีก
“สำหรับผมเองผมไม่มีใครหรือมือที่สามอะไรต่างๆ ถ้าเกิดว่าผมจะคบใครหรือเจอใครสักคนที่จะต้องใช้ใบหย่า หรือผมจะไปชอบใครผมว่าไม่จำเป็นนะ ใบหย่ามันก็เหมือนกฎหมายให้เรารู้ว่าเป็นสามีภรรยากัน จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ด้วยกัน ประกาศให้ทุกคนรู้ว่านี่คือภรรยา นี่คือสามี แต่เราแยกกันอยู่เกือบ 3 ปีแล้วนะ ถ้าเกิดว่าผมจะมีใครชอบใครก็ต้องบอกเขาแล้วว่าใบหย่านี่ไม่สำคัญได้มั้ย ถ้าจะอยู่กันรักกันหรือยังไงคือผมจะไม่แต่งงานอีก จะไม่จดทะเบียนสมรสกับใครอีกได้มั้ย ถ้าได้ก็โอเคจบไม่มีปัญหา”
“เขาบอกเขาไม่หย่า (หัวเราะ) เขาก็อยู่ไปอย่างเนี้ย ไม่รู้สิ ผมก็เดาใจเขาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรต้องการอะไร ถ้าเกิดเขาพูดมาผมยังสบายใจซะกว่าว่าเขาต้องการอะไร ถ้าเกิดผมจัดการให้ได้ผมก็จะจัดการให้ แต่นี่เขาเงียบๆ เราก็ปล่อยให้เงียบไป ชีวิตผมก็ทำงานเพื่อสังคมแบบนี่อยู่ตลอดเวลา”
บอกยังไปไหนมาไหนกันได้เพื่อลูก เพราะสถานะคือเพื่อนเท่านั้น
“ลูกมาอยู่กับผม ศุกร์ - อาทิตย์ จันทร์ไปส่งโรงเรียน อังคาร - ศุกร์ ก็อยู่กับเขา ตอนเย็นศุกร์ผมก็ไปรับมา ความรู้สึกของผมดูแล้วเป็นเพื่อนกันดีกว่า มันจะได้เก็บความรู้สึกดีๆ เอาไว้ เก็บความรู้สึกเรื่องราวต่างๆ ที่เราเคยเป็นครอบครัวกันไว้”
“ลูกๆ ก็ถามครับ ผมก็บอกลูกทุกอย่างว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อตัดสินใจแล้วลูกๆ ก็เห็นด้วยตั้งแต่ตอนแรก แต่ถ้าอยากไปไหนกับพ่อ อยากไปไหนกับแม่ อยากไปไหนที่มีพ่อกับแม่ก็สามารถทำได้ อย่างหลายๆ คู่ที่เขาเลิกกันไปแล้วเขาก็ยังไปเที่ยวกันได้ อย่างไปต่างจังหวัดก็ไปกันเป็นครอบครัวเหมือนเดิมได้ แต่สถานะคือเป็นเพื่อนกัน เรายังไม่มีโอกาสคุยกันเลยครับ ผมเคยอยากจะคุยนะ คิดว่าหลังจากปีนี้จะเข้าไปคุยกันเป็นราวว่าจะเอายังไง เขาต้องการอะไร”
มั่นใจคงไม่ถึงขั้นต้องฟ้องร้องกัน
“ส่วนจะถึงขั้นฟ้องร้องมั้ย ผมไม่คิดที่จะฟ้องร้องเขานะ เพราะว่าเราไม่มีอะไร เราไม่มีคนที่จะมาเร่งรัดว่าทำไมไม่หย่าสักที ผมก็อยู่ของผมอย่างนี้ไป ไม่รู้จะฟ้องร้องเขาเรื่องอะไร (หัวเราะ) ไม่หย่าก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฟ้องร้อง”
กังวลเรื่องการทำธุรกรรม หวั่นเกิดอะไรที่คาดไม่ถึง ไม่อยากลูก-เมียต้องเดือดร้อน
“นี่แหละที่ผมจะเข้าไปคุยก็คือธุรกรรมต่างๆ ที่เราต้องผ่อนบ้านอะไรต่างๆ สมมติผมเกิดเป็นอะไรขึ้นมาปุบปับเขาต้องรับผิดชอบแทนผมเลยนะ สิ่งที่ผมผ่อนมาหรือเรื่องธุรกรรมการเงินต่างๆ เขาต้องทำต่อจากผมเลยนะ ผมจะเข้าไปคุยกับเขาเรื่องนี้แหละ ว่าเขาไม่หย่าไม่เป็นไร แต่ขอให้โอนค่าบ้าน ค่าที่ดินอะไรที่ต้องผ่อนอยู่ขอให้เป็นของผมคนเดียว เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน ลูกจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน”
“มันมีเรื่องราวเยอะแยะมากมายนะครับในครอบครัว เราก็ประคับประคองกันมาเพื่อลูก แต่มาวันหนึ่งผมได้ออกข่าวไปแล้วว่าผมรับไม่ได้กับการที่ทำร้ายร่างกาย ผมก็คิดว่าชีวิตคู่ของผมกับเขาก็ต้องยุติลง อย่างอื่นผมรับได้ จะทำอะไรผมก็ได้ จะด่าอะไรผมไม่เคยว่า ไม่เคยโกรธ แต่มาทำร้ายร่างกายแล้วต่อหน้าลูกนี่ผมสุดๆ แล้ว ผมก็เลยต้องขอเขาหย่า”
“ผมก็กลัวลูกจะเห็นความรุนแรงเหมือนกันนะครับ ครูที่โรงเรียนบางทีก็มาปรึกษาผมเหมือนกัน มีคนหนึ่งที่เขาเครียด เราก็มาพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าลูกจะไม่ได้เจอพ่อ ไม่ได้เจอแม่ ไม่ใช่อย่างนั้น เขาก็เริ่มเข้าใจ”
ย้ำใบหย่าไม่สำคัญแล้ว ห่วงตนตายปุบปับ อีกฝ่ายต้องแบกรับภาระหนี้สิน
“ผมโอเคครับ ผมได้ดูแลพี่น้องคนไทย ได้ดูแลลูกๆ ได้ดูแลครอบครัว ซึ่งผมเองก็เป็นเสาหลักนะครับ ก็เป็นห่วงเขานี่แหละถ้าวันหนึ่งผมเป็นอะไรปุบปับตายขึ้นมา เขาเสร็จเลย หนี้สินต่างๆ เขาก็ต้องรับคนเดียว ถ้าหย่าลูกก็อยู่กับเราเหมือนเดิม ผมคิดว่าใบหย่าใบหนึ่งมันไม่ได้สำคัญสำหรับผมแล้ว”