xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีเขาก็ไม่มี “เฉินหลง”!! สิ้นแล้วผู้จัดการส่วนตัวที่เห็นแวว “เฉินหลง” ว่าเป็นได้มากกว่าแค่ “บรูซ ลี คนใหม่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการดาราที่ดังที่สุดคนหนึ่งแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง “วิลลี่ ชาน” ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 76 ปี โดยตลอดการทำงานมาหลายสิบปี เขามีส่วนในการผลักดันนักแสดงให้กลายเป็นดาราดังมากมาย รวมถึงเป็นคนเห็นแววสตั้นแมนหนุ่มคนหนึ่งจนเลือกมาเป็นพระเอก และในเวลาต่อมาเป็นที่รู้จักทั่วโลกในนาม “เฉินหลง”

สื่อฮ่องกงอ้างคำยืนยันจากครอบครัวของ วิลลี่ ชาน ว่าเขาได้เสียชีวิตลงในวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมาด้วยวัย 76 ปี โดยเป็นการเสียชีวิตอย่างกะทันหันระหว่างกำลังนอนหลับ แบบที่ไม่มีใครคาดคิด และตอนนี้ยังไม่มีการเผยสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ

วิลลี ชาน เป็นชาวมาเลเซีย แต่หลังจบการศึกษาจากสหรัฐฯ เขาได้เข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกง และทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ในช่วงยุค 1970s ซึ่งช่วงเวลานั้นนักแสดงส่วนใหญ่พยายามเลียนแบบราชานักบู๊ผู้ล่วงลับอย่าง บรูซ ลี แต่ วิลลี ชาน กลับเห็นแววของสตั้นแมนดาวรุ่งคนหนึ่ง ที่ถูกเลือกให้มารับบทแทน บรูซ ลี ใน “มังกรหนุ่มคะนองเลือด” ที่เป็นภาคต่อของ “ไอ้หนุ่มซินตึ๊งล้างแค้น” ซึ่งเขาชื่อ เฉินหลง นั่นเอง

ในตอนนั้น วิลลี ชาน เชื่อว่า เฉินหลง มีดีกว่าที่จะเป็นได้แค่ “บรูซ ลี ตัวปลอม” หลัง เฉินหลง ล้มเหลวในวงการภาพยนตร์และเดินทางไปทำงานเป็นพ่อครัวที่ออสเตรเลีย ก็เป็น วิลลี ชาน นี่เอง ที่ติดต่อดึง เฉินหลง กลับมาเล่นหนังอีกครั้ง และเปิดโอกาสให้ เฉินหลง ได้เป็นตัวของตัวเอง จนประสบความสำเร็จจากการผสมลีลาตลก เข้ากับคิวบู๊ และเล่นฉากแอ็กชั่นเสี่ยงตายต่างๆ จนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกในเวลาต่อมา ส่วน วิลลี ชาน ก็ผันตัวมาทำหน้าที่ผู้จัดการให้กับ เฉินหลง ผ่านทั้งช่วงเวลาตกต่ำ และรุ่งเรืองมาด้วยกันมากมาย รวมถึงช่วงที่ เฉินหลง ไปล้มเหลวกับการโกอินเตอร์ที่ฮอลลีวูดด้วย

“ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกเราจะมาได้ไกลกันขนาดนี้” วิลลี ชาน ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2004 “หลายครั้งผมก็คิดถึงเมื่อก่อนเหมือนกัน ทุกคนล้วนอยากจะเป็นที่ต้องการเสมอ ตอน แจ็กกี้ ไปฮอลลีวูดครั้งแรก ผมก็เคยคิดว่าใครๆ ต้องการเรา สุดท้ายเราต้องทำงานกันอย่างโดดเดี่ยว และเป็นเวลานาน ต้องเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ผมคิดถึงเวลานั้นอยู่เหมือนกัน มาถึงตอนนี้เขามีอิสระมากกว่าเดิมมาก”
เขาเห็นว่า เฉินหลง เป็นคนแรก ว่าสตั้นแมนคนนี้มีดีมากกว่าแค่การเลียนแบบ บรูซ ลี
จนในปี 1998 เฉินหลง จึงประสบความสำเร็จระดับโลกอย่างเป็นทางการกับหนังเรื่อง Rush Hour ซึ่งในอัตชีวประวัติ I Am Jackie Chan ที่ตีพิมพ์ในปีเดียวกันนั้นเอง เฉินหลง เรียก วิลลี ชาน ว่าเป็น “พี่น้อง” ของเขา และ เฉินหลง ยังยอมรับว่า “ติดหนี้บุญคุณ” ผู้จัดการคนนี้มากมายเหลือเกิน ส่วน วิลลี ชาน อธิบายมิตรภาพของ เฉินหลง กับตนเองว่า “เขามักจะพูดว่าเราเป็นหุ้นส่วน, เป็นเพื่อน เป็นเหมือนพ่อลูก แต่สำหรับผมเขาคือเจ้านาย คือคนจ่ายเงินเดือนให้กับผม ผมเป็นผู้จัดการ แต่รู้ทุกเรื่องของเขายิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ซะอีก”

ตอนที่ เฉินหลง ได้รางวัลออสการ์เขาก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณผู้จัดการคนนี้ว่า “เหมือนปาฏิหาริย์เลยครับ ที่ผมอยู่ในวงการหนังมาถึง 54 ปี แล้ว ผมทำงานหนัก แต่ก็เพราะโชคดีมากๆ ที่มีคนหลายๆ คนช่วยเหลือ ผมโทรศัพท์ไปหา วิลลี ด้วยตัวเอง แต่เขามาไม่ได้ เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี”

วิลลี ชาน ยังได้ร่วมกับ เฉินหลง ก่อตั้งบริษัท JC Group ที่ทั้งสร้างหนัง และผลักดันคนรุ่นใหม่เข้าวงการมากมาย เขายังเคยเป็นตัวตั้งต่อตัวในการเคลื่อนไหว ต่อต้านแก๊งมาเฟียที่แผ่อิทธิพลเข้ามาในวงการบันเทิงฮ่องกงเมื่อยุค 90 ด้วย

หลัง วิลลี ชาน ได้เสียชีวิตลง มีดาราดังมากมายที่ได้เขียนข้อความไว้อาลัยถึงเขา รวมถึง เฉินหลง ที่บอกว่า “มีอีกคนที่สำคัญมากต่อชีวิตของผมที่ได้จากไป …. น่าจะมีหลายคนที่ทราบว่าหากไม่มีเขาในวันนั้น ก็คงไม่มีผมในวันนี้ แต่คงไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเราผ่านอะไรกันมาบ้าง คงมีแต่ผมกับคุณเท่านั้นที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี คุณคือครูของผม, คือพี่ชายของผม … จะคิดถึงคุณตลอดไป หลับให้สบายนะ
วิลลี ชาน ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ เฉินหลง
คว้ารางวัล และความสำเร็จมากมายกับ เฉินหลง
ผลักดันดาราหลายคน รวมถึง จางเซียะโหย่ว ด้วย
แดเนียล วู ก็เป็นอีกคนท่ี่ประสบความสำเร็จ เพราะ วิลลี ชาน
เขามีอาการป่วยมาพอสมควร ก่อนจะเสียชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น