xs
xsm
sm
md
lg

ใจไม่พิการ! เปิดหัวใจ "เอ๋ รังสินี" จิตอาสาพิการแต่กำเนิด-ไม่มีเงินเดือน ขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งปชช.กราบพระบรมศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิดหัวใจมอเตอร์ไซค์จิตอาสา เกือบ 1 ปีควักเงินส่วนตัวเติมน้ำมันรถรับส่งปชช. ที่มากราบพระบรมศพ ในหลวง ร.๙ อยากทำความดีตามรอยพระองค์และเชื้อพระวงศ์ ยันถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ท้อ ยิ่งรู้สึกเหมือนมีพลังพิเศษ ภูมิใจได้ทำหน้าที่จิตอาสา เชื่อพ่อหลวงเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว

โดยทั่วไปเราคุ้นตากับจิตอาสาใจดีที่มาขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ครั้งนี้ค่อนข้างแตกต่างอยู่ไม่น้อย เพราะ “เอ๋ น.ส.รังสินี เทอดทรัพย์สกุล” อายุ 41 ปี ผู้ซึ่งมีร่างกายพิการ ปัจจุบันไม่มีเงินเดือน แต่กลับควักเงินเก็บส่วนตัวเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ทำหน้าที่รับส่งประชาชนที่มากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าเป็นความรู้สึกอิ่มเอมใจ แม้บางครั้งตนจะเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะประชาชนไม่มั่นใจในรูปร่างที่พิการ

“มาเป็นมอเตอร์ไซค์จิตอาสาขี่รถรับส่งประชาชนที่มากราบพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2559 ค่ะ มาทุกวัน แต่จะอยู่ที่ประตูเทวาภิรมย์ แต่ตอนนี้เขาปิดเป็นบางช่วง ก็เลยมาช่วยรับส่งคนที่ข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์ ที่มาทำจิตอาสาเพราะอยากตอบแทนพ่อหลวงเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่เราสามารถทำได้ และเราก็มีรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองอยู่แล้ว เลยอยากเอามารับใช้ประชาชนที่มากราบพ่อหลวงทุกคน ในแต่ละวันหลังจากเสร็จงานแล้ว ก็จะมาที่นี่เลยถ้าเลิกงานแล้วก็จะมาเลย อย่างเฉลี่ยก็ประมาณ 1 ทุ่ม อยู่ถึง 5 ทุ่ม บางวันที่คนเยอะๆ อยู่ถึงตี 3 ก็มี และไปช่วยเขาแจกกาแฟ บ้านอยู่แถวท่าพระ พอเราทำเสร็จก็จะขับรถกลับบ้าน ในแต่ละวันก็จะมาคนเดียว”

“ปกติทำงานประจำเป็นจิตอาสาดูแลคนพิการอีกทีหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นของหน่วยงานของรัฐบาล ไม่ได้มีเงินเดือน รายได้หลักทุกวันนี้เป็นเงินเก็บส่วนตัวที่เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เงินที่นำมาเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ส่งคน เป็นเงินเก็บส่วนตัว แต่ก็มีผู้โดยสารบางคนที่ให้เงินเพราะเขาอยากช่วย แต่เราขอไม่รับ เพราะเราอยากทำถวายพ่อหลวง เพราะเราอยากจะตอบแทนท่านบ้าง ที่ท่านทำงานเหนื่อยเพื่อประชาชนมาเยอะแล้ว”

บรรยายถึงความรักไม่หมด บอกอยากตอบแทนพระองค์ ถึงจะพิการแต่กำเนิดแต่ช่วยเหลือตัวเองได้ ขับรถมอเตอร์ไซค์ได้
“มันบรรยายออกมาไม่หมด เราเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าท่านทรงงานเยอะมาก และท่านก็อุปถัมภ์และดูแลคนพิการด้วย ก็เลยอยากจะตอบแทนท่าน เราพิการมาตั้งแต่กำเนิดค่ะ แต่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ขับมอเตอร์ไซค์ได้ และทำมาหากินได้ ก็มีคนมาจ้างทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างประปราย”

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเผยอีกว่าถึงแม้จะช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็ภูมิใจที่ได้มาทำหน้าที่จิตอาสา คิดเสมอว่าพรุ่งนี้อาจเป็นวันสุดท้าย
“ทุกวันนี้ภูมิใจค่ะ ทุกวันเราจะทำเต็มที่ที่ร่างกายเราทำได้ จะคิดเสมอว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเรา ในขณะที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ เลยอยากที่จะทำ ถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ถ้าเราช่วยได้ก็ยินดีช่วย แต่ถ้าเราช่วยไม่ได้ ก็ช่วยนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี เราดูต้นแบบความเสียสละมาจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ เห็นท่านทำเพื่อคนอื่นมาตลอด สมเด็จพระเทพฯ และเชื้อพระวงศ์ทุกๆพระองค์ ทุกพระองค์ทำมาตลอด ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากทำดี”

ไม่เหนื่อยแต่กลับรู้สึกมีพลังพิเศษ แม้บางวันกลับบ้านตี 3 แถมตอนกลางวันต้องไปทำงานอีก
“ไม่เลยค่ะ ไม่เหนื่อยค่ะ รู้สึกมีพลังมาก (ทำมือชูกำปั้น) เหมือนมีพลังพิเศษ ตากฝนมา 10 วันแล้ว ปกติต้องเป็นหวัด ต้องนอนซมแล้ว แต่นี่ไม่เป็นไรเลย”

“เวลาเราไปส่งประชาชน ทุกคนก็จะขอบคุณ แต่ก็มีเหมือนกันบางคนที่เขากลัวว่าเราจะพารถล้ม เพราะว่าเวลาขี่รถมันจะส่ายๆ เพราะว่ามี 3 ล้อ ล้อต่อพิเศษขึ้นมา ด้านหน้า 1 ล้อ ด้านหลัง 2 ล้อ ส่วนแฮนด์รถด้านซ้าย ก็ประกอบพิเศษเหมือนกัน ใช้อุปกรณ์เสริม เพราะแขนข้างซ้ายสั้นกว่า จึงต้องต่อใหม่เพื่อให้สามารถจับถนัดขึ้น ถามว่ามีน้อยใจบ้างมั้ยเราก็ต้องปล่อยให้เป็นความคิดของเขาไป เราก็เข้าใจประชาชนว่าเขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เราเป็นตัวเลือกสุดท้าย เรายอมรับ(ยิ้ม)”

“หลังรถที่เป็นถัง ข้างในก็จะใส่ของใช้ของเรา และมีพิมเสนที่เราทำร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชน พวกเราใช้ทุนส่วนตัวร่วมกับเพื่อนๆ ทำมา เพราะว่าอากาศตอนกลางวันร้อน เผื่อมีคนเป็นลม เราก็นำไปแจก ก็ตั้งใจไว้ว่าจะมาขี่มอเตอร์ไซค์รับส่ง จนถึงวันที่เขาให้เข้าได้ ถ้าวันไหนเขาไม่ให้เข้าแล้ว ก็จะไปอยู่บริเวณรอบนอก”

ใจหาย ไม่อยากให้ถึงวันที่ 26 ต.ค. เชื่อพระองค์ท่านไปเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว
“ใจหาย เศร้าค่ะ ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เราก็เข้าใจว่ามันต้องเป็นไปตามวิถีมนุษย์ มันเศร้า แต่เรารู้ว่ามันก็ต้องเกิด วันที่ 26 เขาปิดถนน เราอาจจะอยู่บริเวณรอบนอก แล้วคอยแจกข้าวแจกน้ำ อยากทำจนวินาทีสุดท้าย ด้วยกฎระเบียบของทางการ เราก็เข้าใจ เราเป็นประชาชนตัวเล็กๆ ก็อยากจะช่วยเท่าที่เราทำได้”

“ถามว่าอยากบอกอะไรพระองค์ท่าน พระองค์ท่านไปเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว ท่านก็คงคอยมองประชาชนอยู่เบื้องบน ก็ยังคิดถึงคนบนฟ้าอยู่ แต่สุขภาพร่างกายของท่านก็ไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาให้ท่านได้พักผ่อน ยิ่งได้เห็นประชาชนมาตากแดดตากฝน นอนบนพื้นแฉะๆ ก็รู้สึกตื้นตันใจ ว่าเขาสู้กันมาก พวกเรารักในหลวงมาก ทุกคนคงอยากเข้าใกล้ในหลวงให้มากที่สุด เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มาก”



กำลังโหลดความคิดเห็น