“นก สินจัย” ภูมิใจ “น้องเรย์” หลานชายวัย 3 ขวบ รัก “ในหลวง ร.๙” มาก ถึงขนาดพาไปกราบพระบรมศพเจอเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์ เปิดใจถวายสักการะพระบรมศพถึง 6 ครั้ง ตั้งจิตให้สะอาดที่สุดก่อนก้มลงกราบ บอกรักพ่อที่สุด เผยต้องเข้มแข็งไม่จมกับความทุกข์ อย่าทำให้พ่อที่มองลงมาต้องห่วง
เป็นคนดังอีกหนึ่งคนที่มีความจงรักภักดีต่อ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ที่สุด สำหรับ “นก สินจัย เปล่งพานิช” ซึ่งจะให้บรรยายออกมาเป็นคำพูดหรือว่าข้อความนั้น กี่หน้ากระดาษถึงจะพอเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าตัวทำคือที่สุดของคนๆ หนึ่ง นอกจากบทบาท “แม่พลอย” ที่ได้รับใน “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ให้เธอภาคภูมิใจจนทุกวันนี้ นั่นคือการได้พาหลานชายคนเดียว “น้องเรย์” ไปต่อแถวกราบพระบรมศพ แล้วเจอเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์ คิดถึงทีไรก็ยิ้มทุกที
“ผ่านมา 1 ปี ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ก็ยังคงมีความจงรักภักดี และในขณะเดียวกันก็ยังคงระลึกถึงพระองค์ท่านอยู่เสมอ แล้วยิ่งช่วงที่ต้องซ้อมละครเวทีสี่แผ่นดินไปด้วย ก็ยังเหมือนว่าเรื่องราวของพระองค์ก็ยังคงอยู่กับเราตลอดเวลา ความรู้สึกก็ยังคงวนเวียนอยู่กับตัวเองตลอดเวลา ถึงแม้ว่าอาจจะไม่รู้สึกเศร้าเหมือนแรกๆ เพราะตอนนั้นเราเหมือนจมลงไป ไม่รู้จะไปทางไหน แต่พอมาถึงวันนี้เรารู้ว่าเราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะทุกครั้งที่นึกถึงพระองค์หรือได้เห็นภาพ หรือถ้าใครถามถึงความรู้สึก มันก็จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาหรืออะไรขึ้นมาก็ตาม แต่เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราทุกข์มาก ท่านก็จะต้องทุกข์ เราก็เลยนึกถึงท่านแล้วเราต้องยืนอยู่ให้ได้เพื่อที่พระองค์จะได้ภูมิใจที่เราไม่ได้อ่อนแอ และเราก็จะสืบสานเป็นความรู้สึกอย่างนั้นมากกว่า”
“อย่างตอนเราแสดงสี่แผ่นดินก็ต้องคอยเตือนตัวเองค่ะ แบบว่าอย่าจม แต่ถ้าอันไหนแบบทำเต็มที่ สินจัยก็จัดไป ตัวเองก็พยายามทำให้ดีเพราะยังคงต้องรักษาคาแรคเตอร์ของตัวละครไว้อยู่ด้วย ซึ่งถามว่าตัวละครตัวนี้มันใกล้ตัวมากที่สุดเลยมั้ย ถ้าในแง่ของความรู้สึก มันก็ใกล้เคียงแล้วเพราะคำพูดบางคำ ซึ่งอันนี้เป็นคำที่คุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เขาสร้างขึ้นมาให้เป็นไฮไลต์ มันมีทั้งต้นกลางจนจบ มันเป็นไฮไลต์ของคุณบอย เลยได้มีการปรับเปลี่ยน ซึ่งเวลาที่เรารับหน้าที่ในการแสดงบทนั้นๆ เราก็ต้องอยู่ในบทมากกว่า เพราะว่าในบทมันตีความไว้อยู่แล้วคือคุณบอยแค่ให้รู้สึกบ้างในบางคำพูด เพราะคุณบอยสร้างขึ้นมาหรือใส่ช่วงเวลาเข้าไป เป็นช่วงเวลาของสี่แผ่นดินบางช่วงต้องให้ตรงของความรู้สึกของคนไทย หรือตรงกับความรู้สึกของคนดู ณ เวลานี้ ณ ปีนี้ให้เหมือนว่าเราผ่านอะไรมาเหมือนกัน เลยอยากให้รู้สึกว่าตัวละครกับตัวผู้ชมที่ดูอยู่มีความรู้สึกอันหนึ่งอันเดียวกัน คือถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะรู้สึกอย่างนี้ หรือเป็นฉันก็คงจะพูดอย่างนี้ มันเป็นความรู้สึกแบบนี้มากกว่า”
รับคิดถึงภาพที่พระองค์ทรงงานหนัก
“เรื่องที่ทรงงาน เป็นภาพที่ทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มันติดตามาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่เราเห็นในข่าว ภาพนิ่งหรือจะเป็นจนวันสุดท้ายของรัชกาลของพระองค์ เราก็เห็นท่านทรงงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในประเทศเราก็คือเกิดขึ้นตามแบบที่ท่านทรงงานเอาไว้ให้เราทั้งนั้นเลย ก็คงเป็นเรื่องหลักและเรื่องใหญ่ที่สุดแล้ว”
ภูมิใจ “น้องเรย์” หลานชายวัย 3 ขวบรักในหลวง ร.๙ มาก ถึงขนาดพาไปกราบพระบรมศพเจอเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์
“ปลูกฝังเลยค่ะ คือบอกให้เขารู้เลยว่าเขาเกิดในแผ่นดินในรัชกาลที่ ๙ คือตอนนี้เขา 3 ขวบแล้ว เรามีรูปอยู่ที่บ้าน เราก็จะบอกว่านี่ในหลวง สอนให้เขาไหว้ทุกครั้ง พอเขาผ่านรูปเขาก็จะบอกว่าในหลวง เขาก็จะยกมือไหว้อยู่ข้างหลังและเราก็ต้องบอกเล่า ต้องเล่าต้องสอนว่าพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์นะ มีพระราชินีนะ อย่างวันก่อนขับรถรับเขามาจากโรงเรียน มากราบพระบรมศพ เราก็ขับผ่านทางสนามหลวง เขาก็จะถามตรงที่จัดซุ้มตรงถนนราชดำเนินว่านั่นรูปใคร เพราะว่าเรายังไม่เคยพูดถึงพระราชินี แต่เราก็จะสอน บอกว่านี่คือในหลวงและก็บอกว่านี่เป็นพระราชินี แต่ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะเขายังเด็ก ซึ่งเราก็ต้องอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ค่อยๆ ปลูกฝังเขาไปอย่างที่บอก”
“และนกก็จะพาเขาไปตรงนั้นตรงนี้ เล่าให้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร เรามีอะไรบ้าง ค่อยๆ สอนเขาไป อย่างดอมพ่อของเรย์ เขาเรียนที่วชิราวุธ จะค่อยๆ สอนไปทีละอย่าง นกว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่เราจริงๆ คือคนก็ชอบพูดว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แล้วถ้าไม่รู้จักและไม่มีใครอธิบาย ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องอธิบายเพราะว่าเด็กจะมีความสนใจดีกว่าที่จะเอาไปศึกษาเอาเอง เราต้องบอกว่าที่มาที่ไปเป็นยังไง ประวัติศาสตร์ของเราเป็นยังไง สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นยังไง เราต้องบอกเขา แล้วค่อยๆ ให้เขาซึมซับไป หรือโรงเรียนก็ต้องสอนต้องบอกต้องกล่าว และนกโชคดีที่ลูกๆ เรียนโรงเรียนจิตรลดาหมดทุกคน ก็เลยแบบจงรักภักดี แล้วก็เคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์”
“และอย่างวันที่เราพาเรย์เขาเข้าไปกราบพระบรมศพ เขาเรียบร้อยมาก จากที่เป็นเด็กซนๆ พูดมาก เราก็เลยคุยกับเพื่อนไว้ว่าถ้าเขาเกเร เราก็จะพาไปเดินในวัดพระแก้วแทน และเมื่อก่อนที่บ้านนก เวลาจะทำอะไรกันก็จะเกริ่นนำกันก่อนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรก็จะบอก อย่างเรย์เราก็บอกเขาว่าพรุ่งนี้เราจะไปทำอะไร บอกว่าย่าจะไปกราบในหลวงนะ เขาก็ฟัง และเขาก็ถามว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้ว เราก็บอกเรย์ว่าเราจะต้องไปต่อคิวนะและต้องเดินไป เขาก็บอกว่าทำไมไม่นั่งตุ๊กตุ๊ก ก็เลยบอกว่าตุ๊กตุ๊กตรงนี้ไม่ผ่าน และเขาก็ยอมเดินตั้งแต่ที่จอดรถวัดพระมหาธาตุก็เดินอ้อมไปถึงที่ศิลปากร แล้วก็ผ่านไปข้างหน้า แล้วก็เดินมาเพื่อเข้าแถวอีกรอบ ต่อแถวเหมือนคนทั่วไป”
“เราไม่ได้ไปแบบพิเศษ ซึ่งก็ไปตอนนั้นเวลา 5 โมงครึ่งก็เดินไปก็คุยไป คือคนที่เดินตามหลังบอกคุยเก่งจริงๆ (ยิ้ม) คุยไม่หยุดเลย ทุกคนก็บอกเรย์ว่าเดี๋ยวพอจะไปเข้าแถวแล้ว จะมีเก้าอี้นั่ง จะมีแบบเป็นอุโมงค์ เขาเรียกว่าเป็นเต็นท์ขาวๆ เรย์ต้องเงียบแล้วนะ เรย์จะคุยแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวโดนจับแน่ๆ เลย แล้วเขาก็จะไม่ให้เราเข้าไปข้างใน นางก็เลยเฉย เงียบๆ และพอนางนั่งปุ๊บก็ไม่พูด เวลาถามอะไรก็จะถามเบาๆ จนกระทั่งเดินอุ้มเข้าไป ก็ถามว่าพูดได้รึยัง เหมือนเขารู้เพราะว่าเห็นเหมือนทุกคนตั้งแถว แล้วเดินเป็นระเบียบ และทหารก็จะสั่งให้เงียบ เขาก็ไม่พูดอีกเลย”
“ตั้งแต่เดินเข้าไปไม่พูดเลย นกก็อธิบายว่าตรงนี้เป็นวัดพระแก้ว พระบรมราชวังคือตรงนั้น และตลอดเวลาที่ต่อแถวเขาไม่พูดเลย เขาเงียบ นกคือแบบเซอร์ไพรส์มาก เพราะกะว่าถ้าร้องหรือแบบงอแงนิดเดียว นกก็จะอุ้มออกจากแถวเลย จนกระทั่งไปถึงที่ถอดรองเท้า เขาก็ถอดเอง ใส่ถุงและถือขึ้นไปเอง และเขาก็ก้มกราบแบบเงียบๆ นกคือภูมิใจมากที่เขารู้เรื่อง ก็นี่แหละมันคือการสั่งสอนมันต้องสั่งสอนอบรมบอกกล่าวเขา”
“และในช่วงเวลานั้นที่เราได้เข้าไปกราบพระบรมศพพร้อมหลาน เราซึมซับความรู้สึกได้น้อยมาก เพราะด้วยความที่ว่าเป็นห่วงหลาน กลัวหลานนั่งไม่เรียบร้อย กลัวพูดมาก กลัวไม่กราบ เราก็กราบตามแล้วก็ลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้มองพระบรมฉายาลักษณ์ แต่โดยส่วนตัวนกเข้าไปกราบพระองค์ท่านมาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งนั้นเป็นครั้งที่ 6 ซึ่งบางครั้งที่เราเข้าไปก็ไปพร้อมกับเพื่อนไปต่อแถวตั้งแต่ตี 3.45 ไปต่อตั้งแต่รุ่นแรกๆ เลย และกว่าจะได้เข้าไปก็ตอน 10 โมงเช้า ตอนนั้นก็แบบจุก ไม่กล้ามอง ได้แต่ก้มมองพื้นและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป มันเหมือนแบบไม่อยากให้ท่านมาอยู่ที่ตรงนี้ ไม่อยากเห็นท่านในแบบนี้ แค่มองพระบรมฉายาลักษณ์ยังไม่กล้ามองเลยค่ะ ก็ได้แต่ก้มหน้าแล้วบอกว่าเราไม่ได้มีโอกาสได้มาบ่อยๆ แค่คิดว่าตอนนี้ได้เข้ามาแล้ว เรามีโอกาสมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ตั้งจิตให้มันสะอาดที่สุดแล้วก็กราบท่าน”
“ก็พูดแต่ในใจตลอดทางว่ารักพระองค์ท่าน แล้วก็ยังเห็นพลังรักของทุกคนที่แบบมีให้กับพระองค์ อยากให้พระองค์อยู่ที่ดีที่สุดแล้วก็มองพวกเราลงมา เราก็พยายามที่จะเข้มแข็งที่สุด ไม่อยากให้ท่านกังวล แบบถ้าเราไปผูกจิตกับใครหรือไปเหนี่ยวใครไว้ ก็จะบอกพระองค์ท่านว่าไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง เราจะเข้มแข็งจะเป็นคนดี ก็จะนึกอยู่แบบนี้ตลอดทาง ก็ทำจะทำให้จิตเราสะอาดแล้วมุ่งไปที่ท่านอย่างเดียว”