..... สัญญาณการจากลาใกล้มาแล้ว
โอ้ทิวแถวเทิดไท้สู่ทิพยสถาน
วันซ้อมยังร้องไห้เป็นสายธาร
ถึงวันจริงจะร้าวรานสักปานใด.....
อภิชาติ ดำดี
ขออนุญาตเริ่มต้นด้วยบทกวีจากปลายปากกาของนักพูดชื่อดัง “อภิชาต ดำดี” ที่เขียนไว้ได้อย่างไพเราะจับใจ และเหมือนจะกรีดลึกลงไปในความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เพราะอีกเพียงไปถึงสัปดาห์ ก็จะถึงวันแห่งความเศร้าโศกครั้งใหญ่หลวงของพวกเราทุกคน
..... วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร .....
และในโอกาสนี้ จึงอยากจะขอรวบรวมเรื่องราวดีๆ ของบุคคลในวงการบันเทิง ที่บ้างก็อุทิศตนเพื่อสังคมตามรอยเบื้องพระยุคลบาท บ้างก็ยึดหลักคำสอนจากพระราชดำรัสมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต บ้างก็รวมใจ รวมพลังกัน สร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยความจงรักภักดี และตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
“ของขวัญ” จากพ่อของแผ่นดิน
ต้องถือว่าเป็นภาพยนตร์แห่งความภาคภูมิใจเรื่องยิ่งใหญ่ โดยผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยคุณภาพอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปี “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” จากฝีมือของ 4 ผู้กำกับแถวหน้า ..... ปรัชญา ปิ่นแก้ว, นนทรีย์ นิมิบุตร, ก้องเกียรติ โขมศิริ, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และนักแสดงหลายรุ่น ที่รวมใจถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อส่งต่อและหล่อเลี้ยงพลังใจให้คนไทยทั้งประเทศด้วย “ของขวัญ” ชิ้นพิเศษนี้
สำหรับแนวคิดของภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ” นั้น ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงอุทิศพระวรกายอย่างหนักเพื่อยังความสุขให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลา 70 ปี ในการครองแผ่นดินโดยธรรม
โดยผู้กำกับ “อุ๋ย-นนทรีย์” กล่าวในฐานะตัวแทนของทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ว่า
“ทุกคนก็มีความเต็มใจและพร้อมที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก พร้อมใจกันส่งต่อ “ของขวัญ” ชิ้นนี้ให้ถึงหัวใจคนดูทั้งประเทศอีกด้วย ผมรู้สึกว่าสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของหนังเรื่องนี้ คือการสะท้อนภาพที่เป็นมาเป็นไปของสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราพยายามที่จะสะท้อนให้ภาพนี้มันชัดเจนที่สุด ผมอยากให้คนดูหนังเรื่องนี้แล้ว สามารถจะกระตุ้นความรู้สึกบางอย่าง หรือให้ฉุกคิดในเรื่องบางเรื่อง หรือทำให้สิ่งที่พวกเขาหาทางออกไม่ได้ให้มันผ่านพ้นไปได้ คนไทยได้รับ “ของขวัญ” ที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วยความรักและความดีงามที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังชีวิตในทุกๆ ด้าน ในทุกๆ วันมากว่า 70 ปีไม่เคยขาดจากพ่อที่พวกเรารักที่สุด วันนี้ผมอยากให้หนังสั้น 4 เรื่องนี้เป็นตัวแทนในการส่งต่อ “ของขวัญ” ให้คนที่รักพ่อเพื่อเป็นพลังและแรงขับเคลื่อนในการมีชีวิตอยู่ของพวกเรากันต่อไป”
ภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ” ประกอบไปด้วยภาพยนตร์สั้น 4 เรื่องจาก 4 ผู้กำกับ
“The Letter” (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) - การผจญภัยอันล้ำค่าของเด็กน้อยบ้านไกลที่อยากจะส่งจดหมายถึงพ่ออันเป็นที่รักยิ่ง
“ดอกไม้ในกองขยะ” (นนทรีย์ นิมิบุตร) – ความรักและความอบอุ่นของครอบครัว สามารถจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรืออาชีพใด
“สัจจะธรณี” (ก้องเกียรติ โขมศิริ) - หญิงสาวกับการเดินทางตามหารากเหง้าของผู้เป็นพ่อและศรัทธาแห่งชีวิตของตัวเธอเอง
“เมฆฝนบนป่าเหนือ” (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) - การออกค่ายของกลุ่มนักศึกษาไฟแรงที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่
อย่างไรก็ดี ความพิเศษของภาพยนตร์ เรื่อง “ของขวัญ” ยังหมายรวมถึงการรวมใจของ 9 ศิลปินเพลงคุณภาพ..... นภ พรชำนิ , โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร , คิว-สุวีระ บุญรอด , พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล , นนท์-ธนนท์ จำเริญ ,น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ก้อง ห้วยไร่, ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช และ แดน-วรเวช ดานุวงศ์ ที่มาร่วมส่งต่อความรัก ด้วยบทเพลง “Pass The Love Forward” เวอร์ชั่นพิเศษที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่เพื่อนำมาใช้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยจะเข้าฉายให้รับชมฟรี !! พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
จิตอาสาร่วมทำพระเมรุมาศ
นักแสดงรุ่นใหญ่ “ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุล” เปิดเผยทั้งน้ำตา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมทำพระเมรุมาศ ที่จะใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 26 ตุลาคมศกนี้ ผ่านรายการ "กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ 9" ที่จะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคมนี้ เวลา 15.45 น. ทางช่อง 7 สี.
"พี่ได้เข้ามาทำนิทรรศการ "เย็นศิระ เพราะพระบริบาล" ณ ท้องสนามหลวงอยู่แล้ว และได้เจอกับเจ้าหน้าที่ที่เขาไปดูนิทรรศการ จึงชวนให้มาลงชื่อร่วมทำพระเมรุมาศ เพราะเราเรียนจบศิลปะมาจากศิลปากร ก็เลยอยากลองสมัครเพื่อเข้าไปช่วยทำ แล้วในที่สุดก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปทำ”
พร้อมกันนั้นก็ได้อธิบายถึงขั้นตอนในส่วนของการทำตัวองค์ครุฑ ซึ่งยาก และต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อนมากที่สุด
"เพราะมีรายละเอียด มีเล็บ มีเขี้ยว ส่วนประกอบลายนั้นมีความยาก ต้องใช้ผู้ชำนาญการ เพราะว่ามันไม่ควรพลาด ต้องใช้ทุกส่วนให้เป็นประโยชน์จริงๆ พระโกศนี้จะทำจากไม้จันทน์ที่ยืนต้นตาย”
หากเมื่อถามถึงความรู้สึกในวันที่ต้องส่งมอบงาน นักแสดงจิตอาสา กล่าวว่า
"มันใจร้าวนะ มันไม่ได้ภูมิใจ มันรู้สึกแย่ รู้สึกว่านับถอยหลังแล้วนะ ถึงวันเวลาที่จะต้องส่งเสด็จจริงๆ แล้ว ทุกอย่างที่เราทำในชีวิต เราเห็นความสำเร็จแล้วเราจะชื่นใจ แต่สิ่งนี้ยิ่งเราเห็น ว่าใกล้จะเสร็จ เรายิ่งปวดใจ ท่านจะไปจากเราแล้วจริงๆ”
วาดด้วยใจ ระบายด้วยรักและภักดี
ขณะที่นักแสดงอารมณ์ดี “เหมี่ยว-ปวันรัตน์ นาคสุริยะ” ก็แสดงออกถึงความตระหนักรู้ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านปลายพู่กัน เป็นภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่เก็บสะสมมานานหลายปี และพร้อมที่จะนำออกมาแสดงในคนไทยได้รับชมกัน
“เหมี่ยวเรียนวาดรูปเมื่อปี ค.ศ.2000 กับ “ครูโต-ม.ล.จิราธร จิรประวัติ” เริ่มเรียนสีอะคริลิกก่อน จากนั้นก็วาดรูปวิว ภาพแลนด์สเคป ครูโตจะไม่มีการบังคับ อยากวาดอะไรวาด แต่รูปที่เหมี่ยวจะไม่วาดเลยก็คือรูปในหลวง เหมี่ยวรู้สึกว่าในชาตินี้จะไม่มีวันวาดรูปในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้ เพราะคิดว่ายากเกินความสามารถ แต่สิ่งที่ดลใจทำให้วาดคือช่วงที่ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตอนนั้นดูทีวีเห็นพระองค์ท่านประทับยืนโบกมือ และทรงยิ้มให้ประชาชน จำได้เลยว่าน้ำตาตัวเองไหล ความรู้สึกที่ปลื้มปีติจนน้ำตาไหลเป็นอย่างนี้นี่เอง
จากนั้นก็บอกครูโตว่าอยากวาดในหลวง แต่จะเริ่มยังไงดี ครูโตบอกว่าอยากวาดก็วาดเลย แต่เราก็บอกว่ากลัว ถ้าวาดพระยศไม่ครบก็กลัวว่าจะไม่เหมาะ ครูโตบอกวาดด้วยใจอย่ากังวล พอได้ยินแบบนั้นพี่โตเปิดโลกให้เหมี่ยวเลย เราไม่ได้ว่าจะจาบจ้วงหรือล่วงเกินเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว
พอวาดรูปแรกได้ทีนี้ก็วาดไม่หยุดเลย เราวาดท่านเพราะรักท่าน ตอนวาดนึกถึงในหลวง คือพระเนตรท่านอยู่ในแว่น คือพูดภาษาง่ายๆ คือท่านหล่อมาก ความรู้สึกที่เหมี่ยวมีต่อพระองค์ท่าน คือเหมี่ยวรักท่าน เพราะท่านเป็นคนดี ท่านเป็นยอดคนที่ทำหน้าที่เพื่อคนอื่นได้อย่างไม่ต้องมีข้อพิสูจน์ เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม เราเข้าใจเลยที่บอกว่ายอมตายแทนท่านคืออย่างนั้นจริงๆ ประหนึ่งทั้งชีวิตเหมี่ยวก็ให้ท่านได้ พ่อแม่เหมี่ยวไม่เคยบอกว่าต้องรักในหลวง ที่บ้านรักท่านหมดทุกคน ตอนเด็กเวลาร้องเพลงสรรเสริญเราไม่เข้าใจความหมาย แต่เดี๋ยวนี้พอเข้าโรงหนังได้ยินเพลงสรรเสริญน้ำตาก็ไหล เหมี่ยวอยากให้ท่านมีความสุข อยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองท่าน รักพระองค์ท่านมากค่ะ”
สำหรับนิทรรศการงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากในหลวง รัชกาลที่ 9 นอกจากจะมีภาพพระบรมสาทิศลักษณ์จากปลายพู่กันของเหมี่ยว-ปวันรัตน์แล้ว ยังมีงานศิลปะน่าชมจากคนดังอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ แสตมป์ อภิวัชร์ , ป๊อด โมเดิร์นด็อก, เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล ฯลฯ โดยเปิดให้ชมกันตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน ศกนี้ ณ โรงละครสยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน
บวชถวายเป็นพระราชกุศล
เรื่องราวดีๆ ของผู้คนในวงการบันเทิง ยังรวมไปถึงการปลงผมบวชชีของนักแสดงเจ้าบทบาท “หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ” พร้อมนักบวชผู้หญิงกว่า 239 ชีวิต ใน "โครงการบวชพุทธสาวิกาศีล10...299 ชีวิตถวายพ่อ" 70 ปี 70 ล้านความดีอนุสาวรีย์มีชีวิตถวายพ่อ ณ เสถียรธรรมสถาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
“หนิงเพิ่งตัดสินใจเมื่อ 2 วันที่แล้ว ตอนแรกมาถวายบาตร
พอมาเห็นผู้มาบวชมากมายเต็มวัดเลยก็เลยรู้สึกปลื้มปิติ ขอคุณแม่ศันสนีย์ ณ วันนั้นเลยว่าขอบวชด้วย มีความตั้งใจมาก หนิงเป็นลูกศิษย์เสถียรมาสิบๆ ปีแล้ว และมาปฏิบัติธรรมบ่อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หนิงจะบวชปลงผมเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 13-20 ต.ค. เป็นเวลา 7 วัน ”
นอกจากหนิง-ปณิตาแล้ว นักร้องนักแสดงสาว “น้ำชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์” และ “ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล” ก็ขอละทางโลกชั่วคราว ด้วยการบวชชีพรามหณ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกัน
จากบทบาทนักร้อง สู่การเป็น "ทหารของพระราชา"
จากอดีตนักร้องสังกัด อาร์เอส และนักแสดงที่เคยฝากความประทับใจกับบทบาทของ “แม่พลอย” วัยสาว ในละครเวที “สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคัล” เวอร์ชันแรก สู่การเข้ารับราชการทหารในยศ “ร้อยโทหญิงพิมดาว พาณิชสมัย” สังกัดกรมดุริยางค์ทหารบกด้วย โดยเธอได้เผยถึงแรงบันดาลใจในการรับใช้ชาติว่า
“มัดหมี่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ (กรมดุริยางค์ทหารบก) 3 ปีแล้วค่ะ มัดหมี่จบเอก voice จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ตอนนั้นได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานราชการด้วยการร้องเพลง มอบความสุขให้ประชาชน และทหารอยู่บ้าง หลังจากนั้น ที่กรมดุริยางค์มีตำแหน่งว่างและต้องการบุคลากรที่มีความสามารถด้านนี้ เราเลยได้โอกาสที่ดีในการเข้าไปทำงาน ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าคุณพ่อมัดหมี่ก็เป็นทหาร ท่านปลูกฝังให้เรารักชาติ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เด็กๆ เราเป็นลูกคนโตได้ทำหน้าที่ทหารอย่างที่คุณพ่อเคยทำมาก็เป็นความภูมิใจที่สุด อาชีพทหาร เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และสร้างความภูมิใจให้กับมัดหมี่และครอบครัวเป็นอย่างมาก ได้เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ด้วยหัวใจที่สำคัญ”
โดยมัดหมี่ได้นำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงตรัสว่าให้รู้จักหน้าที่ของตน รู้จักเสียสละ ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นรู้จักให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด มาใช้เป็นหลักในการทำงานและการดำเนินชีวิต
ก้าวเดินตามรอยเท้าพ่อ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
หนึ่งในหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่คนไทยทุกคนยึดถือ และนำมาปฏิบัติตาม แม้กระทั่งบุคคลในวงการบันเทิง ที่หลายคนมองภาพว่าจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ก็ยังพร้อมใจกันก้าวเดินตามรอยเท้าพ่อ นั่นก็คือการใช้ชีวิตตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง
“แอน ทองประสม” เป็นหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด กับการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งภาพที่ทุกคนรับรู้ และเห็นกันจนชินตา ก็คือความเป็นนักแสดงที่ติดดิน สามารถทานร้านอาหารที่ร้านรถเข็นริมทางโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แม้จะมีบทบาทเป็นถึง “เจ้าหญิงของวงการบันเทิง” และล่าสุดยังถือโอกาสชวนแฟนหนุ่มไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยและบ้านไทยรีสอร์ท รวมถึงศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อซึมซับและเรียนรู้ชีวิตของชาวนาอย่างเต็มที่
เช่นเดียวกับครอบครัวของ “นานา ไรบีนา” และ “ เวย์ ไทยเทเนียม” ที่พาลูกแฝด “บีน่า-บรู๊คลิน” ไปเรียนรู้นอกตำรา ด้วยการลุยแปลงนาแบบจริงจัง เพื่อสัมผัสกับอาชีพกระดูกสันหลังของชาติ
ขณะที่นักแสดงหนุ่ม “โกสินทร์ ราชกรม” ที่ลงแรงกับการปลูกแปลงผักสวนครัวเล็กๆ ไว้ข้างบ้าน รวมถึงยังเลี้ยงกุ้ง และไปจับปลามาตามหนองน้ำมาทำกับข้าว ตามแบบฉบับของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และพอเพียงอย่างแท้จริง
นี่เป็นเพียงบางส่วนของบุคคลในวงการบันเทิง ที่สะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมดีๆ ในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย หากยังสถิตอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 414 21-28 ตุลาคม 2560
โอ้ทิวแถวเทิดไท้สู่ทิพยสถาน
วันซ้อมยังร้องไห้เป็นสายธาร
ถึงวันจริงจะร้าวรานสักปานใด.....
อภิชาติ ดำดี
ขออนุญาตเริ่มต้นด้วยบทกวีจากปลายปากกาของนักพูดชื่อดัง “อภิชาต ดำดี” ที่เขียนไว้ได้อย่างไพเราะจับใจ และเหมือนจะกรีดลึกลงไปในความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เพราะอีกเพียงไปถึงสัปดาห์ ก็จะถึงวันแห่งความเศร้าโศกครั้งใหญ่หลวงของพวกเราทุกคน
..... วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร .....
และในโอกาสนี้ จึงอยากจะขอรวบรวมเรื่องราวดีๆ ของบุคคลในวงการบันเทิง ที่บ้างก็อุทิศตนเพื่อสังคมตามรอยเบื้องพระยุคลบาท บ้างก็ยึดหลักคำสอนจากพระราชดำรัสมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต บ้างก็รวมใจ รวมพลังกัน สร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยความจงรักภักดี และตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
“ของขวัญ” จากพ่อของแผ่นดิน
ต้องถือว่าเป็นภาพยนตร์แห่งความภาคภูมิใจเรื่องยิ่งใหญ่ โดยผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยคุณภาพอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปี “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” จากฝีมือของ 4 ผู้กำกับแถวหน้า ..... ปรัชญา ปิ่นแก้ว, นนทรีย์ นิมิบุตร, ก้องเกียรติ โขมศิริ, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และนักแสดงหลายรุ่น ที่รวมใจถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อส่งต่อและหล่อเลี้ยงพลังใจให้คนไทยทั้งประเทศด้วย “ของขวัญ” ชิ้นพิเศษนี้
สำหรับแนวคิดของภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ” นั้น ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงอุทิศพระวรกายอย่างหนักเพื่อยังความสุขให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะเวลา 70 ปี ในการครองแผ่นดินโดยธรรม
โดยผู้กำกับ “อุ๋ย-นนทรีย์” กล่าวในฐานะตัวแทนของทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ว่า
“ทุกคนก็มีความเต็มใจและพร้อมที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก พร้อมใจกันส่งต่อ “ของขวัญ” ชิ้นนี้ให้ถึงหัวใจคนดูทั้งประเทศอีกด้วย ผมรู้สึกว่าสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของหนังเรื่องนี้ คือการสะท้อนภาพที่เป็นมาเป็นไปของสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราพยายามที่จะสะท้อนให้ภาพนี้มันชัดเจนที่สุด ผมอยากให้คนดูหนังเรื่องนี้แล้ว สามารถจะกระตุ้นความรู้สึกบางอย่าง หรือให้ฉุกคิดในเรื่องบางเรื่อง หรือทำให้สิ่งที่พวกเขาหาทางออกไม่ได้ให้มันผ่านพ้นไปได้ คนไทยได้รับ “ของขวัญ” ที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วยความรักและความดีงามที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังชีวิตในทุกๆ ด้าน ในทุกๆ วันมากว่า 70 ปีไม่เคยขาดจากพ่อที่พวกเรารักที่สุด วันนี้ผมอยากให้หนังสั้น 4 เรื่องนี้เป็นตัวแทนในการส่งต่อ “ของขวัญ” ให้คนที่รักพ่อเพื่อเป็นพลังและแรงขับเคลื่อนในการมีชีวิตอยู่ของพวกเรากันต่อไป”
ภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ” ประกอบไปด้วยภาพยนตร์สั้น 4 เรื่องจาก 4 ผู้กำกับ
“The Letter” (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) - การผจญภัยอันล้ำค่าของเด็กน้อยบ้านไกลที่อยากจะส่งจดหมายถึงพ่ออันเป็นที่รักยิ่ง
“ดอกไม้ในกองขยะ” (นนทรีย์ นิมิบุตร) – ความรักและความอบอุ่นของครอบครัว สามารถจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรืออาชีพใด
“สัจจะธรณี” (ก้องเกียรติ โขมศิริ) - หญิงสาวกับการเดินทางตามหารากเหง้าของผู้เป็นพ่อและศรัทธาแห่งชีวิตของตัวเธอเอง
“เมฆฝนบนป่าเหนือ” (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) - การออกค่ายของกลุ่มนักศึกษาไฟแรงที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่
อย่างไรก็ดี ความพิเศษของภาพยนตร์ เรื่อง “ของขวัญ” ยังหมายรวมถึงการรวมใจของ 9 ศิลปินเพลงคุณภาพ..... นภ พรชำนิ , โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร , คิว-สุวีระ บุญรอด , พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล , นนท์-ธนนท์ จำเริญ ,น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ก้อง ห้วยไร่, ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช และ แดน-วรเวช ดานุวงศ์ ที่มาร่วมส่งต่อความรัก ด้วยบทเพลง “Pass The Love Forward” เวอร์ชั่นพิเศษที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่เพื่อนำมาใช้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยจะเข้าฉายให้รับชมฟรี !! พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
จิตอาสาร่วมทำพระเมรุมาศ
นักแสดงรุ่นใหญ่ “ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุล” เปิดเผยทั้งน้ำตา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมทำพระเมรุมาศ ที่จะใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 26 ตุลาคมศกนี้ ผ่านรายการ "กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ 9" ที่จะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคมนี้ เวลา 15.45 น. ทางช่อง 7 สี.
"พี่ได้เข้ามาทำนิทรรศการ "เย็นศิระ เพราะพระบริบาล" ณ ท้องสนามหลวงอยู่แล้ว และได้เจอกับเจ้าหน้าที่ที่เขาไปดูนิทรรศการ จึงชวนให้มาลงชื่อร่วมทำพระเมรุมาศ เพราะเราเรียนจบศิลปะมาจากศิลปากร ก็เลยอยากลองสมัครเพื่อเข้าไปช่วยทำ แล้วในที่สุดก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าไปทำ”
พร้อมกันนั้นก็ได้อธิบายถึงขั้นตอนในส่วนของการทำตัวองค์ครุฑ ซึ่งยาก และต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อนมากที่สุด
"เพราะมีรายละเอียด มีเล็บ มีเขี้ยว ส่วนประกอบลายนั้นมีความยาก ต้องใช้ผู้ชำนาญการ เพราะว่ามันไม่ควรพลาด ต้องใช้ทุกส่วนให้เป็นประโยชน์จริงๆ พระโกศนี้จะทำจากไม้จันทน์ที่ยืนต้นตาย”
หากเมื่อถามถึงความรู้สึกในวันที่ต้องส่งมอบงาน นักแสดงจิตอาสา กล่าวว่า
"มันใจร้าวนะ มันไม่ได้ภูมิใจ มันรู้สึกแย่ รู้สึกว่านับถอยหลังแล้วนะ ถึงวันเวลาที่จะต้องส่งเสด็จจริงๆ แล้ว ทุกอย่างที่เราทำในชีวิต เราเห็นความสำเร็จแล้วเราจะชื่นใจ แต่สิ่งนี้ยิ่งเราเห็น ว่าใกล้จะเสร็จ เรายิ่งปวดใจ ท่านจะไปจากเราแล้วจริงๆ”
วาดด้วยใจ ระบายด้วยรักและภักดี
ขณะที่นักแสดงอารมณ์ดี “เหมี่ยว-ปวันรัตน์ นาคสุริยะ” ก็แสดงออกถึงความตระหนักรู้ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านปลายพู่กัน เป็นภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่เก็บสะสมมานานหลายปี และพร้อมที่จะนำออกมาแสดงในคนไทยได้รับชมกัน
“เหมี่ยวเรียนวาดรูปเมื่อปี ค.ศ.2000 กับ “ครูโต-ม.ล.จิราธร จิรประวัติ” เริ่มเรียนสีอะคริลิกก่อน จากนั้นก็วาดรูปวิว ภาพแลนด์สเคป ครูโตจะไม่มีการบังคับ อยากวาดอะไรวาด แต่รูปที่เหมี่ยวจะไม่วาดเลยก็คือรูปในหลวง เหมี่ยวรู้สึกว่าในชาตินี้จะไม่มีวันวาดรูปในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้ เพราะคิดว่ายากเกินความสามารถ แต่สิ่งที่ดลใจทำให้วาดคือช่วงที่ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตอนนั้นดูทีวีเห็นพระองค์ท่านประทับยืนโบกมือ และทรงยิ้มให้ประชาชน จำได้เลยว่าน้ำตาตัวเองไหล ความรู้สึกที่ปลื้มปีติจนน้ำตาไหลเป็นอย่างนี้นี่เอง
จากนั้นก็บอกครูโตว่าอยากวาดในหลวง แต่จะเริ่มยังไงดี ครูโตบอกว่าอยากวาดก็วาดเลย แต่เราก็บอกว่ากลัว ถ้าวาดพระยศไม่ครบก็กลัวว่าจะไม่เหมาะ ครูโตบอกวาดด้วยใจอย่ากังวล พอได้ยินแบบนั้นพี่โตเปิดโลกให้เหมี่ยวเลย เราไม่ได้ว่าจะจาบจ้วงหรือล่วงเกินเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว
พอวาดรูปแรกได้ทีนี้ก็วาดไม่หยุดเลย เราวาดท่านเพราะรักท่าน ตอนวาดนึกถึงในหลวง คือพระเนตรท่านอยู่ในแว่น คือพูดภาษาง่ายๆ คือท่านหล่อมาก ความรู้สึกที่เหมี่ยวมีต่อพระองค์ท่าน คือเหมี่ยวรักท่าน เพราะท่านเป็นคนดี ท่านเป็นยอดคนที่ทำหน้าที่เพื่อคนอื่นได้อย่างไม่ต้องมีข้อพิสูจน์ เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม เราเข้าใจเลยที่บอกว่ายอมตายแทนท่านคืออย่างนั้นจริงๆ ประหนึ่งทั้งชีวิตเหมี่ยวก็ให้ท่านได้ พ่อแม่เหมี่ยวไม่เคยบอกว่าต้องรักในหลวง ที่บ้านรักท่านหมดทุกคน ตอนเด็กเวลาร้องเพลงสรรเสริญเราไม่เข้าใจความหมาย แต่เดี๋ยวนี้พอเข้าโรงหนังได้ยินเพลงสรรเสริญน้ำตาก็ไหล เหมี่ยวอยากให้ท่านมีความสุข อยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองท่าน รักพระองค์ท่านมากค่ะ”
สำหรับนิทรรศการงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากในหลวง รัชกาลที่ 9 นอกจากจะมีภาพพระบรมสาทิศลักษณ์จากปลายพู่กันของเหมี่ยว-ปวันรัตน์แล้ว ยังมีงานศิลปะน่าชมจากคนดังอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ แสตมป์ อภิวัชร์ , ป๊อด โมเดิร์นด็อก, เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล ฯลฯ โดยเปิดให้ชมกันตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน ศกนี้ ณ โรงละครสยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน
บวชถวายเป็นพระราชกุศล
เรื่องราวดีๆ ของผู้คนในวงการบันเทิง ยังรวมไปถึงการปลงผมบวชชีของนักแสดงเจ้าบทบาท “หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ” พร้อมนักบวชผู้หญิงกว่า 239 ชีวิต ใน "โครงการบวชพุทธสาวิกาศีล10...299 ชีวิตถวายพ่อ" 70 ปี 70 ล้านความดีอนุสาวรีย์มีชีวิตถวายพ่อ ณ เสถียรธรรมสถาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
“หนิงเพิ่งตัดสินใจเมื่อ 2 วันที่แล้ว ตอนแรกมาถวายบาตร
พอมาเห็นผู้มาบวชมากมายเต็มวัดเลยก็เลยรู้สึกปลื้มปิติ ขอคุณแม่ศันสนีย์ ณ วันนั้นเลยว่าขอบวชด้วย มีความตั้งใจมาก หนิงเป็นลูกศิษย์เสถียรมาสิบๆ ปีแล้ว และมาปฏิบัติธรรมบ่อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หนิงจะบวชปลงผมเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 13-20 ต.ค. เป็นเวลา 7 วัน ”
นอกจากหนิง-ปณิตาแล้ว นักร้องนักแสดงสาว “น้ำชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์” และ “ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล” ก็ขอละทางโลกชั่วคราว ด้วยการบวชชีพรามหณ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกัน
จากบทบาทนักร้อง สู่การเป็น "ทหารของพระราชา"
จากอดีตนักร้องสังกัด อาร์เอส และนักแสดงที่เคยฝากความประทับใจกับบทบาทของ “แม่พลอย” วัยสาว ในละครเวที “สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคัล” เวอร์ชันแรก สู่การเข้ารับราชการทหารในยศ “ร้อยโทหญิงพิมดาว พาณิชสมัย” สังกัดกรมดุริยางค์ทหารบกด้วย โดยเธอได้เผยถึงแรงบันดาลใจในการรับใช้ชาติว่า
“มัดหมี่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ (กรมดุริยางค์ทหารบก) 3 ปีแล้วค่ะ มัดหมี่จบเอก voice จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ตอนนั้นได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานราชการด้วยการร้องเพลง มอบความสุขให้ประชาชน และทหารอยู่บ้าง หลังจากนั้น ที่กรมดุริยางค์มีตำแหน่งว่างและต้องการบุคลากรที่มีความสามารถด้านนี้ เราเลยได้โอกาสที่ดีในการเข้าไปทำงาน ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าคุณพ่อมัดหมี่ก็เป็นทหาร ท่านปลูกฝังให้เรารักชาติ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่เด็กๆ เราเป็นลูกคนโตได้ทำหน้าที่ทหารอย่างที่คุณพ่อเคยทำมาก็เป็นความภูมิใจที่สุด อาชีพทหาร เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และสร้างความภูมิใจให้กับมัดหมี่และครอบครัวเป็นอย่างมาก ได้เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ด้วยหัวใจที่สำคัญ”
โดยมัดหมี่ได้นำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงตรัสว่าให้รู้จักหน้าที่ของตน รู้จักเสียสละ ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นรู้จักให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด มาใช้เป็นหลักในการทำงานและการดำเนินชีวิต
ก้าวเดินตามรอยเท้าพ่อ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
หนึ่งในหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่คนไทยทุกคนยึดถือ และนำมาปฏิบัติตาม แม้กระทั่งบุคคลในวงการบันเทิง ที่หลายคนมองภาพว่าจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ก็ยังพร้อมใจกันก้าวเดินตามรอยเท้าพ่อ นั่นก็คือการใช้ชีวิตตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง
“แอน ทองประสม” เป็นหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด กับการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งภาพที่ทุกคนรับรู้ และเห็นกันจนชินตา ก็คือความเป็นนักแสดงที่ติดดิน สามารถทานร้านอาหารที่ร้านรถเข็นริมทางโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แม้จะมีบทบาทเป็นถึง “เจ้าหญิงของวงการบันเทิง” และล่าสุดยังถือโอกาสชวนแฟนหนุ่มไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยและบ้านไทยรีสอร์ท รวมถึงศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อซึมซับและเรียนรู้ชีวิตของชาวนาอย่างเต็มที่
เช่นเดียวกับครอบครัวของ “นานา ไรบีนา” และ “ เวย์ ไทยเทเนียม” ที่พาลูกแฝด “บีน่า-บรู๊คลิน” ไปเรียนรู้นอกตำรา ด้วยการลุยแปลงนาแบบจริงจัง เพื่อสัมผัสกับอาชีพกระดูกสันหลังของชาติ
ขณะที่นักแสดงหนุ่ม “โกสินทร์ ราชกรม” ที่ลงแรงกับการปลูกแปลงผักสวนครัวเล็กๆ ไว้ข้างบ้าน รวมถึงยังเลี้ยงกุ้ง และไปจับปลามาตามหนองน้ำมาทำกับข้าว ตามแบบฉบับของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และพอเพียงอย่างแท้จริง
นี่เป็นเพียงบางส่วนของบุคคลในวงการบันเทิง ที่สะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมดีๆ ในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย หากยังสถิตอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 414 21-28 ตุลาคม 2560
