“แม่มุกดา - พ่อนึกคิด” ผิดหวัง ตัดพ้อ “กุญแจซอล” ใจร้ายเกินไป ไม่ติดต่อกลับมา กระหน่ำโทร.หาแม่ฝ่ายชายเป็นร้อยๆ สาย แต่ก็ได้แค่คำตอบเดิมๆ อ้างไม่รู้เรื่อง เชื่อจุดเปลี่ยนเกิดจากตอนที่คุยกันเรื่องงานหมั้นเรื่องสินสอด บอกสุดงงจะแต่งอยู่แล้ว หนีตามกันไปทำไม หวังว่าต่อไปจะคิดได้ ย้อนถามสุดเจ็บปวดอยากเจอพ่อแม่มั้ย ถ้าตายจะมาเผามั้ย ส่วนลูกสาวอีก 2 คนคบใคร ต่อไปขอดูให้ถึงแม่
แม้จะออกมาให้สัมภาษณ์ กรณีที่ลูกสาว “กุญแจซอล ป่านทอทอง บุญทอง” เงียบหายไป 8 เดือน ติดต่อไม่ได้ คาดไปอยู่กับสามีนักบิน จนตอนนี้ท้องใกล้คลอด ซึ่งล่าสุด “แม่มุกดา -
พ่อนึกคิด” พ่อแม่สาวกุญแจซอลก็ออกมาเผยกับรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้ แต่คาดว่าได้หลานชาย
แม่ : “ยังไม่ได้คุย ก็อ่านไลน์ของน้องแจกัน แต่ก็ไม่ตอบ เขาใช้วิธีนิ่ง เหมือนกับตอนแรกๆ ที่เขาไป เราก็พิมพ์ไลน์ไป โทร.ไป เขาก็ไม่รับสายใดๆ ทั้งสิ้น”
พ่อ : “ทราบแต่ว่าใกล้คลอดแล้ว เตรียมเป็นคุณแม่มือใหม่ ทราบแค่นั้นแหละครับ”
แม่ : “เรื่องได้ลูกชายแม่ก็เดาค่ะ ดูจากที่เขาตั้งในไอจีของเขาเป็นรูปหมีผู้ชาย ก็น่าจะเป็นผู้ชาย”
พ่อ : “ก็ห่วงเป็นธรรมดา พ่อแม่เป็นห่วงลูกอยู่แล้ว”
แม่ : “ ซอลเป็นคนขี้กลัว กลัวเลือด กลัวเข็ม กลัวไปหมด กลัวความเจ็บปวด กลัวเขาไปคลอดเอง เพราะท้องเขาเบ้อเร่อเลย”
บอกเลยจุดตามหามาแล้ว ถึงเจอทั้งคู่ก็คงหนีอีก
พ่อ : “เลยจุดตรงนั้นมาแล้วนะ 8 เดือนเศษๆ แล้ว ช่วงแรกๆ ยอมรับว่าเป็นห่วงมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ”
แม่ : “มีช่วงตามหาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเราหาเจอเขาก็ย้ายอีกอยู่ดี”
พ่อ : “เขาย้ายหนีเรา”
แม่ : “เขาไม่ได้มีที่เป็นหลักแหล่ง เขาไม่ได้มีบ้านที่กรุงเทพฯ ก่อนเขาบอกว่าจะแต่งงาน ก็พาเขาไปดูบ้าน วางมัดจำไว้แล้วแต่ก็ทิ้ง”
กระหน่ำโทร.หาแม่ฝ่ายชายเป็นร้อยครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบเดิมๆ
แม่ : “เราเป็นฝ่ายโทร.หาเขาร้อยครั้ง ได้คำพูดเดียวว่าเกิดอะไรขึ้น โตๆ กันแล้ว”
พ่อ : “เขาจะบอกว่าแม่ไม่ทราบ”
แม่ : “ทั้งที่เขารู้มาตั้งแต่ต้น”
พ่อ : “จริงๆ แต่แรกเลยเราก็ปรึกษาผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะหน่วยไหน เขาก็บอกว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็ได้ แต่บังเอิญมาเกิดกับครอบครัวผม ซึ่งเป็นกระแสเพราะเป็นที่รู้จัก”
คิดไปสารพัด หวั่นลูกโดนทำร้าย
แม่ : “คือตอนนี้ใจหนึ่ง พอเราได้ออกสื่อไปแล้ว ว่าลูกเราไปอยู่กับผู้ชายคนนี้ เราก็โล่งอกไปนิดหนึ่งว่าอย่างน้อยสังคมรู้ว่าลูกเราไปอยู้กับเขา ทางสื่อจะได้รับรู้ว่าไปอยู่กับคนนี้ ช่วงหลังๆ แม่เห็นข่าวทหารตำรวจทำร้ายผู้หญิง ตอนนั้นแม่ก็คิดมาก พอมีข่าวทีหนึ่งก็คิดมาก”
พ่อ : “คิดไปสารพัด เราไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอเขา เจอนับครั้งได้เลย”
รับเข้ามาทำให้ตายใจ แต่ฉุกคิดวันคุยเรื่องสินสอด บอกอีกฝ่ายไม่ให้เกียรติ แม้แต่กุญแจซอลยังหน้าชา
แม่ : “ผู้ชายตอนมาก็ทำให้คนทั้งบ้านตายใจ คือเขาจะเข้ามาแบบดีมาก ดีมากจนวันสุดท้ายที่เขาจะไป แต่มาฉุกตรงวันที่เราไปคุยกันเรื่องจะแต่งงานหรือสินสอดเท่านั้นเท่านี้ จริงๆ แม่ไม่ได้เตรียมที่จะไปเรียกสินสอด เพราะเราไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ แต่มาฉุกตรงที่แม่เขามาถึงก็จัดการหมดทุกอย่าง เริ่มต้นบอกว่าไปงานโน้นมา บางงานเขาไม่เอาเงินเลยนะ บางงานก็ 5 แสน พอพูดแบบนี้ เราก็เลยจุกเลย พูดอะไรไม่ออกเลยคือมันเริ่มจากตรงจุดนี้ ว่าทำไมอยู่ๆ เขาไม่ให้เกียรติเราเลย จริงๆ ก็รู้มาจากเพื่อนๆ ที่เขามีลูกมีอะไร เขาบอกว่าต้องเป็นฝ่ายผู้หญิงเป็นคนพูด แต่วันนั้นแม่ฟังแล้วแม่ปวดหัว แม่พูดอะไรไม่ออก”
พ่อ : “เขาพูดอยู่คำหนึ่งเรื่องงานหมั้น”
แม่ : “เขาบอกว่างานหมั้น งานสู่ขอ ฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายนะ ส่วนงานแต่ง แม่เขาจะเป็นคนจัดการ อันนี้มาจากแม่เขาเป็นคนพูด มันเริ่มต้นจากตรงนี้พอตอนกลางคืน ซอลก็ยังมาคุยกับแม่ว่าแม่เขาพูดแบบนี้ หนูหน้าชามากเลย แต่ตอนนั้นแม่ยังพูดกับลูกนะว่าถือว่าได้ลูกชายมาเพิ่มอีกคน เรายังคิดดีๆ กับเขา เราไม่ได้กีดกัน”
พ่อ : “งานวันเกิดเราก็จัดให้เขานะ”
แม่ : “มีรูป ไปดูได้”
พ่อ : “ตอนที่เขาไปคุยกับผู้ใหญ่ทางเราที่สุราษฎร์ฯ ก็มี เป็นรูปรับประทานอาหาร วันเกิด ปีใหม่ ไปทั้งครอบครัวใหญ่เลย ที่สีดารีสอร์ต”
พ่อ : “ส่วนที่เราบอกว่าเร็วไปมั้ย ก็ในฐานะที่เป็นพ่อไงครับ”
แม่ : “วันนั้นพ่อไม่ได้ไปสุราษฎร์ฯ พ่ออยู่ กทม. กับลูกอีก 2 คน มีแม่ไป ท่านผู้พิพากษาศาลฎีกา นายกเทศมนตรีของสุราษฎร์ ที่เป็นผู้ใหญ่ ตัวแทนรับรู้ พอลูกสองคนเขาพูดว่าทำไมพูดแบบนี้เราก็เล่าตามประสาแม่ลูก พ่อเลยถามลูกว่าเป็นยังไง พ่อมีความรู้สึกว่าเขาเพิ่งคบกัน น่าจะดูใจกันก่อน พูดคำนี้คำเดียว ผู้ชายก็ตะคอก พูดไม่ดีกับพ่อ ลูกอีก 2 คนก็กลัวมาก”
พ่อ : “เขามีรีแอ็กชั่นกับเรา ทำไมถึงมาพูดแบบกึ่งตวาดเรา”
งงว่ามีเหตุผลอะไร ฝ่ายชายถึงไม่ให้ลูกทำงาน ไม่ให้รับสายใคร ไม่ให้ติดต่อครอบครัว
แม่ : “น้องไม่เคยมีแฟน เขาคงคิดว่าถ้ามีน้อง ยังไงพ่อแม่คงให้อภัยเขา แต่เราไม่รูว่าผู้ชายเขาขู่หรือเปล่า”
พ่อ : “แล้วไม่ให้น้องทำงาน พาไปช่องผมก็คิดว่าพาไปเยี่ยมผู้ใหญ่ เพิ่งรู้ว่ายกเลิกสัญญา ก็งง แล้วไม่ให้ทำงาน ไม่ให้รับงาน ไม่ให้คุยกับใคร กับเพื่อนก็ไม่ให้คุย สมัยนี้มันเปิดแล้ว ท้องก็ทำงานได้ ทุกวันนี้ยังงง ว่าทำไมผู้ชายไม่ให้ลูกสาวเรารับงาน ไม่ให้โทรศัพท์ ไม่ให้คุยกับเพื่อนฝูง โดยเฉพาะกับครอบครัว งง ว่าเป็นเพราะอะไร”
รอวันลูกคิดได้ แฉครอบครัวฝ่ายชายก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ น่าจะเข้าใจหัวอกพ่อแม่
แม่ : “ถ้าเขาคลอดมาก็คงให้เลี้ยงกันเองค่ะ เพราะเขาคงไม่อยากให้เราไปยุ่ง ไปดูแลแล้วเขา”
พ่อ : “เรื่องมาขอขมา อันนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องดูกันไปว่าสองคนเขาจะคิดกันได้เมื่อไหร่ ข่าวออกมาขนาดนี้แล้ว”
แม่ : “ถ้าเขามีคนแนะนำดีๆ อย่างพ่อแม่ฝ่ายชาย ถ้าเขาแนะนำในทางที่ถูกต้อง ซึ่งครอบครัวเขาก็เคยประสบอย่างนี่กับน้องสาว เขาก็น่าจะเข้าใจเรานะ ถ้ามาทำกับเราแบบนี้ก็น่าจะรู้สึกนะ น่าจะเข้าใจหัวอกความเป็นพ่อแม่”
พ่อ : “ถ้าจะมาขอขมาก็มาคุยกันด้วยเหตุผล เพราะอะไรทำไมต้องออกจากบ้านและหลายๆ คำถามที่เราตั้งคำถามไว้ว่าเพราะอะไร”
ยอมรับโกรธ แต่ปล่อยวาง ยังมีลูกอีก 2 คนให้รับผิดชอบ
แม่ : “มีค่ะ ก็เป็นธรรมดาเนอะเพราะเขาทำไม่ถูกต้อง ก็โกรธ แต่ตอนนี้ปล่อยวางแล้ว มีลูกอีก 2 คนต้องรับผิดชอบ ลูกก็บอกว่าพ่อกับแม่ต้องอยู่ใช้เงินเดือนหนูนะ”
พ่อ : “มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เราไปไหนกับเขาตลอด ยกเว้นตอนนอน ครอบครัวเราไปไหนด้วยกันตลอดเกือบ 24 ชม. ก็ว่าได้”
พ้อเป็นเวรเป็นกรรม จะหมั้นจะแต่งอยู่แล้วไม่รู้จะหนีทำไม
พ่อ : “อะไรจะเกิดก็เกิด มันเป็นเวรเป็นกรรมด้วยแหละผมว่า เป็นกรรมของแต่ละคน ความทุกข์ของคนจะไม่เหมือนกัน เราก็งง ว่าเกิดแบบนี้กับครอบครัวเราได้ยังไง จะหมั้นจะแต่งอยู่แล้วทำไมชิงหนีไปก่อน ทำไมไม่ติดต่อ ไม่ส่งข่าว ให้เพื่อนติดต่อมาก็ได้ เราก็งงว่าทำไมเขาขาดการติดต่อไป”
แม่ย้อนถาม อยากเจอพ่อแม่ อยากมาเผาศพพ่อแม่มั้ย ใจร้ายเกินไป
แม่ : “คือตอนนี้เฉยๆ แล้ว ฝ่ายเขาน่าจะเป็นคนพูดมากกว่าว่าอยากเจอพ่อแม่มั้ย อยากมาเผาศพพ่อแม่มั้ย เขาใจร้ายกับเราเกินไปค่ะ ถ้าทำแบบนี้ ถ้าเขากลับมาแล้วทำอีกล่ะ”
พ่อ : “ถ้าไม่พอใจแล้วทำอีกล่ะ”
แม่ : “ถามว่าผิดหวังมั้ย ผิดหวังมากค่ะ”
พ่อ : “เรื่องให้อภัยเดี๋ยวมาคุยกันครับ ถ้าผมพร้อมให้อภัย แล้วเขาไม่พร้อมเราก็เสียสิครับ เกิดผมยอมรับการขอขมาแล้วเขาไม่พร้อม ผมก็เสียอีก ผมจะไม่พูดอะไรที่ผมไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู หรือเกิดขึ้นจริงๆ”
บอกสุขภาพแข็งแรงดี ต่อจากนี้ลูกอีก 2 คนคบใคร ขอดูให้ไกลไปถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ฝ่ายชายด้วย
พ่อ : “แข็งแรงดีครับ สนุกกับการทำงานมาก คือเวลาเราทำงานก็จะลืมๆ ไป แต่ถ้าไม่มีงานก็แอบแว้บ เป็นช่วงๆ พยายามทำให้ลืม หาโน่นหานี่ทำ”
แม่ : “ลูกเรียนจบทุกคนแล้วก็เที่ยวบ้าง อยากไปไหนก็ไป หมอบอกว่าเป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะ ห้ามเครียด กาแฟ ชา ให้ลดน้อยลง เราก็ทำตามหมอ ลูกเราอีก 2 คนเขาดูแลเราดีมากค่ะ เขาเป็นเด็กดี ไม่ต้องมานั่งคอยจี้ว่าต้องเรียน ทุกอย่างเขาก็ทำเหมือนที่เด็กดีทั่วไปทำ เรื่องคาดหวังกับเขาสองคน คนที่จะเข้ามา ต้องดูการเลี้ยงดูของพ่อแม่ เหมือนที่บอกว่าดูนางต้องให้ดูที่แม่ ระวังเพิ่มขึ้นค่ะ”