“เป๊ก เปรมณัช” ตั้งมั่น จะเดินตามรอยพระราชดำรัส “ในหลวง ร.๙” เปิดศูนย์การเรียนรู้ พัฒนาชุมชนที่เชียงใหม่ หวังนำความรู้ของคนรุ่นใหม่ไปประยุกต์กับภูมิปัญญาดั้งเดิม รับอาจเป็นชาวนารุ่นสุดท้าย เผย ความสุขแบบเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่ได้เรียนรู้ชีวิตชาวนา คิดถึงเมื่อไหร่ก็จุกจนอยากร้องไห้
ยิ่งใกล้วันที่ 26 ต.ค. หัวใจของคนไทยก็แทบแหลกสลาย ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของนักแสดงหนุ่ม “เป๊ก เปรมณัช สุวรรณานนท์” เจ้าตัวเผยว่าความรู้สึกสะเทือนใจหวนคืนอีกครั้ง เทิดทูน “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” กษัตริย์ผู้ให้โดยแท้จริง พระองค์ท่านจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป และพร้อมเดินตามรอยพ่อหลวง เปิดศูนย์การเรียนรู้พัฒนาชุมชนที่เชียงใหม่
“สำหรับผมในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงเป็นกษัตริย์ผู้ให้โดยแท้จริง เท่าที่เป๊กเคยไปทำงานเป็นพิธีกรต่างๆ เกี่ยวกับงานโครงการพระราชดำริ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับประชาชนชาวไทย พระองค์ท่านทำให้ทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนของพระองค์อยู่อย่างสุขสบายที่สุด แม้ว่าหนทางจะลำบากหรือกันดารขนาดไหน เราเลยรู้สึกว่าพระองค์ท่านคือพระผู้ให้จริงๆ และเดือนนี้อาจจะเป็นเดือนสุดท้ายแล้วที่เราจะได้ระลึกถึงพระองค์ท่านอย่างเต็มที่ แต่ก็อยากให้ทุกคนอย่าลืมพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเราครับ”
เผยความรู้สึกเคว้งคว้าง 13 ต.ค. 59 “ในหลวง ร.๙” เสด็จสวรรคต ไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินที่พระองค์สร้าง
“ครบ 1 ปีที่พ่อจากไปแล้วก็สะเทือนใจนะ ปีที่แล้วตอนนั้นผมไม่ได้อยู่แล้วประเทศไทย ผมอยู่ประเทศจีน ในขณะที่ทุกคนได้ดูข่าวอย่างเต็มที่ ผมก็ได้ดูข่าวเหมือนกัน แต่เราไม่ได้อยู่ในผืนแผ่นดินที่ท่านสร้าง มันก็จะรู้สึกโหวงๆ เคว้งๆ ตอนนี้เหตุการณ์นั้นจะวนกลับมาอีกครั้ง สัมผัสได้ว่าประชาชนชาวไทยทุกคนยังระลึกถึงพระองค์ท่านตลอดเวลา จะเป็นหนึ่งเดือนที่ทุกคนจะกลับมาระลึกถึงพระองค์ท่านอีกครั้ง ก็เห็นเลยว่าทุกคนไม่ลืมพระองค์ท่าน ทุกคนยังระลึกถึงพระองค์ท่านเสมอ”
“คำสอนหรือแบบอย่างที่ท่านทรงทำไว้ให้เห็นมีมากมาย ส่วนตัวผมน้อมนำเอาหลักคำสอนในเรื่องของการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดมาปรับใช้ในชีวิตได้ชัดเจนที่สุด คือ การทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด สิ่งที่เราทำในทุกๆ วัน ถ้าเทียบกับสิ่งที่พระองค์ท่านเคยทำ เรายังได้แค่เศษเล็กเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้นเอง ฉะนั้นเราควรทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ต้องทำเพื่อคนอื่นด้วย”
สัมผัสชีวิตชาวนา สัมผัสความสุขแบบพอเพียง จุกจนอยากร้องไห้
“ผมได้มีโอกาสทำโครงการ Brand new Field Good พูดไปก็อยากร้องไห้เหมือนกันนะ มันเป็นความสุขแบบพอเพียงที่หลายๆ คนพูดกัน แต่พอเราได้ลงมือปฏิบัติแล้ว มันก็รู้สึกว่าเราได้ทำจริงๆ บางคนอาจจะบอกว่าการใช้ชีวิตแบบพอเพียงก็แค่ประหยัดการใช้เงิน ประหยัดค่าใช้จ่าย ขึ้นรถเมล์ไปทำงานแทนรถยนต์ส่วนตัวอะไรแบบนี้ เราก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยนะ แต่พอเราได้ไปลองใช้ชีวิตกับชาวนา เขาก็บอกว่านี่อาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วก็ได้ เพราะว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีใครมาทำนาแล้ว”
“เราก็รู้สึกแบบโอ้โห นี่อาชีพทำนา เป็นอาชีพหลัก เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาติมานานแล้วนะ จะไม่มีแล้วเหรอ แล้วเขาจะไปทำอะไรกัน เราก็เลยได้ลองใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัดจริงๆ ไปลองใช้ชีวิตแบบเขาดู เรียนรู้วิถีชุมชน ไปทำงานร่วมกับชุมชน เราก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วมันก็เป็นความสุขแบบเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่ ที่หลายๆ ท่านบอกให้พอเพียง ถามว่าความมันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าเรารู้สึกว่าที่เราทำมันพอเพียงแล้ว ก็ให้ชีวิตแบบนั้นครับ ความพอเพียงมันมีหลายรูปแบบครับ แล้วแต่ใครจะนำพระราชดำริของท่านมาปรับใช้กับชีวิตได้ขนาดไหน”
“โครงการนี้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วย แต่ว่าต้องดูก่อนว่าทางชุมชนเขามีอะไรที่น่าสนใจหรืออยากพัฒนาด้วย ที่เราทำก็เหมือนกับโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ต้องการให้ประชาชนมีความสุข เราอยากจะพัฒนาเรื่องวิทยาศาสตร์หรือเรื่องอะไร ก็ควรให้ทางชุมชนเขาคิดเอง ทำเอง จะได้ไม่ถูกหลอก อย่างเรื่องปัญหาพ่อค้าคนกลาง ก็กำลังดูอยู่ว่าเขาต้องการองค์ความรู้ในด้านไหน และเราจะสนับสนุนตรงไหนได้บ้าง เอาความรู้ความเข้าใจของคนรุ่นใหม่ไปประยุกต์กับภูมิปัญญาดั้งเดิม แบ่งปันความสุขสู่ชุมชนหรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำเก็บไว้ให้ลูกหลานดูครับ”