xs
xsm
sm
md
lg

บวชทำให้จิตนิ่ง แต่ทหารทำให้เข้าใจโลก “เอี๊ยง” เผยเกียรติสูงสุดในชีวิต เป็นทหารของพระราชา “ในหลวง ร.๙” รุ่นสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอี๊ยง สิทธา” ยืดอกภูมิใจที่ได้ชื่อว่าทหารของพระราชารุ่นสุดท้าย แม้จะไม่อยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแต่ก็ทำใจยอมรับเพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ พร้อมก้าวตามรอย “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ยึดหลักความซื่อสัตย์นำพาชีวิตให้มีความสุขอย่างพอเพียง สิ่งไหนที่ทำแล้วไม่มีประโยชน์ ไม่ถูกต้องจะไม่โกง ไม่เบียดเบียนใคร

ในช่วงชีวิตที่กำลังก้าวสู่ตำแหน่งพระเอกแถวหน้าของค่ายอาร์เอสฯ แต่ “เอี๊ยง สิทธา สภานุชาติ” ตัดสินใจเดินทางเข้าสู่ทางธรรม และหลังจากนั้นก็สมัครเป็นทหารด้วยความเต็มใจ เอี๊ยงเผยว่าการบวชและการรับใช้ชาติ ทำให้ชีวิตวัยรุ่นตอนปลายพลิกจากวัยว้าวุ่นกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ถึงตอนนี้ตนภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็น “ทหารของพระราชา” รุ่นสุดท้าย แม้ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พร้อมตามรอยพ่อหลวงในเรื่องของความซื่อสัตย์ที่นำมาปรับใช้กับชีวิตให้มีความสุขอย่างพอเพียง

“ต้องบอกเลยว่ารู้สึกเป็นเกียตริมากๆ และภาคภูมิใจอย่างสูงที่สุดในชีวิตของผมเอง ซึ่งเป็นดวงและจังหวะที่เราได้ไปเป็นพลทหาร และยังได้ชื่อว่าเป็นทหารของพระราชา ซึ่งเรียกได้เลยว่ารุ่นสุดท้าย และพอพ้นจากเราไปก็เป็นรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว รู้สึกดีและเป็นเกียรติ รวมไปถึงสิ่งเหล่านั้นก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย เพราะตอนนั้นที่เราทำ เราฝึก เราเหนื่อย แต่พอครูฝึกพูดออกว่า เราต้องทำให้ได้ เพราะพวกเราเป็นทหารของพระราชา ครูฝึกเขาจะบอกว่าก่อนที่เราจะแข็งแกร่ง ปกป้องประชาชน ปกป้องประเทศชาติ เราต้องเข้มแข็งปกป้องตัวเองให้ได้ก่อน งั้นเวลาที่เขาให้เราฝึกอะไรมา มันเป็นการพัฒนาตัวเอง ทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย และบางทีมันก็มีจุดที่เหนื่อยมากๆ เขาก็ให้กำลังใจว่าเราต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ เราถึงจะได้ทำให้สำเร็จ”

“อย่างเวลาที่เราเหนื่อยมากๆ ความเป็นมนุษย์ของทุกคนก็มักจะแสดงออกมา ซึ่งทุกคนย่อมมีเหมือนกัน อย่างบางทีมันมีความรู้สึกว่าเวลาใครทำผิดสักคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างใกล้จะสำเร็จแล้ว เราอยากจะเดินไปต่อยหน้าซะเหลือเกิน แต่มันก็จะมีคำหนึ่งเกิดขึ้นในหัวว่าสามัคคีต้องมาก่อน และถ้าเราไปว่าเพื่อนหรือทำแบบที่เราคิดไป ทีมเวิร์กมันก็จะเสีย แทนที่งานมันอาจใกล้จะเสร็จแล้ว แต่มันอาจจะพังมาหมดเลยก็ได้ ซึ่งคนเราไม่ว่าจะเป็นทหารหรือประชาชนก็ต้องสามัคคีกันไว้ ไม่ใช่เอาความยากลำบากตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่เราไม่ไหวแล้ว เราพอดีกว่า เราเลิกดีกว่า มันก็จะส่งผลกระทบไปต่อคนอื่น คนเราต้องรู้จักคำว่าอดทน”

“และก่อนที่ผมจะสมัครเป็นทหาร ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอารมณ์ตอนนั้นว่าอะไร แต่ขอเรียกว่าเป็นวัยว้าวุ่นของวัยรุ่นตอนปลายคนๆ หนึ่งที่ทำงานมาหลายๆ ปี และรู้สึกว่าตอนนี้ฉันทำอะไรอยู่ เหมือนว่ากำลังค้นหาตัวเองว่าตัวเองต้องการอะไร เป็นช่วงที่มีหลายสิ่งกำลังเข้ามา หลังจากนั้นผมก็ได้ไปบวชก่อนที่จะมาเป็นทหาร เพราะการบวชในครั้งนั้น ช่วยเราได้เยอะ ทำให้เรานิ่ง แต่การเป็นทหารสอนเราอีกแบบหนึ่ง การบวชคือเรื่องของจิตใจ ทำให้จิตเรานิ่งมากขึ้น แต่ทหารคือขั้นกว่าเพราะถ้าใครมาชนคุณ คุณก็ต้องนิ่งกว่า และพอเราเป็นทหาร เราเข้าใจโลกมากขึ้นมากขึ้นว่าสิ่งที่เราอยู่ตรงนี้ เราสบายมากกว่าคนอื่นแค่ไหน มีคนที่ลำบากกว่าเรา จนเราจิตนาการไม่ถึงเลย คนที่นั่งข้างเราถัดจากผมไป ชีวิตเขาต้องตื่น 3 ทุ่มไปกรีดยางและกลับบ้าน 6 โมงเช้า ทำแบบนี้ไปทุกๆ วัน เพื่อเอาเงินไม่กี่ร้อย ไปดูแลครอบครัว ซึ่งมีหลากหลายอาชีพ ผมจึงคิดว่าเราถ่ายละครแค่นี้ทำเราไม่ได้ดั่งใจ ทำไมเราต้องโมโหด้วย จึงทำให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตออกมา”

“ตอนผมเป็นทหาร ประจำการที่หน่วย มทบ.11 หรือมณฑลทหารบกที่ 11 อยู่ตรงเกียกกาย หน่วยผมคือหน่วยแรก ที่ถ้ากรุงเทพฯ เกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะมีม็อบ ไฟไหม้หรือเกิดอะไรขึ้น หน่วยผมต้องเตรียมพร้อมทุกอย่าง ฝึกสลายม็อบ ฝึกดับไฟ ช่วยผู้ประสพภัยจากน้ำ โรยตัวจากที่สูง และด้วยความที่เราเป็นดารา อย่างน้อยใครไม่เป็นไม่รู้ แต่ไอ้ดาราต้องเป็นก่อน จังหวะนั้นผมทำเป็นหมดเลย”

แม้จะภูมิใจกับคำที่ทุกคนเรียกว่า “ทหารของพระราชา รุ่นสุดท้าย” แต่ยอมรับว่าไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น พร้อมปฏิญาณตนจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙”
“จริงๆ มันเป็นสิ่งที่ผมและทุกคนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่พอมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันเป็นสัจธรรมของโลก ณ ตอนเราเป็นทหาร เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ในทีวีก็ยังบอกเลยว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ผมเป็นทหารผมก็ทำหน้าที่ของทหารให้ดีที่สุด พอผมออกมาเป็นดารา ผมเล่นละคร แล้วละครที่ผมแสดง มันสอนอะไรให้กับคนดูบ้าง ผมต้องทำให้มันออกมาดีที่สุด”

“และการที่เราเป็นประชาชน เราก็ได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์มาโดยตลอด ตั้งแต่เล็กจนเราโตมาถึงปัจจุบันนี้ในรูปแบบที่เราเข้าใจได้ง่าย แต่ในส่วนของทหารก็มีเรื่องราวที่เล่าให้ฟังกับการที่ท่านทรงวอ สายลม 009 มาสอนทหารให้มาใช้วอในถิ่นทุรกันดาร มันทำให้ผมรู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงเก่งจังเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านไม่ต้องรู้เลยก็ได้ ให้คนอื่นทำก็ได้ แต่พระองค์ท่านก็ทรงใส่พระทัย ท่านใช้คนอื่นทำก็ได้ แต่ท่านทรงศึกษาและเรียนรู้ และพอเกิดปัญหาขึ้น ท่านก็ทรงเป็นคนแก้ปัญหาด้วยพระองค์ท่านเอง มันเกินคำบรรยายจริงๆ

นักแสดงหนุ่มยังเล่าให้ฟังถึงความภูมิใจอีกว่าทุกวันนี้ตัวเองเปลี่ยนไปก็เพราะจากการบวช และการตัดสินใจรับใช้ชาติ รวมไปถึงจากนี้จะยึดคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในเรื่องของความซื่อสัตย์นำพาชีวิตตนเองไปสู่ความสุขอย่างพอเพียง
“เปลี่ยนไปมากครับเลยครับ ผมก็เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่หาเงินได้เยอะ ก็ใช้เยอะเป็นเรื่องปกติ เป็นวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่พอหลังจากเราบวชมา และเป็นทหาร มันทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป ด้วยอายุที่โตขึ้น ผมเชื่อว่าทั้งสองอย่างนี้ต้องมีคนบางคนส่งมาทดสอบชีวิตเรา ประมาณว่าผมต้องเปลี่ยนไปอีกเวอร์ชั่นแล้วนะ รวมไปถึงยึดแนวทางตามคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยยึดเอาความซื่อสัตย์เป็นหลัก ผมเคยได้ยินว่าท่านไปแข่งเรือใบและได้เข้าเส้นชัย ชนะเลิศ แต่ท่านก็มาบอกกรรมการว่าท่านได้ชนทุ่นและไม่ขอรับรางวัล ซึ่งจริงๆ ท่านไม่ต้องบอกก็ได้ แต่ท่านอาจจะไม่สบายใจ ก็เหมือนเราเอามาปรับใช้ในชีวิต ถ้าเราทำอะไรบางอย่าง ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อเรา แต่มันไม่ถูกต้อง และถึงมันจะได้เป็นเงินหรือเป็นสิ่งของก็ตาม แต่ถ้าเราได้มามันก็ต้องไม่สบายใจ เราเลือกเอาความสบายใจนี่แหละ เราอยู่แบบพอเพียง ไม่โกงใคร ไม่เบียดเบียนใครแค่นี้ก็พอใจแล้ว”










กำลังโหลดความคิดเห็น