เรียกได้ว่าการเป็นศิลปินต่างชาติในเกาหลีใต้ก็ยังมีข้อเสียเปรียบในหลายๆด้านเกี่ยวกับเรื่องรายได้ โดยล่าสุด “สร ชลนสร สัจจกุล” สมาชิกชาวไทยจากเกิร์ลกรุ๊ปวง CLC ได้ร่วมไลฟ์สดพูดคุยในเพจของ “ครูโรจน์ รุ่งโรจน์ คุลลาพันธ์” ถึงประเด็นดังกล่าว ในระหว่างเดินทางกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทยช่วงวันหยุดยาวของชาวเกาหลี
โดยสร ได้พูดถึงความแตกต่างระหว่าง Royalty และ Copyright ซึ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์ ที่เธอได้ค่า Royalty แตกต่างจากเพื่อนสมาชิกชาวเกาหลีเพราะกฎหมายไทยยังไม่ได้คุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ส่งให้เธออยากจะให้ประเทศไทยเร่งทำข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็ว
โดย สร ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเริ่มมาศึกษาข้อมูลจริงจังเกี่ยวกับค่า Royalty ที่ศิลปินจะได้รับ ซึ่งเธอพบว่าหลังจบการโปรโมทผลงานอัลบัมล่าสุดไป วง CLC ที่มีสมาชิกชาวเกาหลี 5 คน ชาวไทย 1 คน และชาวฮ่องกง 1 คน กลับมีรายได้ค่า Royalty ที่ศิลปินได้รับโดยตรงแตกต่างกัน โดยเพื่อนชาวเกาหลีได้รับไปเต็มๆ ในขณะที่สรและ เอลกี สมาชิกชาวฮ่องกง กลับไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งถ้าเทียบกันแล้วรายได้แตกต่างกับเพื่อนชาวเกาหลีถึง 6 เท่าเลยทีเดียว
“ปกติแล้วทางค่ายจะเปิดบัญชีไว้ให้บัญชีหนึ่งเพื่อให้ศิลปินเข้าไปเช็คเงินในบัญชีเองโดยตรง สรเลยถามว่าเงินที่ได้จากบัญชีนี้ คือเงินจากตรงไหน ค่ายบอกว่าเป็นเงินที่ได้จากค่า Royalty ต่างๆจากการที่เขาใช้เพลงของเราโดยตรง ทุกครั้งที่เพลงของเราถูกเปิดไปในที่ต่างๆในสาธารณะ เงินก็จะเข้าบัญชีนี้ ซึ่งเป็นบัญชีที่ค่ายทำให้เพราะว่า มันเป็นระบบที่เงินเข้ามาโดยที่ไม่ต้องผ่านค่าย ไม่ต้องแบ่งค่าย และค่ายก็ไม่สามารถที่จะแตะเงินตรงนี้ได้เลย เพราะเป็นเงินที่ได้ถึงศิลปินโดยตรงทั้ง ศิลปิน, คนแต่งเพลง, คนทำดนตรี, คนเขียนทำนอง, คลอรัส ฯลฯ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเพลง โดยที่เงินนี้ไม่ต้องแบ่งทางค่ายใดๆทั้งสิ้น ( เป็นเงินจากอีกบัญชี นอกเหนือจากเงินค่าตัว )"
“เรื่องนี้มันเริ่มจาก สรเข้าไปเช็คเงินที่ธนาคาร เพื่อดูว่าเงินเข้าหรือยัง เพราะเราโปรโมทอัลบัมจบแล้ว ส่วนมากเงินก้อนที่เข้ามาจะเป็นเงินที่เข้ามาหลังโปรโมชัน สรเลยคิดว่าเงินคงเข้าแล้ว เพราะเพื่อนบอกว่าเงินพวกเขาเข้าแล้ว ก็เลยลองไปเช็คบ้างดีกว่า พอไปเช็คปุ๊บ เงินที่เราได้ตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่อัลบัมก่อน กับตอนนี้มันเท่ากัน เลยสงสัยว่าทำไมเราไม่มีเงินเข้า ทั้งที่สมาชิกอีก 5 คนบอกว่าเงินพวกเขาเข้าหมดแล้ว เลยบอกให้เพื่อนที่เป็นสมาชิกวงชาวฮ่องกงไปเช็ค เขาก็ไปเช็คแล้วเงินก็ไม่เข้าเหมือนกัน สรก็เลยสงสัยว่าทำไมเงินเรา 2 คนไม่เข้า เราก็คิดในใจ เริ่มคิดไปไกลละว่า ค่ายมันโกงเราหรือเปล่า? มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเงินไม่เข้า เลยไปถามค่ายว่าทำไมเงินไม่เข้าเท่าเพื่อน พอสรไปดูเลข มันแตกต่างกัน 6 เท่าเลย เงินก็เข้ามาทีละนิด ทีละนิด แต่ไม่ได้เข้ามาเป็นเงินก้อนเหมือนที่เพื่อนเกาหลีมี”
ก่อนที่จะได้รับคำอธิบายจากทางค่ายอย่างชัดเจนว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับค่ายเพลง เพราะค่ายเพลงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะทางกฎหมายของไทยเองที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองในเรื่องค่า Royalty ดังกล่าว ทำให้ สร ไม่ได้รับรายได้ในส่วนนี้ไป เจ้าตัวจึงดำเนินการศึกษาข้อมูลเพื่ออยากให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ศิลปินไทยในเกาหลีได้รับเงินในส่วนที่ควรจะได้รับตรงนี้ด้วย
“ไม่ใช่ว่าเราหน้าเงินหรืออะไรนะคะ แต่ในระบบแล้วมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ก็เลยไปถามค่ายว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเงินเข้าช้า ค่ายก็ไปศึกษามาให้แล้วก็บอกว่า ที่เงินเข้าช้าเพราะตัว Royalty สมมุติว่ามี 4 แบบมี A,B,C,D พวกสรเสียเปรียบที่ว่าเราได้แค่ A อย่างเดียว B,C,D ไม่ได้เพราะว่าเราเป็นต่างชาติ แต่ด้วยความที่สรไม่ยอม ด้วยความที่เราไม่โง่ ไม่ใช่ไม่โง่ แต่ด้วยความที่เราต้องการรู้ว่าทำไม เพราะอะไร ...ทางค่ายเขาพูดได้แค่ว่า ในประเทศไทยไม่มีกฎหมายตัวนี้ เลยไม่สามารถทำข้อตกลงกับเราเกี่ยวกับตรงนี้ได้ เงินที่สรควรจะได้ เลยไปกองกันอยู่ เลยทำให้ไม่ได้เงินเท่าเพื่อน สรเลยถามว่า แล้วกฎหมายอะไร สรต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้กฎหมายมันดำเนินการได้ เพราะว่าถ้ามันสามารถมีอะไรที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในประเทศเราเองเพื่อที่เราจะได้มีความเท่าเทียมเท่าเพื่อน เราก็ต้องอยากทำใช่ไหมคะ เพราะว่าเรายังเหลือสัญญาอีกตั้ง 5-6 ปีในประเทศเกาหลี ถ้าเราไม่ได้ตรงนี้ สรถือว่ามันค่อนข้างที่จะเสียเปรียบเขาเยอะเหมือนกัน ก็เลยทำการศึกษาเองโดยที่ไม่ได้บอกค่าย( หัวเราะ ) เพราะว่าทางค่าย ตัวพี่ที่เขาดูแลเรื่องนี้อยู่ ไม่ใช่ว่าเขาโกหกเรานะคะ แต่เขาบอกว่าเขารู้แค่นี้ และตรงนี้ไม่ใช่ส่วนที่เขาต้องดูแลด้วยซ้ำ ( เป็นเรื่องที่ศิลปินต้องดูแลและสมัครเอง ) แต่ค่าย CUBE Entertainment เป็นคนบอกให้สมัคร Royalty ให้เด็ก 7 คนไว้ด้วย พี่เขาก็สมัครไว้ให้ หน้าที่เขามีเท่านั้น ส่วนรายละเอียดและกฎหมายต่างๆเขาไม่รู้ สรก็เลยศึกษาเอง และให้เพื่อนที่ทำงานด้านเพลงเหมือนกันมาช่วยศึกษาให้หน่อยว่ามีอะไรที่เราทำได้บ้าง”
“สร ก็เลยติดต่อบริษัทที่ดูแลเรื่อง Royalty ให้เราอยู่ บริษัทชื่อว่า FKMP : Federation of Korean Music Performers คือสหพันธ์ที่ช่วยดูแลและปกป้องตัวศิลปินในเรื่อง Royalty โดยเฉพาะค่ะ ก็เลยโทรนัดเจอกัน คุยกัน แล้วก็ไปถึงบริษัทเลย ซึ่งเขาบอกว่า ไม่ต้องห่วง เงินที่ควรจะได้ตรงส่วนนี้ เป็นเงินที่เรากองเก็บไว้ให้แล้ว รอแค่ให้ทางไทยและทางเกาหลีเซ็นสัญญาร่วมกัน เพื่อทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่สรจะได้เงินตรงนี้ไป ซึ่งโชคดีที่ช่วงที่สรโทรไป เป็นช่วงที่ทางบริษัทเองกำลังติดต่อกับประเทศไทยเรื่องนี้อยู่ เพราะเหมือนทางไทยกำลังจะยินยอมที่จะเซ็นตรงนี้ เลยโชคดีว่าที่สรไปเหมือนสรเป็นกรณีศึกษาให้เขาอย่างหนึ่ง เป็นจังหวะพอดีกับที่เขากำลังดำเนินการพอดี ซึ่งสหพันธ์นี้เขาทำขึ้นเพื่อปกป้องตัวศิลปินทุกคน และพยายามหาความเท่าเทียมให้กับศิลปิน และบริษัทนี้ทำเพื่อปกป้องศิลปินโดยเฉพาะ ที่นี่เขาจะคอยหาข้อมูลตลอด และคอยเช็คตลอดว่ามีใครที่เสียเปรียบบ้างไม่ว่าจะ ศิลปิน, โปรดิวเซอร์ หรือใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเพลง”
สร ยังระบุด้วยว่าในโซนยุโรปและอเมริกาองค์กรนี้มีการก่อตั้งขึ้นมานานแล้ว ขณะที่ในเกาหลีองค์กรดังกล่าวเพิ่งจะเข้ามาได้เพียง 6 ปี จึงทำให้ศิลปินที่เดบิวต์ไปก่อนหน้า 6 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยไม่เข้าใจว่า Royalty คืออะไร จึงค่อนข้างที่จะเสียเปรียบ เพราะด้วยระบบนี้จริงๆแล้ว ตัวศิลปินและคนเบื้องหลังต้องเป็นคนสมัครเอง เพราะเป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับค่ายเพลง แต่ถ้าทางค่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ศิลปินพึงได้ ก็จะมีการบอกกล่าว หรือดำเนินการสมัครเข้าระบบให้ศิลปินเลย แล้วมาบอกศิลปินว่ามีรายได้ส่วนนี้ให้ไปตรวจเช็คบัญชีเองได้เลยโดยตรง
โดยสร เองยังได้กล่าวด้วยว่าเธอติดต่อหาทั้ง ลิซา ลลิษา มโนบาล สมาชิกจากวง Black Pink ค่าย YG Entertainment และ แบมแบม กันต์พิมุก ภูวกุล สมาชิกจากวง GOT 7 ซึ่งต่างก็เผชิญเหตุการณ์เดียวกัน
“สรพยายามติดต่อหาพี่ๆโปรดิวเซอร์หรือดารา-นักร้องที่เป็นเพื่อนสรในประเทศไทยว่ามีแบบนี้เปล่า? ได้แบบนี้ไหม? โทรติดตามถามเพื่อนๆที่เป็นศิลปินต่างชาติทั้งลลิซทั้งแบมแบม ที่มาทำงานที่เกาหลีด้วย ถามว่าค่ายเธอเคยพูดเรื่อง Royalty หรือเปล่า ค่ายเธอให้คำตอบว่าอะไร แล้วลลิซก็บอกสรว่า ‘ค่ายบอกว่า เพราะเธอเป็นต่างชาติ ตอนที่เซ็นสัญญา ก็อย่าไปน้อยใจนะว่าทำไมถึงไม่ได้เท่าเพื่อนเขา เพราะว่าจริงๆแล้วมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว’ ซึ่งลลิซเขาก็พูดโอเคๆ แต่ตัวสรเอง รู้สึกว่าต้องไม่ใช่โอเคสิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมระบบต้องเป็นแบบนี้ สรเลยศึกษาเรื่องนี้โดยที่ไม่บอกค่ายค่ะ”
