xs
xsm
sm
md
lg

เสน่หาบังใจ “กุญแจซอล” รักพี่ต้องหนีแม่ !!???

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหมือนที่โบราณว่าไว้
….. พ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว ..... !!

เรื่องราวของนักแสดงสาว “กุญแจซอล - ป่านทอทอง บุญทอง” สะท้อนความจริงข้อนี้ได้ชัดเจนที่สุด
เหตุอันเนื่องมาจากมีภาพในไอจีส่วนตัวของเธอ ขณะนั่งรับประทานอาหารกับแฟนหนุ่ม “นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ เลิศพัฒนาไทย” ที่มีดีกรีเป็นถึงกัปตันสายการบินไทยสไมล์ ในลักษณาการประหนึ่งว่ากำลังตั้งครรภ์ และก็มีคนตาไวตามไปแสดงความคิดเห็นใต้รูปว่า “เป็นไงบ้าง ใกล้คลอดยัง” ทำให้เกิดเป็นกระแสขึ้นมา ก่อนที่รูปต้นเหตุจะถูกลบไป พร้อมกับที่ไอจีดังกล่าวก็ถูกตั้งเป็นส่วนตัวทันที


ในเบื้องต้นเจ้าตัวออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งท้อง แต่ที่เงียบหายไปจากวงการบันเทิง ก็เพราะว่าอยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบ
แต่ท้ายที่สุด เรื่องก็มาถูกเฉลย จากคำให้การของมารดาของเธอเอง “มุกดา บุญทอง” ที่ยอมรับกับสื่อมวลชนว่าลูกสาวกำลังตั้งครรภ์จริง หลังจากที่หายออกจากบ้านไปนานกว่า 8 เดือน ทั้งยังถูกฝ่ายชายกีดกันไม่ให้ติดต่อกับครอบครัว จับใจความประหนึ่งว่ากุญแจซอลถูกกำกับให้แสดงไปตามบทที่แฟนหนุ่มเป็นคนกำหนด อาจจะเป็นเพราะขัดใจที่ “นึกคิด บุญทอง” นักแสดงรุ่นใหญ่ ผู้เป็นพ่อของฝ่ายหญิง ไม่อนุญาตให้แต่งงานกัน เนื่องจากเล็งเห็นว่าระยะเวลาในการคบหาดูใจกันยังไม่มากพอ

“ผู้ชายคนนี้อายุ 38 ปี ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เหตุผลที่แม่ให้เขาคบกันเพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นทหาร หน้าที่การงานก็ไม่น่าทำให้ลูกสาวเราลำบาก ที่สำคัญคือเรื่องอายุของทั้งคู่ก็สมควรแล้ว แม่ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่ากุญแจซอลไม่เคยมีแฟน มีคนมาจีบบ้างแต่ไม่ถึงขั้นกับคนนี้ แต่กลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้มากำกับลูกเราหมดทุกอย่าง ไม่ให้เชื่อฟังพ่อแม่ แต่ตอนนั้นที่แม่ไม่อยากให้เป็นข่าวเพราะคิดว่าเขาทั้งสองคนคงจะสำนึกได้คิดได้ ก่อนหน้านี้เคยมีนักข่าวมาถามว่ากุญแจซอลไม่อยู่บ้านแล้วเหรอ แม่ก็ช่วยแก้ตัวให้เพราะคิดว่าเขาจะมีสามัญสำนึก แต่เขากลับคิดอะไรไม่ได้เลย ใครที่ไปพูดกับเขาว่ากลับมาบ้านเถอะ พ่อแม่คิดถึง คำที่ทำให้พ่อแม่เจ็บคือ กุญแจซอลพูดว่า “ต้องปรึกษาพี่นัทก่อน” คือผู้ชายขู่ทุกคนที่โทร.ไปหาเขาและกุญแจซอล แม่เชื่อว่าส่วนหนึ่งกุญแจซอลน่าจะถูกผู้ชายบงการด้วย”ฟังเผินๆ ดูเหมือนว่าแม่ออกมาประจานลูกสาว แต่ในสถานการณ์ของผู้เป็นแม่ อาจไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีกว่า และก็เชื่อแน่ว่าคงเจ็บปวดในหัวใจไม่น้อยเลยทีเดียว ที่จะต้องเป็นฝ่ายออกมาพูดถึงลูกของตัวเองในลักษณะแบบนี้

“มันจะได้จบๆ เค้าจะได้ไม่ต้องออกมาโกหกสังคมว่าไม่ได้ท้อง”
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สุดแล้วแต่ว่าใครจะแปรเจตนาไปอย่างไร ?

ถ้าย้อนกลับไป เรื่องลักษณะคล้ายๆ กันนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีของนางเอกสาว “ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์” ที่ถูกแม่บังเกิดเกล้าออกมาโพสต์ตามหาลูกสาว และก็ขยี้ซ้ำ ด้วยการให้สัมภาษณ์ในลักษณะสองแง่สองง่าม ชวนให้ผู้คนตีความไปว่า การคบหากันระหว่างขวัญกับแฟนหนุ่ม “กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล” นั้น “เลยเถิด” ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ก็...เห็นลูกแต่จากในทีวี เอ๊ะ ทำไมลูกหน้าบวม รึว่าเขาจะอ้วนขึ้น เขาไปกินอะไรมาหรือเปล่า…..”
ถามว่าสองกรณีนี้ต่างกันอย่างไร ?
ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือกรณีของกุญแจซอล มีข่าวนำออกมาก่อนแล้ว และแม่เพียงแค่ให้ความกระจ่าง ต่อเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นแล้วจริง
ต่างจากรณีของขวัญ ที่แม่เป็นคนชี้นำประเด็นทั้งหมดทั้งปวงด้วยตัวเอง ทำให้ยากที่คนจะแปรความว่าทำเพราะเป็นห่วง แต่กลับมองไปว่า ทำเพราะอยากจะปกป้องผลประโยชน์ที่ตัวเองกำลังจะสูญเสีย หากว่าจะต้องพ้นสภาพจากการดำรงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของลูกสาว ก็เลยยืมมือสื่อเพื่อบีบคั้น กดดัน เพื่อมิให้สูญเสียสิทธิดังกล่าว
เรื่องของขวัญ จึงเป็นฝ่ายลูกสาวที่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสังคม ขณะที่เรื่องของกุญแจซอล กำลังใจส่วนใหญ่กลับถาโถมไปยังฝ่ายผู้เป็นแม่ ที่น่าจะต้องเจ็บช้ำกล้ำกลืนอย่างมาก กับสิ่งที่ลูกสาวปฏิบัติ เพราะเชื่อแน่ว่า ในความเป็นแม่ คงไม่มีแม่คนไหนอยากจะเห็นลูกของตัวเองประพฤติตนผิดทำนองคลองธรรม จริงอยู่อาจจะไม่จำเป็นต้องจัดพิธีแต่งงานหรูหรา ใหญ่โต เวอร์วังอลังการ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ให้พ่อแม่ได้รับรู้ และเห็นชอบ มิใช่ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้
เรื่องที่ถูกใจ บางครั้งก็ต้องคำนึงถึงความถูกต้องด้วย
“กุญแจซอลไม่คิดหรอกว่าครอบครัวจะทุกข์ทรมานขนาดไหน ถามว่าวันหนึ่งหากเขาสองคนมาขอขมา จะอภัยมั้ย ? แม่ก็ต้องคิดว่าอะไรยังไง ไม่รู้สิมันเลยจุดนั้นมาแล้ว ตอนที่เขาพาออกจากบ้านใหม่ๆ แม่เคยขอให้เขาพากลับ แต่นี่เขาทำลายทุกอย่าง"

จริงๆ แล้วทั้งกุญแจซอล ทั้งแฟนหนุ่ม ต้องนับว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคน “สายบุญ” ซึ่งการคบหาระหว่างกันนั้น ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการร่วมทำงานเป็นจิตอาสา และพัฒนาความสัมพันธ์กันเรื่อยมา เพียงแต่ว่าอาจจะข้ามขั้นตอนไปเสียหน่อย

อีกทั้งตัวกุญแจซอลเอง ก็เคยได้รับคำชื่นชมว่าเป็นลูกกตัญญู ทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย รายได้ที่หามาได้ ก็กลับมาตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยการสร้างบ้านสำหรับครอบครัวราคากว่า 8 ล้านบาท
แต่สุดท้ายความดีงามที่สร้างสมมา ก็มาดับสูญ เพราะสิ่งที่ทำมันย่ำยีหัวใจของพ่อแม่เป็นที่สุด จะด้วยความรักบังตา เสน่หาบังใจ หรืออาจจะเป็นเพราะคิดว่าตัวเองโตพอที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินของชีวิตของตัวเองได้แล้วก็ตาม แต่ถึงขนาดตัดขาดกับครอบครัว ยอมทิ้งอนาคตทางการแสดง บางทีสิ่งที่ได้ อาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสีย
และแม้กระทั่งถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะติดต่อกลับไปเพื่อปรับความเข้าใจกับครอบครัว

บางทีเพียงแค่การกลับไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง จะผิดพลั้งพลาดไปโดยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เชื่อแน่ว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนใจร้ายพอที่จะไม่อภัยให้ลูก
วันนี้กุญแจซอลอาจจะยังคิดไม่ได้ คงต้องรอให้ถึงวันที่เธอได้ทำหน้าที่แม่ด้วยตัวของเธอเองเสียก่อน เชื่อแน่ว่าวันนั้นเธออาจจะเข้าใจถึงหัวอก เข้าใจถึงความรัก ความเป็นห่วง และความปรารถนาดีของครอบครัว ว่ามีค่า และยิ่งใหญ่เพียงใด
หรือแม้ว่าความรักระหว่างชายหนุ่ม-หญิงสาว อาจจะไปได้ไม่สุดทาง อย่างน้อยก็ยังมีความรักของคนในครอบครัวที่พร้อมจะโอบกอด เป็นเกราะกำบัง และเป็นหลุมหลบภัยชั้นดี
ก็ได้แต่หวังใจว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคลี่คลายและจบลงได้ด้วยดี ด้วยความเข้าใจระหว่างกันของทุกฝ่าย
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 413 14 - 20 ตุลาคม 2560
กำลังโหลดความคิดเห็น