xs
xsm
sm
md
lg

หลากแง่คิดดีๆ จากคนข้ามเพศ "เกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งสำหรับ "เกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ" อดีตนักแสดงเด็กที่เคยฝากผลงานหนัง อาทิเอ๋อเหรอ, ข้าวเหนียวหมูปิ่ง, ส้มตำ , สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา, 5 หัวใจฮีโร่ เอาไว้ร่วม 10 กว่าปีที่ผ่านมา

โดยการกลับมาครั้งนี้ หนึ่งในทายาทของ "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" ได้กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาจากข่าวคราวการแต่งชุดครุย-สวมกางเกงเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรหลังเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่มีการแต่งตัวดังกล่าวเลยทีเดียว

ทั้งนี้เจ้าตัวเผยว่าแม้จะต้องไปพบจิตแพทย์ถึง 2 คนเพื่อทำเอกสารต่างๆ ให้ถูกต้องในการขอสิทธิ์ดังกล่าว แต่กระนั้นตนก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าเคร่งครัดในเรื่องจารีตประเพณีจะเปิดกว้างและเคารพในสิทธิทางเพศเป็นอย่างมาก

"คือเราก็ต้องมีการยื่นเรื่องไปทางคณบดีก่อนว่าเราจะทำเช่นนี้ ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง ก็ต้องมีการปรึกษาจิตแพทย์ 2 คน เพื่อคอนเฟิร์มว่าเราเป็นเจนเดอร์ ดิสโฟเรีย (gender dysphoria - ความผิดปกติทางเพศ) หรือว่าการที่เราเป็นทรานส์เจนเดอร์ (Transgender - ข้ามเพศ) เพื่อคอนเฟิร์มตรงนี้ก่อน"

"ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็น เราก็เป็นคนปกตินี่แหละ จากนั้นก็ต้องมีการตรวจสภาพร่างกายแนบใบรับรองแพทย์ไป แล้วก็ถ่ายรูปตัวเองงว่าตอนนี้เราหน้าตาอย่างนี้นะ แต่ที่เกรซเซอร์ไพรส์ก็คือมันเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว จากชายเป็นหญิง แล้วเค้าดำเนินเรื่องได้ง่ายมากเลย เรายื่นเอกสาร เวลาต่อมาเค้าก็โทรมา ได้แล้วนะ"

"พอวันที่เราขึ้นไปรับปกติเค้าจะต้องขานชื่อนางสาวหรือนาย แต่เค้าไม่มี คือเค้าขานเราว่า นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ วันที่เราซ้อมเราขนลุกเลยนะ เออ เค้าเข้าใจเราแม้กระทั่งว่าคำนำหน้ามันไม่สำคัญ เราได้เป็นเราโดยที่เราไม่ต้องดีไฟด์ (defind - ให้คำจำกัดความ) ว่าเราเป็นนางสาวหรือเราเป็นนายหรืออะไร"

พิธีกร : ได้ทำอะไรกับร่างกายตัวเองมั้ย อย่างเรื่องเสียง
"แต่ก่อนเกรซฉีดยาที่ซื้อผ่านออนไลน์ เทกฮอร์โมน เพิ่งมาเข้าใจสิ่งที่เราทำมันผิดมากอันตรายมากๆ ก็หยุด ไปหาแพทย์ เราเป็นอย่างนี้ช่วยเราหน่อยเค้าก็ช่วยแนะนำ เราต้องรออายุเท่าไหร่ รออะไรก่อน ตอนนั้นก็เลยสปาร์คเลยว่าความรู้เรื่องไอ้ซุชิวเอชัน (situation - สถานการณ์) เรื่องทรานส์เจนเดอร์เนี่ย ในประเทศเราน้อยมาก ไม่ค่อยมีใครพูดถึง"

"ตั้งแต่เราเรียนมา มัธยม ประถม เรามีแค่เพศชายหญิง เราอยากเป็นผู้ชายแต่ว่าไม่มีใครบอกเราก็เลยเข้าไปหาแพทย์ ซึ่งตอนนี้เกรซก็อยู่ในการดูแลของแพทย์ แล้วก็ในอนาคตต่อๆ ไป ถ้ามีโอกาจะทำอะไรก็จะมาบอกอีกที"

เผยเริ่มรู้ตัวว่าร่างกายกับจิตใจไม่สัมพันธ์กันมาตั้งแต่ป. 1
"ที่ชัดเจนที่สุดเลยเราเป็นเด็กผมยาว ยาวมาก ยาวถึงหลังเลย แล้วเกิดเหมือนแพ้ผม ผมร่วง เราก็บอกคุณแม่ว่าคุณหมอเค้าบอกให้ตัดผม ให้มันสั้นหน่อยจะได้ร่วงโดยไม่น่ากลัว พอเรียนได้ประถมสามวันเท่านั้นแหละ เราบอกแม่ไม่เอาแล้ว ตัดสกินเฮดได้มั้ย แม่ก็พาไปตัดสกินเฮด แล้ววันรุ่งขึ้นเเราก็สกินเฮดไปเรียนเลย"

"เราก็รู้ว่าใช่แล้ว มาถูกทางแล้ว ก็เริ่มคบเพื่อนผู้ชาย เพื่อนผู้ชายก็เฮ้ย ไม่ได้ๆ ให้เตะบอลไม่ได้ เย็นนั้นเราก็ป๊าป๊า ไปซูเปอร์สปอร์ตกัน ลากไปเลย อยากได้ลูกบอลแบบที่เค้าเตะในทีวี มีดาวมีอะไรแบบเนี้ย ซื้อแพงเลย ห่อของขวัญไปให้เพื่อนวันรุ่งขึ้น เพื่อนผู้ชาย"

"ตอนนั้นประมาณวันที่ 4 ที่ 5 ของการเรียน ป.1 ได้ เราก็บอกว่าเราให้ แต่เราขออย่างหนึ่ง เราขอเล่นด้วย เราชอบเป็นโกล์นะ เดี๋ยวเราเป็นโกล์ให้ เราไม่เตะก็ได้เดี๋ยวแพ้"

ทรมานสุดคือวันที่ต้องใส่กระโปรงไปร่วมงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 15
"ถ้าใครจำได้ใส่กระโปรงไปงานสุรรณหงศ์ ซึ่งวันนั้นเกรซขอทีมงานว่าเราขอใส่สูตรได้มั้ย เค้าก็บอกว่าไม่ได้ เราเล่นเป็นเด็กผู้หญิง เราต้องใส่กระโปรง ซึ่งวันนั้นเราต้องมีการเปลี่ยนชุดสองรอบ คือเกรซต้องใส่ชุดนักเรียนก่อน แล้วก็มาใส่ชุดฟอร์มอล (formal-เป็นทางการ) หน่อย กระโปรงลูกไม้สีขาว"

"วันที่เราใส่ เราอายมาก พูดตรงๆ ว่าไม่อยากไปงานด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่เล่นหนังอย่างน้อยเจอคนที่รู้จัก เค้าก็เข้าใจเรา เราเล่นเสร็จเราเปลี่ยน ก็โอเค แต่ว่าวันนั้นทรมานจริงๆ ทรมานขนาดที่ไม่อยากไป แต่ว่าเราพูดไม่ได้เพราะว่าเราเด็ก เราก็ได้แต่ว่าคิดว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็นมากกว่า"

รับตอนเด็กสับสนไม่รู้ว่าจะจัดการตรงนี้อย่างไร จึงเลือกที่จะไม่ขออยู่หน้ากล้องอีก
"ไม่ร้อง ไม่ค่อยชอบร้องไห้ เพราะว่าเราไม่ได้คิดว่ามันเศร้า แต่เราแอบคิดว่าเราผิดปกติ เราต้องหาทางแก้ เราต้องเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เราต้องพูดค่ะมั้ย เราสงสัยนะ แต่ว่าที่เราโอเวอร์คัม (over come - เอาชนะ) ได้ทุกอย่างเนี่ยเพราะเพื่อนเพราะครอบครัว เค้าไม่มายด์ที่เราจะเป็นอะไรก็ตาม"

พิธีกร - พูดค่ะมั้ย?
"ไม่พูดเลย เกรซเป็นคนพูดไม่มีหางเสียง หลังจากนั้นเริ่มที่จะมีฟีดแบกเวลาไปออกรายการหรือข่าวว่าทำไมเกรซไม่พูดค่ะ เราก็รู้แล้วแหละว่ามันต้องมีปัญหา คุณป้าหรือว่าคุณแม่หรือว่าทุกๆ คน ก็จะ เกรซอย่าลืมพูดค่ะนะ เข้าไปอย่าลืมไหว้คนนะ สวัสดีค่ะ พูดให้ลงท้ายด้วยค่ะ เราก็จะพูดแบบสวัสดี ค่ ะ เสียงมันไม่มา"

"เพราะเราไม่อยากพูด มันเหมือนฝืนมากๆ แต่ว่าพอเราเริ่มทำได้เราเริ่มชิน เราก็เริ่มรู้ว่าโอเค นี่คือสิ่งที่สังคมอยากให้เราเป็นนะ เราต้องเป็นเพราะเราอยู่หน้ากล้อง เพราะเรามีโอกาสตรงนี้ แต่ถ้าเรากลับไปบ้านเราเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอแค่ตรงนี้เราทำให้ดีที่สุด ตอนนั้นเกรซก็เลยทำตรงนั้นให้จบ แล้วเราก็หายไป เพราะว่าตอนนั้นมันรู้สึกแย่จริงๆ"

"เกรซรูัสึกว่าเราต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ ทำให้เกรซกลัวการที่จะกลับมามาก เพราะว่าถ้าเรากลับมาเราจะเป็นแบบนั้น แต่วันนี้ที่เกรซกลับมาแล้วเกรซได้เป็นแบบเกรซเนี่ย แม่ ง แบบ ที่สุดแล้วอ่ะ จริงๆ"

พิธีกร : เคยถามเพื่อนมั้ยว่าเค้ามองว่าเราอย่างไร?
"ถ้าใครได้รู้จักเกรซจริงๆ เกรซจะไม่ได้ติดเรื่องเพศอะไรเลยนะว่าเค้าจะมองเกรซเป็นอะไร หลังๆ เกรซมาถามเพื่อนว่าเมื่อก่อนเฮ้ยถ้าเห็นเราคิดยังไง เฮ้ย ไม่ได้มองเรื่องเพศแล้ว มองว่าเกรซน่ะเป็นเกรซ แล้วเราก็รู้สึกว่าคนมันเข้าใจแล้วว่า อ๋อคนเรามันไม่ได้ดีไฟนด์กันด้วยเพศ แต่ดีไฟด์กันด้วยความที่เค้าเป็นเค้าจริงๆ"

"คือเช้าที่ตื่นขึ้นมาหลังจากการรับปริญญาหลังจากที่คนมาพูดคุยกับเราบ้าง เรารู้สึกว่าที่ผานมาเราแม่งแอบ ตลอดเวลาเกรซมีปัญหาเรื่องการแอบมาโดยตลอด คือเราไม่กล้าเข้าห้องน้ำในพับบลิค สเปซ (public space-พื้นที่สาธารณะ) ในห้างอะไรอย่างนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะโอเคมั้ย"

"เราไม่กล้าพูดชัดๆ ว่าครับหรือค่ะเวลารับโทรศัพท์ เพราะกลัวเค้าจะถามว่าคุณนวรัตน์ใช่มั้ยคะ เราอยากตอบว่าครับหรือค่ะ แต่เราไม่รู้จะพูดยังไง แต่วันนี้พอเกรซได้ก้าวออกมาพูดมันอิมแพคมากๆ ยิ่งเราได้พูด ยิ่งเราได้ส่งเสียงได้สู้มากเท่าไหร่ให้กับคนเหล่านี้มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกบีลีฟ (believe - เชื่อ) บางอย่างด้วย"

มีคนรู้ใจแล้ว
"มีแฟนแล้ว จริงๆ ไม่เคยได้พูดคำนี้กับคนนั้น เราไม่ได้พูดว่าเราเป็นแฟน ก็อยู่กันแบบเป็นเพื่อน ชีวิตก็ดีมาก อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็น ทรานส์เจนเดอร์ก็คือการที่เค้าเข้าใจเราถ้าคนที่ไม่เข้าใจไม่อยากให้เราเปลี่ยนแปลงจะอยู่ด้วยกันลำบากจริงๆ"

"ที่ผ่านมาหลายๆ คนยังพูดเลยว่าเสียดายจังที่เกรซไม่เป็นผู้หญิง น่าจะสวยเนาะ เกรซก็รู้สึกว่าเสียดายแย่เลยถ้าเกรซไม่ได้เป็นแบบวันนี้ เกรซจะเสียดายมากกว่าอีกถ้าเกรซไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ซึ่งกับคนๆ นี้เค้ารู้สึกว่าเราเป็นผู้ชายหรือว่าจะใช้คำว่าเราเข้ากันได้มากกว่า ก็สบายใจมากเลย"

พิธีกร : มีบางคนที่อาจจะเป็นเช่นนี้ แต่พ่อ-แม่ไม่เข้าใจ ตรงนี้เราจะบอกเค้าอย่างไร?
"เท่าที่ศึกษามา ทรานส์เจนเดอร์ เกิน 50 % เคยคิดฆ่าตัวตายนะ เพราะรู้สึกว่าไม่คอมฟอร์ท (Comfort - สะดวกสบาย) และไม่ได้รับการซับพลอร์ต (support - สนับสนุน) เกรซคิดว่าถ้าเกรซพูดได้นะ ก็คือจะบอกว่าใช้ชีวิตต่อไป พ่อแม่ไม่เข้าใจมันมีคนเข้าใจเรา แล้วทุกคนก็พร้อมเข้าใจมากเรื่อยๆ มันต้องมีสักวันที่เข้าใจจริงๆ"
...
หมายเหตุ : เรียบเรียงบทสัมภาษณ์จากแฟนเพจ "วู้ดดี้"
กำลังโหลดความคิดเห็น