xs
xsm
sm
md
lg

เล่นเอาอึ้ง “เปิ้ล” ประกาศต่อหน้า “จูน” สมบัติมีเยอะจนหมดห่วง ตายได้แล้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เปิ้ล นาคร” ลบคำสบประมาท มีลูกมากยิ่งยากจน บอกเตรียมตัวตาย สมบัติมีเยอะจนหมดห่วง ด้านภรรยาเผยอีกฝ่ายพูดเรื่องตายตลอด เพราะอยากให้เข้มแข็ง ยืนหยัดในวันที่สามีไม่อยู่

ยังเป็นห่วงเรื่องโรคเลซี่ อาย หรือ สายตาขี้เกียจ ของ “น้องออกู๊ด” ซึ่ง “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ควงภรรยา “จูน กษมา” เผยว่า ยังต้องดูอาการอยู่เรื่อย รับอีกไม่กี่เดือนอาจต้องผ่าตัดอีก หรือไม่ก็ต้องรอไปอีก 10 ปี แต่ทุกอย่างยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี หมอให้ความมั่นใจว่าต้องหายขาด

จูน : “อีก 2 เดือนกว่าก็ไปหาหมอปกติค่ะ วัดค่าสายตาเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ฝึกปิดตาทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมงเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย ตามขั้นตอน ถามว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงมั้ย ก็ไม่มีค่ะ ใส่แว่นเขาก็มองเห็น”

เปิ้ล : “อย่างที่คุณหมอบอกมันต้องใช้เวลารักษาเป็นสิบปีเลยนะ ตรงนี้ก็ต้องดูอาการไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่เดือนอาจจะทำการผ่าตัดอีกก็ได้ หรือถ้าไม่ผ่าตัดก็อาจจะต้องรอไปจนถึง 10 ปี แต่ยังไงก็ต้องมีการผ่าตัดอีก ส่วนการมองของน้องจะยาวออกไปเรื่อยๆ เดิมทีจะยาว 250 เอาไปเอามายาว 450 แล้ว ส่วนสาเหตุก็บอกไม่ได้ครับ เหมือนคนเป็นหูด มีปาน มีนิ้ว 11 นิ้ว ซึ่งอาการของมันถ้าเราไม่รักษาไม่ดูแลมันจะยาวขึ้นไปเรื่อยๆ จาก 200 กว่า เป็น 300 จนถึง 400 กว่าแล้ว มันค่อยพัฒนายาวขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยอาจจะเป็นพันก็ได้ถ้าเราไม่ดูแล หมอก็จะให้ทำการออกกำลังกายด้วยการปิดตาข้างหนึ่งให้มันทำงาน แล้วก็ปิดตาอีกข้างให้มันทำงาน พอกล้ามเนื้อแข็งแรงหมอก็จะวินิจฉัยว่าจะผ่าตัดรึเปล่า ซึ่งผ่าอีกถ้าไม่กลับเข้าที่ก็ต้องรักษาอีก”

จูน : “เขาก็ชินกับการใส่แว่นแล้วค่ะ ตื่นขึ้นมาก็หยิบแว่นใส่เลย เหมือนคนใส่แว่นอัตโนมัติ เหมือนใส่มาหลายปี เขาจะชินแบบนั้นเลย เราก็ไม่ห่วง วิวัฒนาการตอนนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ตัดแว่นให้บางได้แล้ว แต่ก็ต้องเปลี่ยนแว่นเวลาที่ค่าตาเปลี่ยน คุณหมอก็จะนัดเช็กเรื่อยๆ อยู่แล้ว”

เปิ้ล : “คุณหมอก็มั่นใจว่าหายขาด”

จูน : “เขาก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ”

เปิ้ล : “แต่เวลาเขาถอดแว่นก็จะดูมองเบลอๆ ต้องเพ่ง เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง เพราะเขายังบอกเราไม่ได้ รอโตกว่านี้ ซึ่งผมก็คิดว่าเขอาจจะรู้สึกว่าการมองนั้นเบลอ แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งพอเวลาเขาใส่แว่นเขาก็จะมั่นใจกว่าไม่มีแว่น”

“จูน” ตกใจ “เปิ้ล” บอกสมบัติมีเยอะจนหมดห่วง ตายได้แล้ว
เปิ้ล : อยากจะบอกว่าเราโชคดีที่มี 4 คน แล้วกิจการของเรามันกำลังไปได้ดีด้วย ก็ไมได้ห่วงอะไรมาก พูดตรงๆ รู้สึกว่าตัวเองตายได้แล้ว (จูนทำท่าตกใจ) เพราะว่าทรัพย์สมบัติที่พอจะมีเลี้ยงเขาจนโตได้ แล้วก็เครื่องมือหาปลาเราสร้างบริษัทมาดากัสการ์ขึ้นมาจนจูนดูแล บริหารทุกอย่างด้วยตัวเองค่อนข้างแข็งแรง เราไม่ต้องจับปลาให้เขา เขาจับปลากินเองได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยค่อนข้างสบายใจ ที่เหลือเป็นกำไรชีวิต ถ้าจะให้บอกว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ มันกะเป็นตัวเลขไม่ได้หรอก เรารู้แต่ว่า 4 คนเราจ่ายให้ได้จนถึงโตในแต่ละปี เวลามีเงินเราก็ซื้อที่เก็บไว้ ก็โยนให้เขาไว้ในตอนโตว่าจะเอาที่ดินนั้นไปทำอะไร”

ลบคำสบประมาท มีลูกมากยิ่งยากจน
เปิ้ล : เฮงมาก เฮงนะ เพราะว่าอย่าลืมว่าลูกแต่ละคนคือแบตเตอรี่หนึ่งก้อน เมียหนึ่งคนเท่ากับแบตเตอรี่ 10 ก้อน เพราะฉะนั้นเท่ากับเราเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีแบตเตอรี่ถึง 14 ก้อน เราได้เปรียบคนอื่นนะ ตัวคนเดียวมีแบตเตอรี่ก้อนเดียวก็ต้องชาร์จแล้วชาร์จอีก เปิ้ลที่มีแบตเตอรี่เป็น 10 ก้อนอยู่ในตัว มันก็จะชาร์จพลัง จนเราอยากทำนู่นอยากทำนี่”

จูน : “คงไม่มีอีกคนแล้วค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ มดลูกยุ่ยแล้วค่ะ ตอนนี้การเรียนคือสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วที่เราต้องมอบให้แต่ละคน ตอนนี้เราเก็บตังค์แล้วก็สอน ปลูกฝังนิสัยเขา อนาคตว่ายังไงค่อยว่ากัน”

เปิ้ล : “คือ เราเรียนดีมาก็จริง แต่ก็พูดภาษาอังกฤษได้ประมาณหนึ่ง ทำไมเราไม่พูดเก่งๆ อยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ และตอนนี้มีแผนอยากให้ลูกเรียนภาษาจีนเก่งๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภาษาไทยกลับบ้านต้องพูดไทย ออก้า อยู่บ้านพูดไทยนะครับ ผมก็ส่งเรียนนานาชาติ ก็พูดไทย (หัวเราะ) ภาพหาดูยากมาก เขาไม่ยอมพูดให้ใครเห็น”

เผยเคยขอให้ลดกิจกรรมเสี่ยงตายแต่อีกฝ่ายไม่ยอม
จูน : “ขอค่ะ เคยคุยกันจริงจัง เขาบอกว่าถ้าให้เลือกภรรยากับกีฬาทางน้ำ พี่เลือกชัดเจนเลยนะว่าเลือกกีฬาทางน้ำ (หัวเราะ) เราก็ต้องทน ถามว่าจูนโอเคมั้ยก็โอเค เพราะเขาอายุขนาดนี้แล้ว จูนคิดว่าเขาคิดได้มากกว่าจูน คุยกับเขาแล้วเราก็ปล่อยเขา หน้าที่เราก็ซัปพอร์ตและดูแลเขา จริงๆ เวลาเขาแข่งจูนก็ไปด้วยทุกครั้ง มีแต่ครั้งนั้นที่ไม่ได้ไป และที่ไปจีนก็ไม่ได้ไป”

เปิ้ล : “หลังจากเกิดเหตุคราวที่แล้ว ผมกลับมาคิดและตัดสินใจว่าต่อจากนี้ไปจะตระเวนแข่งรอบโลกเลย (หัวเราะ) มันท้าทายเรา เอาจริงๆ จังหวะที่เรือคว่ำแล้วกหัวจมในน้ำถูกล็อก แล้วในหัวเรามีหน้าลูกผุดขึ้นมา เราคิดเลยว่าเราจะตายไม่ได้ ถามว่าทำไมไม่คิดจะหยุด คือ พอเราเกิดอุบัติเหตุ เราเห็นถึงสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร เราเลยรู้ว่าคราวต่อไปเราต้องไม่ทำหรือทำอะไรบ้าง”

“ผมตั้งไว้ว่าจะแข่งจนอายุ 60 ปี หลังจากนั้น ก็จะไปวิ่งมาราธอนหาเงินไปสร้างโรงพยาบาล (หัวเราะ) ในอนาคตอยากวิ่งมาราธอน เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราดูแลสุขภาพของเรา มันจะทำให้เรามีเวลาอยู่กับลูกกับภรรยาได้นานแน่นอน เรารู้ว่าเราคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงหมื่นวัน

จูนรับอีกฝ่ายพูดเรื่องตายตลอดอยากให้เข้มแข็ง ยืนหยัดในวันที่เปิ้ลไม่อยู่
จูน : “เขาพูดตลอด ให้เราเข้มแข็งเพื่อให้เรายืนให้ได้ เลี้ยงลูกให้ได้เมื่อเขาไม่อยู่”

เปิ้ล : ทุกคนต้องอยู่เพื่อเตรียมตัวตายด้วยนะ เราต้องคิดว่าถ้าพรุ่งนี้เราตาย ถ้าเราคิดแบบนั้น ในวันนี้เราจะทำทุกอย่างที่เราคิดว่าถ้าตายไปแล้วจะไม่ได้ทำ เช่น หอมแก้มภรรยา หอมลูก อยู่กับลูก ไปวิ่ง ไปขับเจ็ตสกี ไปทำบริษัทให้เติบโต ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ เพราะถ้าเรารู้สึกว่าพรุ่งนี้จะตายแล้วนะ เราจะต้องรีบทำทุกอย่างเลย เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่เจ๋งที่สุดก่อนที่เราจะไป ทุกวันของเราจะเป็นวันที่ตื่นเต้นและมีความสุขที่สุดเสมอ”




กำลังโหลดความคิดเห็น