xs
xsm
sm
md
lg

ยังมีหวังลูกหาย แม้ “น้องสกาย” ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง พบแค่ 10 ในล้าน! แม่ประกาศน้ำตาซึม นี่คือฝันร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“น้องสกาย” หลังคีโมยังมีสติ ร้องขอกินขนม “จ๋า - เบลล่า” ดอดเยี่ยม แม่เสียงสั่นอยากให้เป็นแค่ฝันร้าย เผยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง พบแค่ 10 ในล้าน คาดติดเชื้อจากอาหาร - พบปะผู้คน โอดไม่โทษใคร โร่บนบานหลวงพ่อโสธรช่วย



กลายเป็นข่าวที่ช็อกความรู้สึกแฟนๆ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว กรณีที่เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ผู้รับบทเป็น “โจ” ลูกชายใจเริง ในละครเพลิงบุญ อย่าง “น้องสกาย ธฤต ธาน” เด็กน้อยเน็ตไอดอลวัย 2 ขวบ 7 เดือน ต้องมาเจอเรื่องโชคร้าย หลังตรวจพบว่าป่วยหนักเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในกระดูกไขสันหลัง ต้องใช้วิธีเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์เผยว่าพบในเด็กเพียง 10 ใน 1 ล้านคนเท่านั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR Online ได้นัดเปิดใจคุณแม่น้องสกาย ซึ่งคุณแม่ก็เผยว่าอาการน้องเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน โดยเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ ทั้งซึม ไม่ค่อยพูด อยากนอน ไม่อยากเดิน รวมไปถึงอาการเท้าบวม เมื่อพาตัวน้องไปหาหมอ จึงต้องแอดมิดด่วน

ตอนนี้น้องอาการของน้องอยู่ในกระบวนการรักษาค่ะ ทำคีโมเป็นวันแรก เริ่มแรกอาการของน้องมาเร็วมาก ทำให้เราตั้งตัวไม่ทัน อยู่ๆ น้องก็มีอาการป่วย ไม่สบายเป็นเรื่องปกติของเด็กอยู่แล้ว แล้วน้องก็หาหมอทานยามาตามปกติ เราก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะเป็นอะไรมากไปกว่านั้น จนกระทั่งพากลับมาบ้าน ก็สังเกตเห็นว่าทำไมน้องดูซึมๆ ไม่ค่อยพูด อยากนอน ไม่ค่อยอยากเดิน คือปกติเขาจะชอบวิ่งชอบเล่น หลังจากนั้นเราก็สงสัย เลยพากลับไปหาหมอ จนเริ่มมีอาการเท้าบวม เท้าแดง ขาบวม เราก็สงสัยว่าลูกเราเป็นอะไร ไปกินอะไรผิดมาหรือเปล่า”

“พอพาไปหาคุณหมอ เล่าอาการคุณหมอก็สังเกตลักษณะของน้อง แล้วก็บอกว่าสงสัยต้องแอดมิดดูว่าอาการแบบนี้มันเกิดจากสาเหตุอะไร แรกๆ คุณหมอก็คิดว่าอาจจะเป็นอาการในส่วนของสมองซีกเล็กมีปัญหาหรือเปล่า มีอะไรไปกระทบ หรือมีก้อนเนื้อหรือเปล่า เราก็รับรู้แล้วว่ามันเกิดแบบนี้นะ แต่คือเป็นแค่การวิเคราะห์ เสร็จแล้วหลังจากนั้นพอแอดมิดที่ รพ. วันแรกก็ทำ MRI สแกนสมอง ก็ไม่พบว่าเป็นอะไร เราก็เริ่มกังวลแล้ว ในระหว่างนั้นน้องก็มีอาการท้องบวม เราก็ไม่รู้ว่ามีเชื้ออะไรอีกมั้ย จนทำ MRI อีกรอบที่กระดูกสันหลัง ทำ CT สแกน ผ่านไปประมาณ 10 นาที คุณหมอก็เดินออกมาบอกว่าน้องมีก้อนเนื้อเกาะอยู่ที่กระดูกสันหลัง”

“ตอนนั้นใช้เวลาสแกนไป 2 ชม. ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ออกมาเขาก็บอกว่าก้อนเนื้อชิ้นนี้ คุณหมอยังบอกไม่ได้ว่าเป็นก้อนเนื้ออะไร อาจจะเป็นแค่หนองที่สามารถทำลายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ทีนี้มันเริ่มลาม คุณหมอเขาก็เลยปรึกษาว่าจำเป็นต้องรักษาน้อง แต่ว่าจะยังไงดีเพราะน้องต้องเปลี่ยนรพ. เพราะที่นี่หมอเฉพาะทางไม่พร้อม ก็ด้วยความที่พ่อกับแม่ใจร้อน เพราะเห็นลูกขาบวมมาก สัมผัสได้ว่าน้องเจ็บ เราก็ตัดสินใจเลยว่าให้คุณหมอผ่าเลย เราจะได้รู้ ก็ผ่าที่ รพ. นี้เลย ผ่าเสร็จน้องก็อยู่ห้อง ICU หนึ่งคืน จากนั้นก็ย้ายมารักษาอีก รพ. หนึ่ง ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษา คุณหมอจาก รพ.พระมงกุฎก็ได้นำชิ้นเนื้อที่ผ่าตัดจาก รพ. แรกมาวิเคราะห์ ได้ผลว่า 99 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

บอกไม่รอ หลังผ่าตัดขาตอบสนองการรักษา แต่ต้องใช้เคมีบำบัด
“ทางที่ดีที่สุดในตอนนั้น คือ ทำยังไงก็ได้ รักษายังก็ได้ ให้ไม่มีผลกระทบในด้านอื่น เรื่องขา เรื่องอะไรที่น้องจะต้องเจอ ทำยังไงก็ได้ เรายอม เราไม่รอ เราทราบผลประมาณวันที่ 25 ก.ย. ช่วงเที่ยงคืน แล้วคุณหมอเขาปรึกษากัน ตี 2 เราก็ตอบตกลงที่จะผ่าตัด ตี 4 น้องเข้าห้องผ่าตัด เราทำทุกอย่าง จริงๆ คือ มันก็เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะเช้า แล้วก็ย้าย รพ. แต่เราไม่ไหว เราเป็นห่วงลูกมาก ก็เลยบอกคุณหมอว่าทำเลยค่ะ ทำยังไงก็ได้ เพราะเขาบอกว่าถ้าได้รับการผ่าตัดแล้ว ขาของน้องอาจจะดีขึ้นตามลำดับ แล้วในส่วนของตาตก ก็อาจจะดีขึ้น เพราะมันไปกดเส้นประสาทตา ก็ต้องเอาตรงนั้นก่อน พอผ่าเสร็จการตอบสนองหลังการผ่าก็เริ่มดีขึ้น น้องขยับขาได้”

“วันนั้นที่ผ่ายังไม่รู้ ส่วนขาก็เริ่มขยับจากสีแดง กลายเป็นสีปกติ ตาก็เริ่มที่จะดีขึ้น เพราะเหมือนเส้นประสาทที่เคยถูกอะไรไปทับก็เริ่มที่ดีขึ้น เลือดเริ่มเดินได้แล้ว ยังเหลือในส่วนของเนื้อที่ยังเกาะอยู่ เลือดมันเข้าไปไม่ได้ มันต้องซอกแซกเข้าไป ก็ต้องใช้เคมีบำบัดช่วย”

รับใจคอไม่ดี ถึงกับทรุดร่ำไห้เห็นสภาพลูก
“มันก็มีบ้างที่เราต้องร้องไห้ให้ลูกเราเห็น เพราะเราก็ใจคอไม่ดี แต้น้องเขาก็ไม่รู้เรื่องไง เขาก็จะถามว่าหม่าม๊าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เราฟังแล้วเราก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว คุณหมอก็ให้กำลังใจว่าคุณแม่ต้องเข้มแข็ง เราก็รู้สึกว่าใช่เราต้องเข้มแข็ง เพราะถ้าเราไปอ่อนแอ ถ้าเราอ่อนแอให้ลูกเห็น ลูกเราก็ใจไม่ดี น้องยังเด็กเขายังไม่รับรู้อะไรมากมาย แต่เราก็พยายามบอกเขาวาหนูต้องเจ็บนะลูก ถ้าหนูเจ็บแป๊บเดียว เดี๋ยวหนูก็ได้กลับบ้าน หายดี แต่เราก็ไม่ได้บอกอะไรเขามาก (เสียงสั่น) เพียงแต่ว่าให้กำลังใจเขา บอกเขาว่าให้สู้ เพราะแบบนี้เราต้องสู้ แล้วกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราเองบางทีถอดใจนะ เพราะว่าเหนื่อยมากเลย ไม่เคยเจอแบบนี้”

“การสื่อสารปกติ แต่เพียงแต่ว่าน้องนอนอยู่ที่เตียงเฉยๆ ให้น้ำเกลือนั่นนี่ เพราะว่าเด็กจะลุกไปไหนก็ไม่ได้ ส่วนเรื่องแผลผ่าตัดอยู่บริเวณด้านหลัง ประมาณกระดูกซีกที่ 7 คุณหมอยังบอกไม่ได้ว่าเป็นมะเร็งในระยะไหน แต่ว่าเราไปทำลายมันออกแล้ว แต่มันยังมีเหลือบางส่วน คุณหมอแจ้งว่าน้องเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในกระดูกไขสันหลัง เรื่องของการรักษาก็เป็นไปตามขั้นตอนของการรักษาเลย ตอนนี้ก็ให้เคมีบำบัด”

“คุณหมอบอกว่าเราต้องเจออะไรบ้าง ให้คำแนะนำว่าเราต้องเจออะไรบ้าง และต้องผ่านอะไรบ้าง เราต้องสู้ เราต้องเข้าใจ ในขั้นตอนของการรักษา อย่างน้องต้องโดนเจาะเลือดก็ต้องบอกลูกเราว่าเดี๋ยวคุณหมอจะช่วยหนู เรื่องคุณหมอให้ความมั่นใจ เรื่องแบบนี้เรายังไม่ได้คุยกัน คุยกันแค่ว่าคุณหมอจะทำการรักษาและดูอาการไป เพราะว่าโรคแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับเด็กและเด็กๆ ประมาณล้านคนจะเจอสัก 10 คน หรือล้านคนจะเจอสัก 5 คน บังเอิญมันเกิดจากตัวลูกเราไง”

บอกอาจติดเชื้อเพราะอาหารการกินและการพบปะผู้คน บอกภูมิต้านทานลูกยังไม่มี แต่ตรงนี้ก็โทษไม่ได้
คุณหมอบอกว่าเรื่องของอาหารการกิน และการพบปะผู้คน อย่างที่รู้ว่าก่อนหน้านี้น้องเป็นเด็กเน็ตไอดอล เวลาไปไหนก็จะเจอพี่ๆ ที่เขาชื่นชอบมาขอถ่ายรูป ด้วยภูมิต้านทานของเด็กไม่มี แต่เราไม่ได้โทษตรงนั้นนะ แต่ที่จะบอกคือว่าไอ้เชื้อพวกนี้มันสามารถเข้าตัวเด็กได้ อันนี้อยากให้เป็นแนวทางที่คุณพ่อคุณแม่ทุคนควรจะรู้ เรื่องอาหารการกิน เรื่องสภาพสิ่งแวดล้อม เรื่องอะไรหลายๆ อย่าง มันขึ้นอยู่กับว่ามันจะเกิดขึ้นกับเด็กแบบไหน”

“ถามว่าเสียใจมั้ยก็ต้องเสียใจ เพราะเราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แรกๆ เรารับไม่ได้อยู่แล้ว เพราะลูกเราก็เพิ่งอายุแค่ 2 ขวบ 7 เดือนเอง เรามีความมั่นใจว่าลูกเราจะต้องหาย มันเหมือนกันว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะไปถึงจุดมุ่งหมาย เราก็ต้องไปให้ได้ เช่นเดียวกับเรื่องของการรักษาลูกเรา เราจะต้องให้ลูกเราผ่านการรักษาตรงนี้ให้ได้ ต่อให้เสียอะไรเท่าไหร่ก็ต้องยอม”

บอกสกายต้องสู้ ถึงจะเจ็บแต่หนูต้องทน
“กำลังใจน้องดีมากเลย อย่างเวลาเราบอกว่าน้องสกายต้องสู้นะ แม่กับป๊าจะสู้ไปกับหนู เขาก็จะพยักหน้า หรือเวลาเราถามว่าเขาว่าเจ็บมั้ย เขาก็จะบอกเราว่าเจ็บ แล้วเราบอกว่าหนูทนได้ใช่มั้ย เขาก็จะตอบกลับว่าทน เขาจะคอยตอบสนองเรา อย่างในไอจีในเพจ หรือช่องทางต่างๆ มีคนมาให้กำลังใจเยอะมากเลย มีบางคนโทร.มาถาม หรืออินบ็อกซ์มาถาม อันไหนเราตอบได้ เราก็ตอบ อันไหนเราตอบไม่ได้ เราก็ขอไม่ตอบ เราไม่ได้ปิดบังว่าลูกเราเป็นอะไร เพียงแต่ว่าเรายังไม่รู้ ไม่รู้สาเหตุ และเรายังไม่มีเวลาที่จะตอบ”

“ที่ตอบไปที่เห็นแชร์กัน เป็นเพราะว่าความห่วงใยของแฟนคลับ เหมือนเขารักลูกเรา เหมือนที่เรารักลูก ห่วงใยลูกเรา รู้สึกดีกับลูกเรา อยากรู้ว่าลูกเราเป็นอะไร เขาก็จะถามว่าทำไมน้องถึงเขาโรงพยาบาลนาน ทำไมน้องไม่หาย ทั้งที่น้องไม่เคยเป็น เราไม่ตอบซะที จนเรารู้ความจริงแล้ว รู้ว่าลูกเราเป็นอะไร เราถึงตอบ พอเราตอบไป คำตอบอันนั้นแหละที่ทำให้มีคนเข้ามาให้กำลังใจลูกเรา เราก็คอยบอกลูกเราว่าแฟนคลับหนูให้กำลังใจหนูนะลูก”

“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดกังวลอะไร เหมือนมันยังคิดอะไรไม่ออก แต่ถ้าถามว่าเวลาเราอยู่คนเดียว เรารู้สึกยังไง คือในเรื่องของการดูแล เราดูแลลูกดีในระดับหนึ่งเลย แต่อาจจะเป็นบางทีเราอาจจะไม่เต็มร้อย แต่ในเรื่องของความอบอุ่นเราให้เขาเต็มร้อยเลย แต่น้องกายเป็นเด็กที่รู้เรื่อง เวลาเราบอกอะไรเขาก็จะฟัง ซึ่งถ้าเป็นเด็กคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกันอาจจะคอนโทรลไม่ได้เท่ากับน้องกาย แม่รู้สึกแบบนั้นนะ”

“การวางแผนหลังจากนี้ก็ยังไม่ได้คิด แค่วันนี้คิดว่าดูแลน้องให้ดีที่สุดในวันนี้ก่อน ในส่วนของเรื่องงานยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง และบังเอิญว่าน้องยังไม่เข้าโรงเรียนก็เลยโล่งใจตรงนี้ไปหน่อย แต่อาจจะล่าช้าไปกว่าเพื่อนนิดหนึ่ง”

ถึงจะหมดเป็นล้านแต่จะไม่ถอดใจ สู้ตายเรื่องค่ารักษา
“ก็ค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัดไปแล้วก็รวมๆ แล้วเกือบล้าน และต่อไปก็จะมีค่าใช้จ่ายมาเพิ่มในส่วนที่ต้องรักษา การให้คีโม หรืออนาคตในส่วนการให้สเต็มเซลล์ในการมาฟื้นฟูให้กับเซลล์ในร่างกาย แต่อันนี้ยังไม่แน่ใจว่าต้องใช้หรือเปล่า หรือบางครั้งก้อนเนื้อก้อนนี้อาจตะตอบสนองกับตัวยาที่ให้ไปได้เร็ว และน้องหายเร็ว หรือบางครั้งอาจจะหายไม่เร็ว มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราก็แค่มีส่วนที่ต้องเตรียมพร้อมกับมัน ต่อให้ต้องหาเงินมากแค่ไหน เราก็ต้องทำ เพื่อให้ลูกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้กับมาร่าเริง น่ารักเหมือนเดิม มันจะกระจายมั้ย คือยังไม่รู้ เพราะการให้เคมีบำบัดไป มันอาจจะไปสกัดกั้นการกระจายเหล่านั้นก็เป็นได้”

เผยอยากให้เป็นแค่ฝันร้าย เปิดใจหวั่นลูกหายขาดแล้วต้องเข้าสังคม ไม่อยากให้คนมาทักว่าเป็นโรคมะเร็ง
“เปอร์เซ็นต์รักษาให้หายขาดก็มีนะ ก็กลับไปใช้ชีวิตประจำ กลับไปเป็นเด็กปกติเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เด็กที่มารักษาเขาอาจจะไม่ใช่เหมือนน้องกาย เพราะน้องกายเป็นเด็กที่ทุกคนรู้จัก และเป็นห่วงเรื่องที่ลูกอาการหายแล้ว และพอลูกโตขึ้น เข้าสังคม เข้าโรงเรียนเจอคน อาจจะมีคนทักว่าเคยเป็นโรคนี้ ก็กลัวเรื่องนี้ และอยากให้มันเป็นฝันร้ายของลูกที่ พอตื่นมาแล้วก็เหมือนเดิม”

“ฝันร้ายที่พูดหมายถึงตอนนี้น้องรับรู้อะไร เพราะน้องยังเด็ก แต่ถ้าน้องโต แล้วได้กลับไปอ่านข่าวในโซเชียลแล้วเจอว่าเป็นมะเร็ง กระแสสังคม ส่วนในข้อดีคือกำลังใจที่มีคนติดตาม หมอเขาแนะนำมาว่าอยากให้น้องตื่นมาแล้วเรื่องนี้มันกลายเป็นแค่ฝันร้าย เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพราะความคิดของคนเราไม่เหมือนกัน แต่เราก็รู้สึกดีนะได้รับกำลังใจ เพราะอาจจะเป็นข้อดีกว่าเด็กคนอื่นที่เป็นโรคเดียวกัน แต่ไม่รับกำลังใจขนาดนี้”

“วันหนึ่งถ้าน้องดีขึ้นแล้ว เราก็ต้องบอกอยู่แล้ว แต่ก็อยากจะบอกให้เป็นแค่ฝันร้ายของลูกไป มันเป็นอุปสรรคหรือเป็นวิกฤตที่เราผ่านมาแล้ว ไม่ต้องไปจำ แต่คือปัจจุบันเราก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ”

“คุณพ่อเขาคิดถึงผลกระทบในอนาคตของลูก เขาซีเรียสมากเกี่ยวกับคำพูดของคนอีก อยากให้การใช้ชีวิตของลูกเหมือนคนปกติทั่วไป ก็วางแผนไว้ว่าจะอธิบายให้ลูกฟังตามความเป็นจริง ณ วันนี้ผลกระทบรอบข้างยังไม่มีค่ะ มีแต่การให้กำลังใจ คือคนเราถ้ามันมัวแต่ไปคิดในเรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจ มันก็ไม่มีความสุข เราต้องมองโลกในแง่ดี”

ยินดีรับความช่วยเหลือ บอกจะเก็บสะสมไว้รักษาตัวลูก
“อันนี้ต้องขอบคุณมากๆ เลย เขาอยากร่วมทำบุญ ซึ่งเราไม่คิดมาก่อนว่าจะเยอะขนาดนี้ บางคนก็บอกว่าถึงเงินที่ช่วยมา มันอาจจะไม่เยอะแต่ให้เราเก็บสะสมไว้เป็นค่ารักษาน้องไว้ เขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งให้น้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราไม่ได้ปิดกั้น เราก็เกรงใจเขา และเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้า ค่าใช้จ่ายจะเยอะแค่ไหน คือทุกคนก็อยากให้ลูกเราหาย เราไม่รู้ว่าการรักษาครั้งนี้มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร เขามีน้ำใจที่จะยื่นมือเจ้ามาช่วย เรายินดีที่จะรับไว้ เพื่อที่จะช่วยทำให้น้องหายได้ ซึ่งเราก็ไม่ให้คนมองว่าเราพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแต่อย่างใด”

จะสู้ไปพร้อมลูก รับแอบบนหลวงพ่อโสธร
“มันก็ต้องแว้บหนึ่งเข้ามาว่าทำไมต้องเป็นลูกเรา เพราะลูกเราไม่เคยเจออาการแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็เคยคิดว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าในเมื่อมันเกิดแล้ว เราก็ต้องสู้ไปพร้อมลูก ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ใครไม่เคยสถานการณ์แบบนี้ ไม่เข้าใจหรอก และตัวเราเองก็จะไม่รู้ว่าเราเข้มแข็งมาแค่ไหน ก็มีไปบนบ้าง มีไปไหว้หลวงพ่อโสธร คุณตาคุณยายก็ไปไหว้ ไปดูดวงให้ แต่ยังไม่รู้รายละเอียดนะ เราก็ต้องเชื่อทุกอย่างทั้งเรื่องการรักษา โชคชะตาชีวิต”

แฮปปี้ “จ๋า ยศสินี - เบลล่า ราณี” มาเยี่ยม ขอบคุณที่ให้กำลังใจน้อง เผยลูกชายแอบอ้อนจะกินน้ำกินขนม
“เขาได้ดู อย่างเวลาที่น้องเขาไปไหนมาไหน เวลาเจอแฟนคลับแล้วมีคนถามว่าน้องชื่ออะไร เขาก็จะบอกว่าหนูชื่อสกาย พี่เลี้ยงก็จะถามเขาว่าหนูแสดงละครเรื่องอะไรบอกพี่เขาไป น้องก็จะบอกว่าเพลิงบุญ เป็นลูกของใคร เขาก็จะบอกว่าเจนี่ พี่ป้อง ตอนที่ละครเขามาก่อนหน้าที่จะเข้าโรงพยาบาล เขาดูละคร เขาก็จะชี้นี่พี่ป้อง เขาก็จะติดพี่ป้องกับพี่เบลล่ามากกว่า เพราะเขาจะได้เข้าฉากกับพี่ป้องกับพี่เบลล่ามากกว่า เขาเห็นพี่เบลล่า ก็จะบอกแม่พิม เบลล่า กับพี่เจนี่ ที่เล่นเป็นใจเริง เจอกันไม่บ่อย เขาเป็นขวัญใจทุกคนแต่เขาจะตกใจเพราะว่าคนเยอะมาก แต่พอเขาเริ่มไปใกล้ชิด เขาก็สนิทสนม ร่วมงานด้วยกันได้ ในช่วงหลังๆ เพราะช่วงแรกๆ ยังไม่คุ้นเคย”

“วันนี้พี่จ๋า (ยศสินี ณ นคร) กับ เบลล่าไปเยี่ยมน้อง เบลล่าก็มีไปป้อนขนม ก็รู้สึกดีที่เขามาให้กำลังใจน้อง เพราะน้องเขาก็จำเบลล่าได้ พอวันนี้เจอกันก็มีอ้อน จะกินน้ำ กินขนม”











กำลังโหลดความคิดเห็น