พร้อมๆ กับข่าวการเปิดตัวพระเอก “สมาร์ท-กฤษฎา พรเวโรจน์” ที่ข้ามช่องมาประเดิมละครให้กับช่อง 8 ในละคร “ดงผู้ดี” โดยฝีมือของผู้จัด “ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ก็คือข่าวการปลด “เติ้ล-ธนพล นิ่มทัยสุข” พ้นจากบทพระเอกจากเรื่องเดียวกัน โดยผู้บริหารช่อง 8 ”ดร. โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง” ระบุสาเหตุเพียงสั้นๆ แค่ว่าเติ้ลมีเหตุผลส่วนตัว ที่ยังไม่พร้อมที่จะแสดงละครเรื่องดังกล่าว ในช่วงที่ละครต้องเปิดกล้องถ่ายทำ จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัวแสดง
ถัดมาเพียงสัปดาห์เดียว ก็มีข่าวเติ้ลถูกดำเนินคดีในข้อหาขโมยไฟหลวงใช้ ในพื้นที่ของ “ลุงเล็ก” ใน จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เจ้าตัวเช่าไว้ เพื่อทำธุรกิจคาร์แคร์ชื่อ “ทรี มังกี้” ภายหลังที่มีการตรวจสอบพบว่าคาร์แคร์แห่งนี้มีการต่อไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์ ซึ่งถือว่ามีความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา โดยในประมวลกฎหมายอาญา หมวด 1 ความผิดฐานลักทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์ มาตรา 334 ระบุเอาไว้ว่า...ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวม อยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท แม้ว่าในภายหลังจะมีการชำระเงินจำนวน 2 แสนบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม ทว่าในเรื่องของเรื่องคดีอาญา ก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากการลักลอบใช้ไฟหลวงในพื้นที่ธุรกิจของตัวเอง ที่ตอนนี้เป็นเหมือนคาร์แคร์ร้างแล้วนั้น ยังมีลักลอบใช้ไฟในส่วนของพื้นที่อาศัยของตัวเอง ที่บ้านเลขที่ 34/36 หมู่ 10 ต.ลาดสวาย อ. ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี แต่ว่าใช้ชื่อเจ้าของหม้อไฟเป็นคนอื่น ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มฮาร์เล่ย์ โดยมีการสั่งปรับโทษฐานละเมิดไปเมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2559 เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ส่วนจะมีมูลความจริงหรือไม่ ? อย่างไร ? นั้น คงต้องรอคำชี้แจงจากตัวเองอีกครั้ง
แหล่งข่าวคนเดียวกัน ยังให้ข้อมูลต่อมาอีกเกี่ยวกับคดีค้ารถเถื่อนของเติ้ล ซึ่งพระเอกหนุ่มได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า
"มาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ชนะแบบไร้มลทิน"
ข้อความดังกล่าว ดูเหมือนจะค้านกับข้อมูลที่ได้รับการยืนยันว่า คดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด เพราะมีการยื่นเรื่องฎีกาไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ศาลธัญญบุรี โดยยื่นฟ้องพระเอกหนุ่มเป็นจำเลยที่ 1 และเจ้าของเต๊นท์รถเป็นจำเลยที่สอง ซึ่งคาดว่าฝั่งของเติ้ล น่าจะได้รับเอกสารในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
สืบสาวราวเรื่องต่อไป ก็พบว่าคู่กรณีที่มีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับเรื่องค้ารถเถื่อนนั้น เป็นภรรยาของนักการเมืองท้องถิ่นที่จังหวัดแถบชายทะเล ซึ่งก่อนหน้านั้นเติ้ลกับครอบครัวนี้มีความสนิทสนมชิดเชื้อกันเป็นอย่าง ตั้งแต่เมื่อปี 2555เริ่มจากการว่าจ้างติดต่อให้มาร่วมงานโชว์ตัว จนคุ้นเคยกัน และให้ความเอ็นดูเสมือนหนึ่งเป็นลูกบุญธรรม ขนาดที่เรียกนักการเมืองท่านนั้นว่า “ป๋า” และยังเตรียมการจะผลักดันให้ลงสนามการเมือง ถึงขั้นที่มีการตระเตรียมในเรื่องของคุณสมบัติในการลงสมัครแล้ว
จากความสนิทสนม นำพามาซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจ มีการร่วมลงทุนในเรื่องการทำธุรกิจ แต่ก็ประสบปัญหาขาดทุน ซึ่งก็มีการฟ้องร้องกันเกี่ยวกับคดีฉ้อโกง นั่นก็คดีหนึ่ง ส่วนเรื่องคดีรถเถื่อนที่ยังต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลนั้น ก็เป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่า ก่อนจะเป็นคดีความนั้น คู่กรณีฝ่ายหญิงมีการพยายามจะจบเรื่องแบบง่ายๆ โดยการ “เอารถคืนไป เอาเงินคืนมา” แต่เติ้ลและทีมทนายปฏิเสธที่จะรับเงื่อนไขนั้น
ก่อนที่จะมีคดีความกันจนทำให้มองหน้ากันไม่ติดนั้น ในช่วงที่ความสัมพันธ์ยังดำเนินไปด้วยดี ครอบครัวของนักการเมืองจะต้องคอยรับหน้าเสื่อในการเจรจาเคลียร์คดีความต่างๆ ของเติ้ล เพื่อให้ทุกอย่างจบลงอย่างราบรื่น พูดง่ายๆ ว่ามีหมายศาลส่งมาที่บ้านตลอด แม้กระทั่งเรื่องของการเช่าที่ “ลุงเล็ก” ที่เปิดเป็นธุรกิจคาร์แคร์ ซึ่งมีการค้างชำระค่าเช่า จนเกือบถูกบอกเลิกสัญญา คู่กรณีฝ่ายหญิงก็เป็นคนเข้าไปเจรจา จนลุงเล็กยอมเซ็นสัญญาต่ออีกเป็นระยะเวลายาวนานถึง 15 ปี แต่ก็ดันมามีปัญหาเรื่องฉ้อโกงไฟหลวงอีก ก็เป็นไปได้ว่า สัญญาอาจจะกลายเป็นโมฆะ
และถ้าจะย้อนหลังกลับไปจริงๆ ก็พบว่าเมื่อ 2 ปี ก่อนหน้านี้ เติ้ลก็เคยมีข่าวพัวพันกับคดีรถเถื่อนของ “แอน มิตรชัย” ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ภายหลังจากที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ทำการตรวจค้นรถตู้โตโยต้า เวลไฟร์ ป้ายแดง ณ 6601 กทม. ที่หน้าหมู่บ้านโฮมออนกรีน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่ารถคันนี้มีการครอบครองไม่ถูกต้อง ซึ่งทางผู้จัดการส่วนตัวของแอนอ้างว่าเป็นรถของแฟนคลับที่นำมาให้ใช้และไม่ทราบว่าเป็นรถผิดกฎหมาย
และในช่วงเดียวกันนั้นเอง ก็มีภรรยาของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ได้ออกมาให้เบาะแสว่า รถคันดังกล่าวมีหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเต๊นท์รถมือสองย่านพระราม 2 และเป็นภรรยาของพระเอกชื่อดังนำมาขายให้ ซึ่งตนเองก็เคยถูกหลอกในลักษณะเดียวกันมาก่อน ซึ่งในตอนนั้น เติ้ลยืนยันว่าไม่เคยดำเนินดำเนินธุรกิจเต็นท์รถ และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการค้าขายรถเถื่อน และดำเนินการฟ้องกลับคู่กรณีที่เป็นภรรยานักการเมืองท้องถิ่นคนดังกล่าว เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ แต่เรื่องก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะยังคงจะต้องไปต่อสู้กันอีกในชั้นศาลฎีกาตามที่เกริ่นมาข้างต้น
ส่วนจะเกี่ยวกับที่โดนปลดจากบทพระเอก “ดงผู้ดี” หรือเปล่านั้น ? อันนี้ไม่รู้จริงๆ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 411 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2560