xs
xsm
sm
md
lg

แม่นเวอร์ “ซ้อ 7” จัดหนักตั้งแต่ปี 53 แฉ “เอมี่” พัวพันยาเสพติด !!???

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


..... แม่ไม่มา แต่ตำรวจมา .....

คดีที่นางเอกสาว "เอมี่-อาเมเรีย จาคอป" ถูกตำรวจ 191 บุกจับกุมคาบ้านพักย่านสุขาภิบาล 5 ขณะเสพยาไอซ์ในบ้านพัก โดยมีของกลางเป็นยาไอซ์ 70 กรัม และยาอี 16 เม็ด นับเป็นอีกหนึ่งในกรณีศึกษาของเหล่าดารา นักแสดง นักร้อง และศิลปินในวงการบันเทิง ที่ต้องมาดับอนาคตตัวเองเพราะไปพัวพันกับยาเสพติด
จะโดยตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามที !!!
เพราะสังเกตว่าทุกครั้งที่ดาราโดนจับข้อหาพัวพันกับยาเสพติด มักจะโยนความผิดไปที่เพื่อนบ้าง แฟนบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมนำมาซึ่งความล่มสลายในหน้าที่การงาน แต่วงการบันเทิงก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป เพราะหากพิสูจน์ตัวเองได้ว่า สามารถกลับตัวกลับใจได้จริงๆ ก็ยังได้รับโอกาสในการกลับมามีผลงานอีกครั้ง เหมือนดังเช่นดารา นักร้องหลายคน ที่เคยได้รับมาแล้ว แต่ถ้าทำผิดซ้ำ ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องหรือถามหาโอกาสจากใคร

กรณีของเอมี่ ต้องบอกว่าน่าเสียดาย เพราะต้นทุนในชีวิต ต้นทุนทางสังคมมีมากกว่าคนอื่นๆ อีกมากมาย มีพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาที่เป็นทรัพย์ มีครบทั้งครอบครัวที่อบอุ่น เพียงแต่เลือกเดินทางผิด คือต่อให้ไม่รู้จริงๆ ว่าแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหากันเป็นพ่อค้ายา แต่การพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวน และสังคมอโคจรแบบนั้น ก็ถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงมากพอแล้ว อย่างที่โบราณว่าไว้ยังคงใช้ได้จริงในทุกยุคสมัย....คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล.....

แต่จะเสียคนเพราะตัวเอง หรือเสียคนเพราะคนอื่น สุดท้ายเมื่อหลักฐานคาหนังคาเขาแบบนี้ อย่างไรเสียก็คงปฏิเสธบทลงโทษทางกฏหมายไม่ได้อยู่ดี

และยิ่งเมื่อสืบสาวราวเรื่องกันต่อไป พบว่าเอมี่น่าจะมีพฤติกรรมในลักษณะนี้นานแล้ว เพียงแต่ยังไม่โดนรวบจับแบบหลักฐานคามืออย่างนี้ เพราะย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2553 ก็ปรากฏว่ามีบทความของ “ซ้อเจ็ด” ที่พูดถึงนางเอกสาวลูกครึ่ง ที่พัวพันกับยาเสพติด ความว่า

….. อีกรายที่ต้องขอพูดถึงซะหน่อย ก็คือ “นางเอกลูกครึ่ง” ส่วนจะ “ครึ่งลิง” หรือครึ่งอะไร ก็ลองไปเดากันเอาเองก็แล้วกัน ก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวว่า มั่วยาเล็ดลอดออกมาแล้วครั้งหนึ่ง จนนางเอกลูกครึ่งต้องออกตอแหลร้องไห้ขี้มูกโป่งว่าไม่จริ๊งไม่จริงค่ะ พร้อมกับเอ่ยปากจะลาวงการ เพราะเสียใจกับเรื่องนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเห็นตะแร๊ดแต๊ดแต๋อยู่หน้าจอ

กระทั่งเกิดเหตุวิกฤตกับชีวิตโน่นแหละ นางเอกลูกครึ่งถึงได้เบรกงานในวงการไปชั่วคราว พอกลับมาอีกที นึกว่าจะกลับตัวกลับใจ ที่ไหนได้นางเอกลูกครึ่งยังคงเดินหน้าเล่นยาต่อไป แถมคราวนี้ไต่ระดับไปเป็นผู้ขายอีกต่างหาก

ใครไม่เชื่อลองไปสิงสถิตอยู่แถวๆ หอพักดังย่านมหาวิทยาลัยศิวิไลซ์ดูได้ หอพักที่ว่านี้จัดว่า เป็นหอพักที่หรูติดอันดับในย่านนั้นเลยทีเดียว แล้วก็จัดว่ามั่วติดอันดับเช่นกันเพราะเจ้าของเป็นผู้มีอิทธิพล นางเอกลูกครึ่งก็มักจะไปมั่วสุมอยู่ที่นั่นเช่นกัน โดยจะจับกลุ่มกับแก๊งเพื่อนไฮโซไปปาร์ตี้ยาเป็นประจำ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นยาหน้าใส ยิ่งเล่นยิ่งหน้าเด้ง นางเอกลูกครึ่งกับแก๊งไฮโซก็เลยหน้าโง่เล่นกันเป็นประจำ

ล่าสุด นางเอกลูกครึ่ง ก็หอบเอายาไปปล่อยถึง 20 กิโล ทำเอาเหล่านักศึกษาขี้ยาทั้งหลายมั่วยากันอย่างเมามัน เรื่องมันก็เลยกระฉ่อนไปทั่ว และเป็นที่รู้กันดีในหมู่ขี้ยา ว่าถ้าอยากได้ยาไปเสพต้องมาที่หอพักแห่งนี้ เพราะคุณนางเอกลูกครึ่งเค้าหอบมาทำชั่วเป็นกระตั้ก

ก็มั่วยาซะขนาดนี้ นางเอกลูกครึ่งก็เลยทรุดโทรมลงไปทุกวัน “คุณป้าอาราเล่ทรงผมหน้าม้า” เรียกเข้าไปดูตัว เพื่อจะให้เล่นละครเรื่องใหม่ถึงกับตกใจร้องจ๊าก ตัดสินใจปลดออกจากละครเรื่องใหม่ทันที ไอ้ที่ออกข่าวว่าอ้วนบ้าง ไม่พร้อมบ้าง มันสะตอทั้งน้านนน ขืนยังไม่ปรับปรุงตัว ชีวิตคงจบเห่ เคยได้ยินมะ “คนซื้อตาย คนขายติดคุก” นี่แม่มทั้งกินทั้งขาย อนาคตถ้าไม่นอนในโลง ก็คงนอนในคุกล่ะว้า...
แหละข้อมูลที่ว่า ก็สอดคล้องกับการที่ช่อง 7 ไม่ต่อสัญญากับเอมี่ ทั้งที่เธอสร้างชื่อไว้ได้อย่างมากมายจากผลงานละคร “ธิดาวานร” ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอันใดที่ช่องจะไม่ต่อสัญญากับดาราที่ทำผลงานได้ดีแบบนี้

ที่บอกว่าน่าเสียดาย เพราะเอมี่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง โดยการที่บริษัท บรอดคาซท์ ของช่อง 3 ตัดสินใจเลือกให้มาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด

ทว่าก็เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากที่เซ็นสัญญากันไปตั้งแต่ปี 2557 เอมี่กลับมีผลงานแสดงของบรอดคาซท์เพียงแค่ละครซิรี่ส์ “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” กับ “The Cupid บริษัทรักอุตลุด” ทั้งๆ ที่บรอดคาซท์ผลิตละครให้ช่อง 3 มากมายตั้งหลายเรื่อง ขนาดนักแสดงที่ไมได้เซ็นสัญญากับช่อง อย่าง “เชียร์-ฑิฆัมพร” ยังป้อนบทนางเอกให้ในตอน “ซ่อนรักกามเทพ” แต่เด็กในสังกัดแท้ๆ อย่างเอมี่ได้เป็นเพียงนักแสดงรับเชิญ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าขบคิดมาก ว่าน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ในกอไผ่ มากกว่าเหตุผลที่ “พี่หน่อง-อรุโณชา” อ้างว่าเป็นเรื่องของคาแรกเตอร์ที่เหมาะสม แต่ก็เข้าใจว่าระดับพี่หน่องเอง จะมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะให้ร้ายเด็กก็เป็นเรื่องไม่ควร ทั้งที่ความจริง น่าจะพอรู้อะไรต่อมิอะไรดีอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ทิ้งขว้างให้ว่างละครนานแบบนี้

จริงๆ เรื่องแบบนี้มันปิดกันไม่มิดอยู่แล้ว เพียงแต่ใครเลือกที่จะพูดหรือไม่ถูกมากกว่า ดูอย่างเมื่อ 4 เดือนก่อน นักข่าวบันเทิงจอมแฉ อย่าง “เต๋า ทีวีพูล” ก็เคยบอกใบ้เป็นนัยๆ แล้วว่ามีดาราหลายคนที่อยู่ในเครือข่ายพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ และหนึ่งในนั้นก็คือนางเอก อ. ซึ่งวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าหมายถึงเอมี่นั่นเอง

ถ้านับจากที่ซ้อ 7 เขียนไว้เมื่อ 7 ปีก่อน มาจนถึงเต๋า ทีวีพูลมาแฉซ้ำเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว นั่นหมายถึงว่าระยะเวลาไม่ได้ช่วยเยียวยาให้ชีวิตของเอมี่หลุดพ้นจากวังวนของยาเสพติดเลย

เรื่องแบบนี้จะโทษสังคม โทษคนรอบข้างอย่างเดียวคงไมได้ คงต้องบอกว่าตัวเองนั่นแหละสำคัญที่สุด ว่าจะเลือกดำเนินชีวิตไปทางไหน เมื่อย่อหน้าก่อนพูดถึงเชียร์-ฑิฆัมพร ต้องบอกว่าเส้นทางในวงการบันเทิงของทั้งคู่ต่างกันลิบลับ ทั้งที่เริ่มต้นมาเหมือนๆ กันจากเวทีมิส ทีนไทยแลนด์

คนหนึ่งยังคงจรัสแสง ส่วนอีกคนกำลังวูบดับ

และอีกเรื่องที่พึงสะท้อนจากกรณีของเอมี่ ก็คือกระบวนการในการคัดสรร หรือเลือกเฟ้นบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้มารับรางวัลอันทรงเกียรติ ในฐานะที่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม ไม่ว่าว่าตั้งชื่อรางวัลไว้หรูหราเวอร์วังอย่างไรก็ตาม แต่การที่ไม่ตรวจเช็คประวัติคนที่จะมารับรางวัลให้ถ้วนถี่ หรือการที่นำรางวัลออกมาเร่ขายอย่างเอกเกริก เป็นล่ำเป็นสัน ท้ายที่สุดก็จะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรางวัลนั้นๆ เอง นานวันเข้าบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ดีงาม คู่ควรกับรางวัลนั้นๆ จริงๆ ก็คงไม่มีใครกล้ารับ เพราะเกรงจะถูกเหมารวมว่าซื้อรางวัลให้ตัวเอง

การกระทำแบบนี้ จะนำพามาซึ่งความเสื่อมเสียทั้งวงการ !!!

ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 410 23-29 กันยายน 2560
กำลังโหลดความคิดเห็น