xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "กรุง" สามี "สาวมาด" หลังถูกตราหน้าเลวทิ้งเมียพิการ! น้ำตาคลอหวนอดีตขอข้าววัดให้อดีตภรรยากิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิดหนังชีวิต “กรุง สุขสันต์” ถูกตราหน้าว่าเลว น้ำตาคลอคิดถึงความหลัง เคยบากหน้าขอข้าววัดให้ “สาวมาด” โดนไล่ออกจากบ้าน มีเงินติดตัวแค่ 600 บาท รับมีหญิงอื่นแต่ไม่ได้เลี้ยงดู เผยถูกใส่ร้ายขู่ฆ่า กร้าวตนยังมีมือมีตีน อย่าบีบให้จนตรอก ลำบากแค่ไหนไม่เคยพาเมียไปขอทาน เผยเหตุการณ์สุดเหลือเชื่อทุกข์มากถึงขนาดวางแผนผูกคอตายแต่รอดเพราะเห็นพญานาคบนหลังคา บอกมึงไม่ต้องรีบตาย ครวญเพลงสุดท้ายฝากถึงเมีย ก้มหน้าร่ำไห้สุดสะเทือนใจ

ราวปลายเดือนพ.ค. ลูกทุ่งดัง “สาวมาด เมกกะแดนซ์” หรือ “ภัทรชล ชมวงค์” ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตา เผยว่าถูกสามี “กรุง สุขสันต์” ทอดทิ้งไปมีผู้หญิงใหม่ พร้อมภาพการใช้ชีวิตในห้องเช่าสุดอนาถา ซึ่งเป็นภาพที่สุดรันทด จนประชาชนพร้อมใจสาปส่งผัวสาวมาด ต่อมากรุงก็ได้แถลงโต้ว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก่อนรับสาวมาดถูกทอมคอยเสี้ยมยุยงอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากตนมุ่งมั่นสร้างหนัง “อีปึก อัศจรรย์วันแห่งศรัทธา” ทำให้ไม่มีเวลากลับบ้าน ต่อมาตัวสาวมาดก็ออกมาสารภาพว่ากุเรื่องดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ เพราะน้อยใจสามี และหวังว่าจะเป็นการช่วยโปรโมตหนังอีปึกจนถูกสังคมตราหน้าเป็นคนลวงโลก

ไม่นานหลังจากนั้น สาวมาดก็ออกมาแฉสามีอีกครั้งด้วยอาการน้ำตานองหมือนเดิม ยืนยันว่าถูกกรุงทอดทิ้งหนีไปแต่งงานกับเมียน้อย ทิ้งหนี้ก้อนโตให้ต้องรับผิดชอบถึง 7 แสน บ้านกำลังจะถูกยึด ชีวิตตกต่ำ ก่อนยันว่าสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่โกหกแน่นอน เพราะเป็นคนรักษาศีล 5

ล่าสุดผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR Online สายตรงขอนัดเปิดใจกรุง สุขสันต์ เพื่อให้เจ้าตัวได้ชี้แจงความจริงอีกด้าน ซึ่งกรุงก็ยอมรับว่าจริงๆ ตนไม่อยากออกมาตอบโต้อีกแล้ว ย้ำตอนนี้ไม่มีหนี้จากหนัง มีแค่หนี้บ้าน ซึ่งตนจ่ายค่างวดเป็นรายปีไม่เคยขาด สารภาพเรื่องผู้หญิงมีจริง แต่เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย

เรื่องอีปึกไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะเข้าฉายภาคเดียวคือภาคอีสาน กำลังเตรียมตัดต่อเข้าภาคอื่น ฉายไปตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. ฉายได้ประมาณ 6 วัน ส่วนมากหนังไทยก็ประมาณนี้ แล้วออกจากโรง ฉายทุกโรงภาคอีสาน เมเจอร์ก็มี รายได้ไม่ต้องพูดถึง ถล่มทลาย (หัวเราะ)”

ที่บอกว่ามีรายได้แค่ 2 หมื่นก็ไม่ใช่ โอ้โห หนังที่ไหนได้ 2 หมื่น (หัวเราะ) ได้เยอะอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงหลักเจ็ด ลงทุนไปหลักเจ็ดเหมือนกัน ลงทุนไปหลายล้าน แต่ได้มาหลักแสน ตอนนี้อยู่ที่ผมคิดว่าจะเอาไปลงเป็นโรงๆ ตามภาคต่างๆ ที่กระแสมา คือออกเร็วจนคนไม่รู้ หนังออกโรงมาคนยังถามอยู่เลยว่าหนังเข้าโรงหรือยัง เพราะเราไมได้โปรโมตเต็มที่ ตังค์เราก็น้อย ก็ตามงบประมาณ เพราะตังค์ไม่ค่อยมี ที่ทำๆ ก็ถูไถกันไป กว่าจะจบเรื่องได้”

เผยจุดเริ่มต้นสร้างหนัง สงสารไม่อยากให้ใครดูถูกเมีย รับเอาบ้านไปจำนองสร้าง “อีปึก”
“หนังเรื่องนีี้เป็นชีวิต ก็ 3 ปี ตั้งแต่เขียนบท เกิดจากตอนสาวมาดเจ็บป่วย ออกมาใหม่ๆ ก็พอนั่งรถเข็นได้ มีเจ้าภาพจ้างงาน ตอนนั้นมีงานหนึ่งที่มีขี้เมาตะโกนด่าว่าเอาคนพิการมาร้องเพลงก็เลย เอ้ ไม่เอาดีกว่า สงสารเขา ไม่อยากให้ใครว่าเขา ผมก็บอกว่าไม่รับงาน มันทรมานเขาด้วยเวลายกขึ้นยกลง เจ้าภาพเขาอยากช่วยเหลือ แต่คนดูเขาไม่รู้หรอก เสียงเขาก็ไม่เหมือนเดิม แล้วสาวมาดเขาอยู่บ้านเขาก็เหงา ก็คิดว่าจะทำยังไงให้มีกำลังใจกลับมาเหมือนเดิม ก็คิดถึงเรื่องหนังนี้ ก็ไปปรึกษาผู้ใหญ่ พี่หมิวก็มา เขาบอกว่าให้เขียนบทไปเลย เราไม่เคยเขียนบทมาก่อน เขาบอกเอาเลย เดี๋ยวจะช่วย หาสปอนเซอร์อยู่ 3 ปี หายังไงก็ไม่ได้ หามาได้ก็หาย จนปีที่แล้วมาเจอพี่ดา ผอ. ตอนแรกเอาบ้านไปจำนอง”

“จำนองก่อนเขาผอ. ตอนแรกเขาอยากทำเหมือนกันแต่เขาไม่มีตังค์ เขาบอกว่าทำตัวอย่างให้ผมเลย ถ้ามีตังค์สัก 3 แสน ตอนแรกเขาบอกมี 3 แสนจะได้ตังอย่าง ผมก็วิ่งหาสปอนเซอร์ หาคนมาทำช่วยจนจบ จนไม่รู้ทำไง อยากทำก็อยากทำ สงสารสาวมาดก็สงสาร สาวมาดเลยเอาบ้านไปจำนอง 6 แสน เผื่อไว้ธนาคารแสนหนึ่ง ลงทุนไป 5 แสน สรุปไปวันแรกคิวแรก ผมไม่เคยรู้เรื่องหนังเลยนะ หมด ตังค์หมด จนพี่ดา ผอ. ผมติดต่อเขาไปเป็นแม่ของสาวมาดในเรื่องนี้ เขาก็สงสาร ผมไม่มีตังค์จ่าย เขาก็โอเค ตามน้ำช่วยกัน เลยตามเลยจนหนังจบ ตอนแรกถ่ายไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นทีมงานชุดหลัง ช่วยจนจบ อุปสรรคเยอะแยะมากมาย พวกที่ถ่ายกับผม ด้วยความที่อยากเซฟประหยัดช่วย ก็วิ่งเข้ากรุงเทพ มาตัดต่อ เรียนรู้เองหมด”

“ช่วงทำหนังเราก็เรียนรู้ไปด้วย ผมก็เป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบดู จริงๆ ไม่ชอบงานแบบนี้ครับ แต่ผมทำแล้ว ผมก็อยากเรียนรู้ ก็นั่งเฝ้าเขา ตอนนี้ตัดเป็นหมดแล้วครับ ซึ่งคลุกคลีกับงานเบื้องหลังตลอดจนไม่ได้กลับบ้าน สองสามวันได้กลับบ้านสักที บางทีก็สามสี่วัน”

“ค่าใช้จ่ายตรงนั้น หนึ่งเรามีสปอนเซอร์มีแม่ติ๋วเขาช่วยเหลือเรื่องเงินค่าใช้จ่าย มีค่ากับข้าวในแต่ละวัน ให้เป็นเดือน เดือนละ 3 หมื่น ถามว่าพอมั้ยก็พอนะ ช่วงปีที่แล้วไม่ลำบาก แต่ช่วงก่อนหน้านั้นลำบากมาก ผมไม่รับงานแล้วไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร เขาป่วยปี 53 หรือ 54 เลิกรับงานให้เขาหลังออกจากรพ. สามสี่เดือนเขาก็เลิกรับงานเลย 5-6 ปีก็เลี้ยงดู ดูแลกันมาตลอด”

“เราก็ลำบากมาก แต่ตอนที่เขาเป็นนักร้อง ก็เอาเงินมาสร้างบ้านหมด แล้วมาป่วย ช่วงป่วยก็ไปดาวน์บ้านหลังหนึ่ง 1 แสน ไม่ใช่หลังนี้ ตอนเขาป่วยงานก็เริ่มน้อยลง ก็เลยตัดสินใจขายบ้านหลังนั้นมาปลูกบ้านหลังนี้ พอเหลือตังค์ไว้รักษากัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว”

หมดเงิน หมดตัว ตระเวนหาหมอทั่วประเทศอยากให้สาวมาดหาย
“ก็มีวิ่งหาหมอทั่วประเทศ หมอไหนที่ว่าดังๆ หมอนวดที่ไหนว่ารักษาหายไปก็วิ่งตะเวนหาทั่วประเทศ ช่วงที่ป่วยก็มีค่าใช้จ่ายเยอะแยะแหละเนอะ ไหนจะมีลูกสาว เข้ารพ.ทีก็หมื่นสองหมื่น ค่ากินค่าใช้จ่ายเมื่อก่อนก็มีแม่บ้าน ไม่ต้องทำงาน จ้างแม่บ้านคล้ายๆ พยาบาล เดือนละ 15,000 ช่วงที่อยู่รพ. มีแต่ผมที่เฝ้า”

“เราต้องจ้างเพราะเราต้องไปทำงาน ตอนที่มาอยู่บ้านก็จ้าง ผมก็ไปร้องเพลง ผมก็ทำเพลงด้วย ทำศิลปิน ซึ่งผมมีลูก 4 คนครับ กับภรรยาเก่า ลูก 3 และกับเขาอีก 1 คน เราก็จ้างพยาบาล ส่งเสียลูก ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเยอะครับ เดือนหนึ่ง 4-5 หมื่นได้ ค่าแพมเพิร์ส ค่านมลูก ค่าป่วยรักษาพยาบาล โห เยอะแยะ ก็เหนื่อยแต่ต้องสู้ไปเรื่อยๆ”

หวนคิดถึงอดีตแล้วเศร้า น้ำตาคลอเบ้าเคยลำบากถึงขนาดต้องบากหน้าไปขอข้าววัดมาให้เมียกินประทังชีวิต
“ปี 52 อยู่แล้วก็มาแต่ง แป๊บเดียวเขาก็ป่วย ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดจะทิ้งเขาเลยนะ ช่วงที่ลำบากก็ถึงขนาดไปเอาข้าววัดมาให้กิน แล้วบอกว่าซื้อมา (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่มีตังค์จ้างแม่บ้าน ทำงานมาไม่ได้เต็มที่ แม่บ้านไม่ได้ตังค์เขาก็ออก กลับมาก็ดูแลกันไป ผมก็ทำโน่นทำนี่ เขียนเพลงอยู่บ้านเขียนอะไรไป รายได้มันก็พอได้แต่นานๆ ได้ที งานพวกนี้มันไม่ใช่งานประจำ ไม่แน่นอน ไม่มีตังค์ติดบ้าน แต่ไม่เคยไปขอเขาเลยนะ เงินติดตัวถ้าถามว่าน้อยที่สุดเท่าไหร่ ก็ไม่เหลือเลย ก็ติดชาวบ้านเขาเอาที่ จ. สระบุรี (หัวเราะ) ไปขอข้าววัดก็ไม่กี่ครั้ง ไปทำบุญด้วย ชอบ ก็เดินเข้าวัดเข้าวาบ้าง”

“เราก็เอาที่เหลือๆ ที่พระไม่ฉัน ที่อยู่ในถุง ที่ท่านกลัวจะบูด เพราะผมเคยบวชอยู่ในวัดนั้น ก็บอกเขา ขโมยก็บาป ท่านก็ไม่ว่าอะไร ก็บอกว่าให้เอากลับบ้านดีกว่าเสีย รู้สึกแย่มาก อันนี้ก็ประมาณว่าคนคุ้นเคยกันด้วย ก็ลำบากพอสมควร ไม่ได้เคอะเขินอะไรบ้าง แต่ก็คิดบ้าง บางทีเห็นเมียกินข้าว เขาก็กินข้าวเยอะด้วย พูดไม่ได้ พูดแล้วน้ำตาจะไหล ช่างมันเถอะ (อึ้งไปน้ำตาคลอ) ที่ผมไม่ออกไปพูด เพราะไม่มีเราเขาก็สบายนี่หว่า มีคนช่วยเยอะ มีคอนเสิร์ต มีผมอยู่ไม่มีใครกล้าช่วยเขา ก็ดีแล้วแหละ”

ยันไม่ได้ทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้หญิงใหม่ ยอมรับงงไม่รู้ว่ามาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
“มันเกิดจากเรื่องที่เราทำงานแล้วมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยว สองบ้านไปจำนอง ก็แค่นั้นแหละครับ ผู้ชายก็ธรรมดา แต่ไม่มีเป็นเมียนะ เรื่องผู้หญิงก็ธรรมดา ไม่ได้เอามาอยู่ด้วยกันเป็นเมีย ไม่เคยที่จะทิ้งเขา กับมาดเรื่องผู้หญิงผู้ชายก็เรื่องธรรมดาอยู่แล้ว จะว่าจับได้ก็จับได้ เพราะมีคนพูดให้ฟัง เขาก็มาถาม เราก็บอกว่ามีมันก็มี แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นเมีย มันเยอะ เราก็สรุปแบบนี้ บางทีไม่รู้ว่าเขาชอบเราหรือไม่ชอบเรา มันก็เรื่องธรรมดา เขาก็หึงหวงมากเรื่องนี้

“ก็มีเรื่องนี้เรื่องเดียว จริงๆ มันไม่ได้ร้ายแรงมาก ผมไม่ได้ไปอยู่ที่ไหนยังไง ผมมีบ้านแค่หลังเดียว ก็เป็นธรรมดาที่เขาหึง มีหญิงมาติด บ้าง ก็คุยกันบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีเลย มีช่วงหลังๆ ที่ห่างกัน มีผู้หญิงมาชอบเป็นแฟนเพลง เมื่อก่อนไม่มี เขาไม่คุ้นเคยเรื่องผู้หญิง เราก็เข้าใจเขา เราไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง ผมก็ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรถึงได้มาอยู่ถึงจุดนี้”

จริงๆ คุยเรื่องผู้หญิงเขารู้เรื่องนะ ที่ผมมาอยู่ตรงนี้ ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ามาได้ยังไง ผมไม่อยากพูด พูดเดี๋ยวทะเลาะกันไปมาเยอะแยะมากมาย”

แตกหักทอม บอกไม่ใช่ญาติ แต่ติดต่อสาวมาดมาทางเฟซ
“มาทางเฟซ แล้วมาอยู่ที่บ้าน เขาบอกเพื่อนกัน ลูกพี่ลูกน้องเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้สนใจ ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าอยู่กันแบบพี่น้อง ให้ดูแล ผมหาเงินเอง แต่ตอนหลังกลับบ้านกัน ก็ทะเลาะกัน”

“การผ่าตัดสมองทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ รุนแรงกว่าเดิม ผมบอกว่าพ่อแม่ไม่ต้องมาตอบโต้ สงสารเขา ผมมีมือมีเท้า เดี๋ยวก็จัดการกันเอง ผมมีแมสเซสที่เขาบอกว่าเขาโดนทอมบังคับให้พูด เขาโลเล สาวมาดก็กลัวไม่มีคนดูแล กลัวทอมหนี ไม่มีใครดูแล ไม่มีอะไรมากมาย มีแค่นั้น ผมก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต มันไม่มีอะไรดีขึ้น อย่างน้อยเขาก็ได้ทำมาหากิน ผมก็มีมือมีเท้า ซึ่งผมก็ดูแลเขาทั้งคู่นะ มาแตกหักกันตอนที่เขาให้สัมภาษณ์นั่นแหละ ตอนแรกก็ยังไม่ได้เลิก”

“เขาก็พูดพลิกไปพลิกมา ผมก็เอาเหอะ แล้วแต่พวกคุณจะทำอะไรก็เอา ข่าวรอบนั้นผมไม่ออกไปนะ แรกๆ ก็ไม่ออก พอไม่ออกไปปุ๊บจนครูสาวมาดออกมาพูดเอง เรื่องของเรื่องคือเขาทิ้งสาวมาดไว้ที่ห้องเช่า ทอมกับพี่สาวเขาทิ้ง ผมก็ไปรับเขากลับ จะทำทำไม บ้านก็มี จะไปโกหกคนทำไม ถ้าจะทิ้ง ทิ้งที่บ้านนี้ก็ได้ ไม่เป็นไร ทำแบบนี้เหมือนหลอกลวงเขา แล้วพวกนั้นก็หนีเลย กลัวโดนจับข้อหาหลอกลวง ผมก็โทร.ไปหาเขา เขาก็ไปกันแล้ว แล้วเขาก็กลับมา”

ถ้าถามว่าทำไมถึงยอมให้เขากลับมา ผมทำหนังอยู่ ยังไม่เสร็จ แล้วไม่มีคนดูแลสาวมาด ผมก็สงสารเขา เมื่อก่อนก็ดีกับเขา (ทอม) นะ กลับบ้านไปก็มาบีบมานวด ทำกับข้าว เหมือนพี่น้อง แต่ไม่คิดว่าจะออกมารูปนี้ โอ้โห งงเลย เขาไม่เคยว่าผมต่อหน้าเลยนะ แต่พอออกรายการทีวี อื้อหือ ขนาดนี้เลยเหรอคน (หัวเราะ) เออ สุดยอด ข่าวรอบแรกผมก็โทร.ว่าให้กลับมาเถอะ ผมห่วงสาวมาดว่าเขาจะไม่มีคนดูแล ผมก็อยู่กับเขาเหมือนพี่น้องกับทอมคนนี้ ไม่เคยมีทะเลาะกันเลย แต่พอเห็นเขาให้สัมภาษณ์ข่าวผมก็งงเลย แล้วก็ไม่ได้พูดว่าจะเลิกกับเขา”

สวนกลับอย่าบีบให้จนตรอก พ้อใจทำด้วยอะไร ใส่ร้ายตนขู่ฆ่า
“พอรอบสองก็ไม่โทร. ไม่เคลียร์ ไม่พูด ไม่ติดต่อ มีพี่สาวเขาโทร.มาด่าผม ว่าผมไปขู่ฆ่าสาวมาดกับทอม ผมเลยอัดเสียงไว้ ผมว่านักข่าวอยู่ข้างๆ แน่ๆ เขาพูดแบบนี้ เขาไม่ค่อยกล้าว่าผม ผมอัดเสียงไว้ ผมไม่เอาเรื่องแล้วนะผมบอกว่าให้จบๆ ไป ด่าผมเสียๆ หายๆ เขาไม่คิดว่าผมจะอัดเทป ผมก็ส่งไปให้ บอกพอเถอะ จบกันซะ ผมมีมือมีตีนทำมาหากินเอง แต่อย่าบีบให้ผมจนตรอกเลย ลูกผมก็เลี้ยง จำผมไว้นะ ผมไม่เคยพาลูกไปเมียไปขอทานกิน ลำบากก็ไม่เคยเข็นเขาไปร้องเพลง อยู่กับผมลำบาก โอเค อยู่กับพวกคุณสบายก็ไม่เป็นไร โอเค ผมจะไม่ออกไปตอบโต้ ไม่แย้ง แล้วก็จบ เลิกด่าผมซะที เขาก็บอกมึงมีเมียน้อยมั้ย มีแล้วทำไม มีแล้วติดคุกมั้ย มีเมียน้อย แล้วบอกว่าผมไปขู่ฆ่า ขู่ฆ่าใครไม่เข้าใจ ผมอยู่ตั้งไกล หนีมาอยู่นี่แล้วยังตามราวี”

“ผมก็คุยกับสาวมาด ก็ถามว่าทำไมถึงไปว่าขนาดนั้น ผิดอะไรนักหนา ตอนข่าวออกมาใหม่ๆ รอบสอง เขาเป็นคนเก็บเสื้อผ้าผมออกมาเอง แล้วทำไมมาว่าผมขนาดนี้ ถึงขนาดฝาบ้านขาย ถึงขนาดกีดกันลูก ถามหน่อยเถอะ เอาอะไรทำกับหัวใจ ไม่พูด แล้วพี่สาวก็โทร.มาด่าว่าผมขู่ฆ่า (หัวเราะ)”

“แต่เขาก็ยังส่งไลน์มา ส่งรูปการ์ตูน ก็บอกสู้ๆ กันไปนะแม่นะ อย่าไปกินเยอะ ให้ออกกำลังกาย เขาไลน์มาคิดถึงล่ะมั้ง ผมก็คิดถึง คนเราก็ธรรมดา แต่เขาไม่ต้องการเรา เราก็ไม่หน้าด้านเข้าไป อยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว ก็ยังรักเหมือนเดิม ห่วงเหมือนเดิม ก็ยังคุยกัน ยังไงก็ไม่พ้นผมอยู่ดี ผมก็ต้องดูแลเขา ใครจะดูแลเขาล่ะ”

เปิดใจถึงสาเหตุที่ยอมทน ทั้งยอมให้ทอมเข้ามาจนทำลายชื่อเสียง ถึงขนาดลามปามด่าพ่อแม่ รับยังผูกพันสาวมาด ถ้าอีกฝ่ายไม่ทิ้งตน ตนก็ทิ้งอีกฝ่ายไม่ได้เหมือนกัน
“ไม่ได้กลับไปอีก แต่เพราะต้องดูแลเขา มันเป็นหน้าที่ เอาง่ายๆ ว่าเราทิ้งเขาไม่ได้หรอก นอกจากเขาจะทิ้งเรา อยู่เขาก็ไม่มีใคร เรื่องธรรมดาคนเราก็ดิ้นรนหาที่พึ่ง บางทีผมไม่ได้อยู่บ้านนี้ ก็ขาดความอบอุ่น เขาก็ต้องหาที่พึ่ง จริงๆ เขาไม่ใช่คนเลวร้าย เขาเป็นคนดี เขาหาที่พึ่งทางใจเขา”

“ถามว่าทำไปเพราะรักเขามั้ย ผูกพันมากกว่า ถึงขนาดอยากจะทำโน่นทำนี่ให้ แต่ทำได้แค่นี้เท่าที่เห็น ทำเท่าที่จะทำได้ ก็ตั้งใจมากที่จะทำหนังให้เขา แต่พอทำแล้วคนมันแช่ง ก็ว่าไป ไม่เคยเรียนรู้ ก็ต้องเรียนรู้ ดิ้นรน แต่ผมภูมิใจมากกว่าที่ผมทำให้เขาได้ ภูมิใจทำหนังให้เขา

ลั่นไม่ต้องห่วงบ้านโดนยึด เพราะจ่ายค่างวดไว้เป็นรายปี
“ถ้าเขาใจเย็นหน่อย ก็หาทางกันอยู่ เจ้าของที่ไม่ได้ยึดอะไรเลย ดอกงวดจ่ายไว้ปีหนึ่ง แล้วเจ้าของที่ก็บอกว่าถ้าไม่มีตังค์ก็ค่อยว่ากันไปเนอะ ปีหน้าก็ไม่ยึดหรอก แค่ถึงครบกำหนดปีเฉยๆ ผมจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วปีหนึ่ง ถึงเดือนตุลาคม”

ก้มหน้ายอมทน ไม่มีงาน ไม่มีที่ไหนรับ แถมยังเบือนหน้าหนี ต้องขับวินมอเตอร์ไซค์หาเงินเลี้ยงชีพ
“ตอนนี้ผมไม่ได้ทำหนังแล้ว ผมเหนื่อย ตัดเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ฉาย มันเกิดเรื่องเกิดราวแบบนี้แหละ ใครจะอยากร่วมงานกับเราล่ะ ทุกวันนี้ เดินเข้าร้านอาหาร สมัครร้อนเพลง คนเห็นหน้าเราก็เบือนหน้าหนีแล้ว ทุกวันนี้เป็นคนเลวเลย (ยอมให้เขาด่าว่าเลว?) ก็เลวไปสิ คนว่าก็ไม่เป็นไร เราท้อไม่ได้ เรายังมีลูก”

“ถามว่ารายได้มาจากไหน ก็เพิ่งไปช่วยอี๊ดเขาทำโชว์ที่โรงเบียร์สิงห์ ว่างๆ ก็นั่งเขียนเพลงเล่น พักสมอง เดินไปสมัครงานตามร้านอาหารเขาก็ไม่เอา (หัวเราะ) เขาบอก อ้าว กรุงนี่หว่า เฮ้อ (ถอนใจ) ก็มีเขียนเพลง กับขับวินมอเตอร์ไซค์ ก็ขับกับน้องไป ทำไป พอได้อยู่ได้กิน ส่งให้ลูก เป็นค่านม ตอนนี้ไม่ได้ส่งให้เขาเพราะตัวเองก็ลำบาก ลูกอีก แต่กับทางโน้นไม่ได้ส่งแล้ว โหย เราออกมามีแต่คนช่วยเขา ได้ข่าวนะ เพราะตอนเราอยู่ไม่รับของบริจาค สงสารเขา กลัวคนดูถูก ผมระวังตรงนี้มาก กลัวหาว่าเอาเขามาหากิน”

แย่มากถึงขนาดอยากหนีไปบวชทิ้งทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้เพราะมีลูก
“วันแรกที่เป็นข่าวรู้สึกแย่มาก อยากบวชเข้าป่าไปเลย ถ้าไม่มีลูกนะ คนเราเกิดมาบนโลกมนุษย์เพิ่งเคยเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น สิ่งที่ตัวเองเคยเจอ ก่อนทำหนัง ก็ต้องแลกกับการทำหนังจบ ผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่งั้นก็ตาย ผมถึงไม่เคยออกไปตอบโต้ สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมในชีวิต หลังจากหนังเสร็จ ทุกอย่างเกิดขึ้นกับผมแบบอัตโนมัติมาก เป็นคนเลวที่แบบ อะไรวะงง”

“ผมเป็นคนพูดขวานผ่าซาก เอาง่ายๆ ภาษาชาวบ้านกวน อย่างจะมีพวกขายอาหารเสริม ก็ไม่มีใครชอบผมเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว มาขายของให้สาวมาด โดนเยอะกับพวกนี้ สาวมาดเขาเป็นคนซื้อของ เจอในทีวีเขาก็สั่งแล้วไม่บอกเรา อยู่ดีๆ ก็เอ้า จ่ายตังค์ๆ พวกอาหารเสริม เราก็เข้าใจว่าเขาอยากหาย แต่มากันบางทีก็เยอะเกิน บางคนก็มาบอกบุญบ้าง อะไรวะ มาเก็บตังค์วันละ 2-3 หมื่น ผมก็ไล่บ้าง ด่ามั่ง เขาก็ไม่มา เยอะ ต้นทุนเดิมเขาก็เลยไม่ชอบขี้หน้า เลยไม่มีใครช่วยเหลือ ผมก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร”

ไม่สนถูกมองว่าเลว พ้อผมมันคนโง่ พวกเขาฉลาด อยากสบายก็ปล่อยไปเถอะ
“ตอนนี้สาวมาดเขาก็อยู่กับทอม เขาฉลาด ผมมันโง่ ทะเลาะกันเรื่องแรก ทอมเนี่ย มีใครไม่รู้จะมาจัดคอนเสิร์ตช่วย ตอนนั้นผมทำหนังอยู่เขาก็มาปรึกษาผม ผมก็บอกว่าไม่เอา ไม่ดี อย่าให้ใครมาเดือดร้อนกับเรา ลำบากแค่ไหนก็ไม่ตายหรอกคน กินข้าวก็กินมื้อเดียวอิ่มมื้อเดียว มันก็คงลำบาก พอลำบากปุ๊บ อยู่กับมึงกูลำบาก (หัวเราะ) ไม่มีมึงกูคงสบาย”

“กลัวที่สุดคือการเอาเขามาหากิน ตอนนี้ก็เป็นรูปแบบนั้น ขนาดรายการทีวีจะพูดยังไงผมไม่รับรู้ทั้งนั้น ผมก็บอกครูเพลงไม่ต้องไปยุ่งแล้วล่ะ ปล่อยไปเถอะ เขาสบายก็โอเค เราผู้ชายหากินได้ ไม่ตาย ส่วนคนเขามองผมเลวเลยล่ะ ผมก็รับจ้างตัดต่อเอ็มวี ก็ขับวินไป มีอะไรก็ทำไป ตอนนี้เงินมันไม่พอใช้หรอก พูดถึงว่าไม่พอใช้ แต่สมองผมยังมี น่าจะโอเค เพราะผมตัดต่อเอ็มวี ถ่ายเอ็มวี อยู่แล้วเมื่อก่อน”

ไปตายเอาดาบหน้า นั่งรถไฟฟรีมาลงที่รังสิต พร้อมเงินติดตัวแค่ 600 บาท
“บ้านแม่กับน้องเขา น้องนุ้ย ตอนแรกที่ผมมา ผมมีตังค์ 600 นั่งรถไฟฟรีมาจากโน่นมาลงรังสิต ผมก็คิดจะไปไหนดีวะ เบื่อคน รถก็ไม่เอามา นอกนั้นก็ให้เขาหมด ไม่มีอะไรมา มาแต่ตัว มีกีต้าร์ตัวเดียว ไม่เอาอะไรมา รถผมก็ให้เขาเอาไปใช้ รถก็ไม่เอามา เพราะไม่มีรถเขาจะไปไหนได้ หาหมอก็ลำบาก”

ตอนนั้นก็ออกมาเลย ผมไม่เอาอะไรออกมา ตอนนั้นไม่ได้เลิก ก็ออกมาเลยพร้อมเงิน 600 โทรหาเควิน ตอนแรกจะไปหาศักดิ์ แต่อยู่ดีๆ เควินอยู่ดีๆ ก็โทร.มา เพื่อนอยู่ไหน มากินเนื้อย่าง เราก็คิดว่าเขาไปมีเมีย ก็เกรงใจ เมื่อก่อนทำงานด้วยกันกับแม่ แม่เขาก็ดี๊ดี เขาตะโกนเรียกเอ้าอยู่ไหน เควินอยู่กับแฟน แล้วก็อยู่กันหลายคน เมื่อก่อนอยู่กับอี๊ดโปงลาง แต่ตอนนี้แยกมาอยู่คนเดียว บ้านนี้บ้านแม่นุ้ย แม่ของน้องชาย สนิทกัน ลูกพี่ลูกน้อง แม่เขาดี๊ดี ตอนมีเงินมีทองไม่เคยคิดถึงแก ตกทุกข์ได้ยากมาได้ยังไงก็ไม่รู้”

ตอนแรกจะไปใต้ จะไปเกาะสมุย เพราะว่าจะไปร้องเพลง เพราะเพลงผมตอนอยู่รถไฟดนตรีก็พอมีชื่อเสียง กะจะหนีไปเลย พอดีมาหาเควิน เห็นเขาร้องเล่นโรงเบียร์ กำลังออกแบบการละเล่น ก็ไปช่วยเขาก็คิดมุขคิดอะไรกำกับหน้าเวทีช่วยเขา ก็เพิ่งเสร็จไป”

ตั้งเป้าหาเงินสร้างสตูดิโอเล็กๆ ไว้ตัดต่อ ตอนกลางคืนจะขับวินมอเตอร์ไซค์
“ตอนนี้วิ่งมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืน (หัวเราะ) ส่วนหนี้มีแต่หนี้บ้าน หนี้หนังไม่มี เพราะนายทุนเขาลงทุน ผมกำลังคิดว่าผมจะหาตังค์ซักก้อน ทำสตูดิโอเล็กๆ ไว้ตัดต่อเอ็มวี ทำห้องอัดเสียง งานตัดต่อก็เพิ่เสร็จไป พวกน้องๆ ใต้ดินภาคอีสาน ก็ใช้อุปกรณ์ของคนอื่นเขา ตัดต่อก็ใช้คอมพ์เขา บางทีโน่นวิ่งไปหาศักดิ์ ที่รามอินทรามั่ง”

“จะเปิดเป็นสตูดิโอ รับจ้างตัดต่อ ตอนนี้ก็รับจ้างอยู่ ใจก็อยากจะขายของ ถ้ามีสักสิบมือยี่สิบมือ ผมทำกับข้าวอร่อยนะ อยากทำทะเลเผาอะไรพวกนี้ ไม่ยุ่งยาก อยากขายกับข้าว แต่ตอนนี้ไม่มีทุน ตอนนี้วางตัวเองไว้ว่าจะขับวินมอเตอร์ไซค์ สมัครงานเล่นดนตรี แล้วเดี๋ยวไปหาร้านเล็กๆ เล่นดนตรีกลางคืน ถ้าเจ้าของร้านเขาใจดี (จนแต่สาวยังติด?) ก็นั่นแหละ ธรรมดาเนอะ ไม่หาย เบื่อโลก เบื่อแล้วมีเมีย”

ทุกข์มาก วางแผนผูกคอตาย ไม่อยากให้สาวมาดลำบาก แต่กลับเห็นพญานาคสีเขียวบนหลังคา บอกว่ามึงไม่ต้องรีบตาย
“ผมทุกข์มากทำไมเราต้องทำให้ลูกเมียลำบาก ถ้าเราตายไปซักคน คงจะมีคนมายื่นมือมาช่วยสาวมาด ก็เลยตัดสินใจผูกคอตาย ก็วางแผนให้สาวมาดไปบวชอยู่วัด แม่มารับลูกไปดูแล และผมก็ผูกคอตายต้นสาระตรงศาลาบ้าน จังหวะที่กำลังดิ้นๆ เหมือนจะตายผมก็เห็นพญานาคใหญ่มากเป็นสีเขียวอยู่บนหลังคา และพูดว่า มึงไม่ต้องรีบตายเดี๋ยวก็ได้ตาย ท่านต้องการให้ผมทำเรื่องหนังให้สำเร็จเพราะมีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค แลกกับชีวิตของผมและผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมก็รับปาก และกิ่งไม้ก็หักเลย”

“คือผมก็รับปากเขาเฉยๆ จริงๆ ผมน่าจะตายตั้งแต่ผูกคอตายแล้ว ผมคิดนะ ในความรู้สึกตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่ได้มีชีวิตแล้ว แต่ท่านยื้อไว้มึงต้องโดดเดี่ยวอะไรประมาณนี้ โดดเดี่ยวในที่นี้น่าจะไปถือศีล เหมือนเขากำลังบีบผมไม่ให้ทำทุกอย่าง เพื่อที่จะเข้าวัด อยากให้ผมไปบวช โดดเดี่ยวในที่นี้ คือไม่อยากให้มีครอบครัว ซึ่งผมรู้เลย เหมือนตัดหนทางบีบให้เขาวัด ตอนแรกๆ ผมไม่เชื่อนะ ไม่จริงหรอกมั้ง พักเดียวสาวมาดออกมาให้สัมภาษณ์ ข่าวรอบแรกลงไปผมก็คิดว่า ฮั่นแน่...ไม่ได้กินผมหรอกปู่ แต่มาครั้งนี้ โห....เต็มที่เลย ผมไม่มีเงินถึงขั้นต้องนั่งรถไฟฟรี ตอนนี้เชื่อแล้วครับ แค่เดินผ่านก็ต้องยกมือไหว้แล้ว”

นอกจากนี้กรุงยังครวญเพลงสุดท้ายฝากให้สาวมาด ซึ่งระหว่างร้องเพลงนั้นเจ้าตัวก็ก้มหน้าร่ำไห้อย่างน่าเวทนา








กำลังโหลดความคิดเห็น