“สาวมาด” ปล่อยโฮ แฉ “กรุง” ทิ้งหนี้ 7 แสน บ้านกำลังจะถูกยึด ไลน์ฟ้องหนีไปแต่งงานผูกข้อมือกับเมียน้อย แถมเมียน้อยยังไลน์มาด่าอีง่อย อีพิการ ซัดอย่าสร้างภาพ อย่าลวงโลก รับหมดรักแล้ว แฉยับเขียนสคริปต์ให้เอ๋อ เชื่อมั่นในปาฏิหาริย์กำลังจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง
เมื่อเวลา 16.00 น. อดีตนักร้องลูกทุ่ง “สาวมาด เมกะแดนซ์” หรือ “สุรดา ชมวงค์” อายุ 46 ปี เจ้าของเพลงฮิตสาวลาดพร้าว ได้เดินทางจากบ้านพัก จ.สระบุรี มาถึงสตูดิโอรายการ Apop บันเทิง 34 ช่องอมรินทร์ทีวี ย่านอรุณอัมรินทร์ โดยเดินทางมาพร้อมกับญาติสนิท ซึ่งอดีตนักร้องสาวได้มาอัดเทปก่อนจะให้สัมภาษณ์นักข่าวที่มารอทำข่าว กับข่าวลือที่หลุดออกมาว่าเตรียมถูกยึดบ้านที่ “กรุง สุขสันต์” สามีนำไปจำนองไว้ และความช้ำใจที่ต้องถูกทิ้งรับภาระหนี้สินนับแสนทั้งหมด รวมไปถึงสามีหนีไปมีเมียใหม่ โดยเจ้าตัวได้หอบหลักฐานการพูดคุยในไลน์กับแฟนใหม่ของสามีมาออกในรายการอีกด้วย โดยระหว่างนั้นสาวมาดถึงกับปล่อยโฮบอกว่าตอนนี้มีหนี้ถึง 7 แสน ไม่มีปัญญาจ่าย เจ้าหนี้ทวงทุกวัน ก่อนซัดสามีอยากไปก็ไปเลย อย่ามาสร้างภาพอย่ามาลวงโลก
“มันเกิดเรื่องไม่ดีเลย มันแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำไป ความจริงกระจ่างออกมาแดงโร่เลย ไม่มีทางที่จะแก้ตัวได้แล้ว ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์คือว่ากรุงเขาไปแต่งงานใหม่กับเมียน้อย ถึงขั้นผูกข้อมือข้อไม้กันเลย อันนี้เขาการันตีเลย ไม่ได้เห็นรูปแต่ใครๆ ก็พูด แต่งเมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา”
“เราไม่ได้ โทร.ถาม คือ ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่ออกจากบ้านไปก็ไม่คุยแล้ว คือหลังที่เขาไปรับมาจากบ้านเช่า เขาก็ไปตั้งแต่วันนั้นเลย ไม่ได้เห็นกัน คือ ไม่ได้สอบถามเขา แต่เราเห็นรูปในโพสต์เฟซบุ๊กของเขา เขาถ่ายรูปกับผู้หญิงคนนั้น มันก็คงจะเป็นจริง บ้านเช่าที่เขาไปเช่าอยู่ด้วยกันก็มีเค้าโครงว่าเป็นจริง เราก็รู้สึกแย่ แต่ว่าก็รู้สึกโล่ง ให้มันชัดเจนไปเลย ไม่ต้องมาคาราคาซัง ไม่ต้องมาเธอฉัน ไม่ต้องมาสาดโคลนใส่กัน ไม่ต้องมาออกข่าว ชัดเจนไปเลยดีแล้ว”
ปล่อยฝ่ายชาย บอกหมดรักแล้วคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ส่วนตนต้องทำงานใช้หนี้ 7 แสน
“ถามว่าอยากฟังจากปากเขามั้ย ก็คงจะจริงแหละ เห็นว่าเขาไปบวชที่ จ.สระแก้ว แล้วแฟนเขาก็ไปรับ ไม่ได้แต่งกันใหญ่โต แค่ผูกข้อไม้ขอมือกันเฉยๆ ถามว่าเราโกรธมั้ย ก็ไม่โกรธ ปล่อยวางไปแล้ว คือคนมันหมดรักจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง เพราะเราก็สภาพแบบนี้ก็ปล่อยเขาไป เรามีหน้าที่เลี้ยงลูกทำงานใช้หนี้ 7 แสนที่เขาสร้างไว้ต่อไป เขาเอาบ้านไปจำนอง เพื่อเอาเงินไปสร้างหนัง แต่ว่าเขาก็มีนายทุนต่างหาก ส่วนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปไหนไม่ได้สืบสาวราวเรื่อง สุดท้ายเราก็เป็นคนรับต้องหาเงินมาใช้หนี้ค่าบ้าน เพราะเขาก็ไม่อยู่แล้ว ไปแต่งงานใหม่แล้ว เราไปเรียกร้องอะไรเขาไม่ได้ ก็ปล่อยเขาไป ชีวิตเขา เขาเป็นคนเลือกไม่อยากอะไรมากมายแล้ว ก็ขาดกันตั้งแต่ตอนโปรโมตหนังเสร็จเขาก็ขนของทยอยๆ ออกไปทีละเล็กทีละน้อย จนล่าสุดที่ 25 ได้ยินว่าผูกข้อมือกับแฟนใหม่แล้ว เราไม่ได้จดทะเบียนกับเขา”
รับเมียใหม่สามีส่งไลน์มาด่า อีง่อย อีพิการ ไม่มีทางคืนดีอีกแล้ว
“ก็เห็นเขาส่งไลน์มาว่าเขาไม่สนใจมึงแล้ว อีคนง่อย อีพิการ เขาไม่สนใจหรอก เขามาแต่งงานกับกูแล้ว เราก็บอกให้ลบไปเลยไม่อยากเห็น ไม่ต้องสมมติว่าเขาจะกลับมาขอคืนดีแล้ว มันไม่มีแล้ว คนเรามันเจ็บแล้ว พอเถอะ พอดีๆ กว่า ขออยู่แบบนี้ดีกว่าไม่รักกันแล้วก็ไปเถอะ เพราะทุกวันนี้มันลำบากมามากพอแล้ว เงินทองที่หามาเท่าไหร่เขาก็ไปใช้หมด ใช้อะไรก็ไม่รู้ คำพูดที่เขาบอกว่าเงินแค่ล้านสองล้าน ที่ดูแลมา 3 - 4 ปี มึงไปจ้างใครจะได้ถูกขนาดนี้ เขาบอก”
“เรื่องหนี้ตอนนี้ยังไม่มีทางออกเลยค่ะ ไม่มี ตอนนี้ตันมาก 7 แสนนี่ไม่มีปัญญาเลย บ้านที่ไปจำนองเขาก็โอนเป็นชื่อเขาหมดเลย คือ เราขายบ้านเก่าแล้วมาซื้อบ้านหลังนี้ เขาก็ไปจัดการกับเจ้าของบ้านเซ็นเป็นชื่อตัวเองเรียบร้อย เราก็ไม่รู้เรื่องเลยนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ถึงจะเป็นชื่อเขา แต่เขาจะมารับผิดชอบอะไร เขาไม่มาแล้ว เขาอยู่กับทางโน้นแล้ว เขาก็ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเขาแหละ”
ร่ำไห้คิดไม่ตก ยอมรับไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายหนี้ ซัดกรุงอย่ามาสร้างภาพ ลวงโลก
“เขามาทวงว่า วันที่ 3 ตุลาคมนี้ ครบกำหนดใช้หนี้แล้ว เขาต้องการดอก เพราะไม่เคยส่งเขาเลย ดอกก็ประมาณ 1.7 แสนบาท ถ้าไม่มีก็คงจะโดนยึดเพราะว่าเขาไม่ยอม และตอนนี้ก็ไม่มีเงินเลย ไม่มีปัญญา ขนาดติดว่าขายยังไม่มีคนมาซื้อเลย ถ้าขายได้อย่างน้อยก็จะไม่โดนยึด จะเอาเงินที่ขายได้ไปใช้หนี้ และไปสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนมาซื้อเลย ตอนนี้ก็คิดไม่ออก นอนร้องไห้ (ร้องไห้)”
“ตอนนี้คงไม่บอกอะไรเขาแล้ว จะไปก็ไปขาดกันไปเถอะ อย่ามาคาราคาซังเลย อย่ามาสร้างภาพ อย่ามาลวงโลก เรากลายเป็นคนสารเลวมาครั้งหนึ่งแล้วพอเถอะ จะไปก็ไปเถอะ ขอให้มีความสุข”
รับกลัวโดนยึดบ้าน ไม่มีที่อยู่ จำใจพูดตามคริปต์ที่สามีสั่งให้พูด ยันสมองไม่ได้ฟั่นเฟือน
“เราพูดตามเขาบอก ก็ต้องพูด เราไม่มีทางเลือก ที่ผ่านมาเขาให้พูดตามที่เขาพูด เขาพูดยังไงก็ต้องพูดตามเขาอย่าไปขัดเขา เขาบอกว่าเดี๋ยวไม่ได้บ้านคืนนะ ถ้าไม่พูดตามเขาพูด เพราะว่าบ้านยังไงก็เอาไปจำนองแล้ว แล้วหนังก็จะไม่ได้ฉายนะ เขาพูดแบบนี้ เราก็กลัวบ้านจะโดนยึด จะไม่มีที่อยู่ ก็ต้องเลยตามเลย ทำยังไงได้ละ เดินก็ไม่ได้ สู้ใครก็ไม่ได้ ก็ต้องยอม แต่ความจริงคือเขามีผู้หญิงคนใหม่จริงๆ เราไม่ได้ลวงโลก เราพูดความจริง เราไม่ได้สมองฟั่นเฟือน เรายังเขียนเพลงได้ ความจำยังดีมีอะไรจำได้หมดทุกอย่าง เขาคุยไลน์กับใครรู้จักจำได้หมด เพียงแต่เราลุกขึ้นไปต่อสู้ไม่ได้เฉยๆ เราก็ต้องยอม นั่งรถเข็น เขาวางไหนตรงไหนก็ต้องอยู่ตรงนั้น”
“หลังจากนี้ เราจะเขียนเพลงต่อไป ไปทำงานกับน้องชาย น้องจะมาเซ็ตเครื่องแล้วถ่ายรายการลงอินเตอร์เน็ตกัน หาทางออก ทำงานอยู่ที่บ้าน ที่มันไม่ต้องออกไปเหนื่อยเท่าไหร่ อยู่ในบ้าน ส่วนลูกก็ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงให้ เราไม่ทิ้งลูกแน่นอน อย่างอื่นเราทิ้งได้แต่ลูกเราทิ้งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เจอเลย วันนี้ก็โทรมา ถามหม่ามี๊ทำอะไรอยู่ เราก็บอกทำงานหาตังค์ซื้อนมให้แก้มใส (ร้องไห้) ตอนนี้เขาเรียนหนังสืออยู่ แล้วคนแก่สองคนก็ไม่สะดวกมา ตอนนี้อยู่ที่ จ.อุดรธานี ก็ใช้คุยโทรศัพท์เอา วิดีโอคอลก็ไม่มี ย่าเขาทำไม่เป็น คุยได้แค่ทางโทรศัพท์”
บอกไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเพราะไม่ใช่ภาระ ท้อแท้หนักในการทำดี ขอพรจากเทวดาตลอด
“ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบมั้ง คิดว่าทุกคนก็มีภาระของตัวเอง เขาจะมาวุ่นวายกับเรามากก็ไม่ได้ เราไม่ได้น้อยใจเรื่องนี้ ถามว่าเคยน้อยเนื้อต่ำใจมั้ย ก็รู้สึกแค่ว่าทำไมเป็นคนดีมันลำบากแท้ มันเหนื่อยมันท้อใจในการทำดีแล้ว แต่ก็ไม่ถอย สู้ต้อไป ทำดีต่อไป ไม่คิดจะทำชั่วเด็ดขาดค่ะ นอกจากกำลังใจจากลูกแล้ว เราก็มีกำลังใจจากการสวดมนต์ภาวนา ขอพรเทวดา”
โชคดีแขนขาไม่ลีบ ลุ้นกลับมาเดินได้อีกครั้ง
“แต่ละวันตอนนี้ก็เขียนเพลง มีเพื่อนมีน้องช่วยดูแลขับรถ น้องชายบ้านอยู่ใกล้ก็มา เพราะเราไม่มีใครแล้ว แต่ตอนนี้ก็โชคดีที่เราสุขภาพไม่แย่ พยายามสวดมนต์ขอพรว่าขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อย่าให้มันแย่ไปกว่านี้ ก็มีเรื่องทำกายภาพเฉยๆ ไม่ได้กินยาอะไร จะมีโอกาสกลับมาเดินได้ไหมก็มีนะ พอดีว่าคุณหมอทางกายภาพเขาก็สอบถามอาการอยู่ เขาจะมานวดให้วันอังคาร เขาบอกว่าแค่นี้ชิลๆ คนหนักกว่านี้ก็หายมาแล้ว แขนขาเราไม่ได้ลีบ หายแน่นอน เพียงแค่ขยันทำกายภาพ อนาคตก็อยากจะทำงานต่อไป ขอทำงาน ถ้าสมมติว่าหายก็อยากจะกลับมาร้องเพลงอีก ช่วยเหลือสังคม ทำบุญ จนแค่ไหนก็จะมาทำบุญ”
เมินถ้าหากอีกฝ่ายออกมาตอบโต้ บอกถือศีล 5 พูดความจริงไม่เคยโกหก
“เชิญเลยค่ะ เพราะว่าเราพูดความจริง โกหกสักคำเดียวก็ไม่มีเลย ทุกครั้งที่ออกข่าวเราไม่เคยโกหก เพียงแต่ว่าไอ้คนที่มันมาพลิก มันพลิกเข้าข้างตัวเองเฉยๆ ครั้งก่อนก็เหมือนกัน เราไม่เคยโกหก ไม่ชอบคนโกหกด้วย เป็นคนถือศีล 5 ด้วย เรื่องโกหกนี่คือสำคัญที่สุด ถ้าจะออกมาพูดก็พูดเลย เราไม่ได้สนใจ ทุกอย่างที่ออกจากปากเป็นความจริง ไม่ได้โกหก ไม่ได้แต่งขึ้นมา”