เปิดบ้านพันล้าน “หมอดูอีที” ที่นี่ที่เดียว แม่เผยใจสลายอยากจะตายตามลูก จับตา “น้องสาว” ขึ้นแท่นร่างทรงอีที ไขปริศนาทำไมไม่เผาต้องฝังเท่านั้น เส้นทางทำนายดวงของหมอดูอีทีอาจไม่ได้สิ้นสุดที่ความตาย
หลังจากที่ “หมอดูอีที” หรือ มะสุ่ย หมอดูชื่อดังชาวพม่าเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 10 กันยายน ทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ก็เดินทางไปทำข่าวพิธีฝังศพเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีการไลฟ์สดผ่านเพจ Super บันเทิง ตั้งแต่พิธีเคลื่อนย้ายศพกระทั่งฝังร่างไร้วิญญาณของหมอดูชื่อก้องโลกปิดตำนานหมอดูตาทิพย์ ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของญาติพี่น้องหมอดูอีทีและลูกศิษย์ที่เดินทางมาร่วมงาน
ความมหัศจรรย์ของหมอดูอีทีไม่ได้มีแค่ตอนยังมีชีวิตอยู่ที่สามารถทำนายดวงได้อย่างแม่นยำ รู้แม้กระทั่งตัวเลขธนบัตรในกระเป๋า ชื่อวันเดือนปีเกิดของผู้มาดูดวงทั้งที่ไม่รู้จักกันและไม่ทราบข้อมูลล่วงหน้ามาก่อน ขนาดตายไปแล้วก็ยังเกิดเรื่องมหัศจรรย์ ในวันที่เคลื่อนย้ายศพออกจากบ้านเพื่อมาสุสานและทำพิธีฝังศพ ที่จู่ๆ “มะตีตี้” น้องสาวคนสนิทของหมอดูอีทีที่ตามติดหมอดูอีทีไปทุกแห่ง และเป็นคนเดียวที่สามารถสื่อสารกับหมอดูอีทีได้เข้าใจก็เกิดอาการตัวสั่นและทำท่าทางคล้ายหมอดูอีทีเหมือนต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง จากนั้นพอศพเคลื่อนย้ายมาที่สุสานขณะทำพิธีสวดมะตีตี้ก็เกิดอาการพูดคนเดียว ตามองไปที่ศพของหมอดูอีที และยกไม้ยกมือเหมือนกำลังสื่อสารกับใคร และซักพักก็กลับเป็นปกติ สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนที่มาร่วมงานและสื่อมวลชนว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงวิญญาณของหมอดูอีทีมาเข้าร่างน้องสาวจริงหรือไม่ และมะตีตี้น้องสาวคนนี้ที่ “ต๊ะ นิรัตติศัย” ผู้กำกับชื่อดังเมืองไทยที่มีความสนิทสนมกับหมอดูอีทีถึงขั้นที่หมอดูอีทียกประวัติให้ไปทำเป็นละคร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มะตีตี้สามารถดูดวงได้และน่าจะเป็นผู้สืบทอดการดูดวงต่อจากหมอดูอีทีคนต่อไป
หลังจากเสร็จพิธีฝังศพทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ก็ได้ติดต่อผ่านไกด์ขอทำการสัมภาษณ์มะตีตี้ถึงการจากไปของหมอดูอีที แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้มะตีตี้เสียใจมากตั้งแต่แต่หมอดูอีทีเสียชีวิตมะตีตี้ก็ยังไม่พูดกับใครเลย
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดไปทีมข่าวก็ได้เดินทางไปที่บ้านของมะตีตี้ ซึ่งเป็นบ้านที่ใช้ในการดูดวง และต้อนรับแขก เป็นบ้านปูน 2 ชั้น พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา ใครที่มาดูดวงหรือติดต่อทำธุระต่างๆ จะต้องมาที่บ้านหลังนี้
โดยมะตีตี้ได้ออกมาต้อนรับและกล่าวว่า ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย การจากไปอันรวดเร็วของหมอดูอีที เพราะที่ผ่านมาเป็นคนที่ใกล้ชิดดูแลหมอดูอีทีมาโดยตลอด จากนี้ไปก็จะทำบุญให้หมอดูอีที ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าบริเวณห้องรับแขกของบ้านมะตีตี้นั้น มีการขนเอาเครื่องเพชรจำนวนมากมาวางไว้ เมื่อถูกถามว่านี่คือสมบัติของหมอดูอีทีหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นของมะตีตี้เอาออกมาเพื่อที่จะขายและนำเงินไปทำบุญให้กับหมอดูอีที จากนั้นเจ้าตัวก็ขอไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยกับการจัดงานศพมาหลายวันแล้ว
ด้านแม่บ้านที่ดูแลหมอดูอีทีและอยู่บ้านหลังเดียวกับหมอดูอีทีกระทั่งวันเสียชีวิตได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนตี 3 ครึ่งของเช้าวันที่หมอดูอีทีเสียชีวิต หมอดูอีทียังลุกมาเข้าห้องน้ำแล้วก็กลับไปนอนต่อ พอตอนตี 4 กว่าก็เสียชีวิตแล้ว
จากนั้นทีมข่าวก็ได้เดินทางไปที่บ้านของหมอดูอีที ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของมะตีตี้ บ้านทั้งสองหลังมีประตูเชื่อมต่อกัน บ้านของหมอดูอีทีเป็นบ้านพักส่วนตัวที่ไม่เปิดให้ใครเข้า ต่อให้สนิทกันซักแค่ไหนก็ยากที่จะได้เข้าไปยังบริเวณบ้านหลังดังกล่าว แม้แต่ไกด์ที่พาลูกค้ามาดูดวงและทำงานด้วยกันมานานก็ยังไม่เคยเข้าไป ทุกคนที่เดินทางมาพบหมอดูอีทีจะต้องมาเจอที่บ้านของมะตีตี้เท่านั้น ซึ่งไกด์ที่นำทางถามย้ำอีกครั้งว่า จะเข้าไปจริงหรือเปล่า เพราะแม่ของหมอดูอีทีค่อนข้างดุ
แต่จู่ๆ ขณะกำลังยืนถ่ายภาพบริเวณรอบนอกของบ้านหมอดูอีที จู่ๆ ก็มีคนมาตามให้เข้าไปในบริเวณบ้าน และกล่าวให้เข้าไปในตัวบ้านเลย แทบไม่น่าเชื่อว่าบ้านของหมอดูชื่อดังระดับโลกมีเงินเป็นพันล้าน เป็นบ้าน 2 ชั้นปลูกสร้างธรรมดาเหมือนบ้านฐานะระดับปานกลางของบ้านเรา ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ชุดเก้าอี้หลุยส์ หรือแบรนด์เนมตามประสาหมอดูชื่อดังที่มักจะอวดสิ่งของราคาแพงกัน มีเพียงภาพถ่ายของหมอดูอีทีและครอบครัวประดับไว้ที่ผนังบ้าน
แม่ของหมอดูอีทีกล่าวต้อนรับ และอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ตามที่ต้องการ พร้อมกับเผยความในใจว่า บ้านหลังนี้อยู่กัน 3 คน คือ พ่อแม่และหมอดูอีทีส่วนหลานๆ นั้นมาหาบ้างเป็นบางครั้ง หมอดูอีทีใช้ชีวิตอย่างสมถะ ถึงแม้จะเป็นหมอดูชื่อดังแต่ก็ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป สิ่งที่หมอดูอีทีชอบก็คือตุ๊กตาจะเสียเงินแค่ซื้อตุ๊กตาเท่านั้น นอกจากนั้นเงินจะหมดไปกับการสร้างโรงพยาบาลคนตาบอด และสร้างวัดต่างๆ หลังจากที่หมอดูอีทีเสียชีวิตลงก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องโรงพยาบาลและวัดต่ออย่างไร ยังตอบไม่ได้ ยังไม่อยากคิดอะไร ปัจจุบันก็กินอะไรไม่ลง ตั้งแต่วันที่หมอดูอีทีเสียชีวิตก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย มันกินไม่ลง ได้แต่กินน้ำและต้องดมยา
วันนี้หัวใจแตกสลายอกจะแตกตาย อยากจะตายตามลูกไปแต่ก็ต้องอดทน ถ้าไม่อดทนก็คงจะตายตามลูกไปแล้ว ตั้งแต่หมอดูอีทีเสียชีวิตไปก็ไม่เคยเห็นวิญญาณมาหาที่บ้าน เขาไปดีแล้ว หมอดูอีทีเป็นคนดี เขาไม่มาหรอก
ส่วนใครจะมาสืบทอดการดูดวงหลังการจากไปของหมอดูอีทีจะใช่ “มะตีตี้” อย่างที่ ต๊ะ นิรัตติศัย กล่าวไว้หรือไม่นั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดกับครอบครัวหมอดูอีทีให้ความเห็นว่า ถ้าเผาร่างของหมอดูอีทีทุกอย่างก็จะค่อยๆ เลือนหายไป แต่การที่ครอบครัวเลือกที่ฝัง และมะตีตี้ที่มีความสนิทและสามารถสื่อสารกับหมอดูอีทีได้ เกิดอาการเหมือนถูกแฝงทำท่าทางคล้ายหมอดูอีทีสมัยยังมีชีวิตอยู่นั้น ไม่แน่ว่าเส้นทางทำนายดวงของหมอดูอีทีอาจไม่ได้สิ้นสุดที่ความตาย
