“นาวินต้าร์” เห่อจัด “น้องลูก้า” คลอดวันที่ 14 ก.ย. ต้อง โทร.หาเมียตลอดเวลา บอกเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ขอตัดสายสะดือลูกเอง ฟุ้งชื่อลูกแปลว่าแสงสว่างเป็นภาษาอิตาลี โวรู้ว่าลูกมาจุติในวันที่ไปฮันนีมูนกับภรรยา ต่อจากนี้ลูกเมียจะเป็นเจ้าของชีวิต ยันไม่โกรธเกรียนป่วนพาดพิง “พลอย” แต่บอกไปให้ไกลๆ อย่ามาเล่นตรงนี้
กำลังจะได้เป็นคุณพ่อป้ายแดงอีกคนแล้ว สำหรับนักร้อง - นักแสดงหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” หลังจากภรรยาสาว “น้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร” กำลังจะคลอดลูกสาวคนแรก “น้องลูก้า” ในวันที่ 14 ก.ย. นี้ แล้ว ซึ่งพอได้เจอหนุ่มต้าร์ในงานเปิดตัว บียอนด์ เอ็ม-เอ็กซ์ (beyondeM-EX) ผลิตภัณฑ์บำรุงสมรรถภาพคุณผู้ชาย ณ อาร์ บาร์ โรงแรมเรเนซองส์ แบ็งคอก เจ้าตัวก็ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก และเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว
“ตื่นเต้นมาก อีก 2 วันลูกสาวก็จะคลอดแล้ว ที่รู้ว่าวันไหนเพราะเราผ่าคลอด ก็ไปดูฤกษ์มาเรียบร้อย ไปถามพระมาว่าเวลานี้โอเคมั้ย ก็ได้ตามนั้นครับ คือ 7 โมงเช้าวันที่ 14 ก.ย. แต่จากตอนนี้จนถึงวันนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะคลอดเมื่อไหร่ ซึ่งในขณะนี้ที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ผมก็ตื่นเต้นว่าเมียจะเจ็บท้องเมื่อไหร่ ต้องคอยโทร.ไปหาเขาตามประสาคนเป็นห่วง ก็จะถามตลอด ก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งลุ้นไม่รู้จะยังไง แต่ก็สนุกดี”
“ผมพร้อมมาก กระเป๋าผมจัดไว้เรียบร้อยแล้ว อยู่โรงพยาบาลได้ 7 วันเป็นอย่างต่ำ เสื้อผ้ามีพร้อม เครื่องปั๊มนม อุปกรณ์ทุกอย่างมีครบหมดแล้ว ถ้าจะคลอดเมื่อไหร่ผมยกกระเป๋าใบนี้ขึ้นรถไปโรงพยาบาลได้เลย ชิลๆ ครับ และก่อนหน้านี้ก็มีการเข้าคลาสเลี้ยงลูกไปแล้วนิดหน่อย แต่เรื่องรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผยนะ (หัวเราะ) ก็คงต้องไปลองกันหน้างานจริงๆ ของอย่างนี้ถ้าไม่ลองจริงๆ ก็คงยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ก็ตื่นเต้นและอยากจะเลี้ยงเขาครับ”
“ยิ่งพอเข้าใกล้วันที่เขาจะคลอดเราก็เริ่มรู้สึกว่าจะเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านั้น มันจะเป็นอาการบ้าเห่อ แต่ตอนนี้มันเริ่มไม่ใช่ เพราะของจริงจะมาแล้ว ผมถึงบอกว่ามันตลกดีเราได้ฟังคนอื่นๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ บางคนไม่ใช่ผู้ใหญ่เป็นรุ่นน้องเราแต่เขามีลูกแล้วก็มาเล่าให้เราฟัง แล้วเราก็เป็นอย่างเขาจริงๆ อย่างที่บอกผมไม่ใช่ตัวของตัวเองอีกต่อไป พอมีลูก เขาก็เอาตัวเราไปแล้ว คือผมไม่ใช่เจ้าของตัวผม แต่ครอบครัวของผมเป็นเจ้าของผม และผมก็เป็นเจ้าของครอบครัวด้วย จากนี้ไปเราจะต้องคิดไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างก็เพื่อครอบครัว เพื่อภรรยา เพื่อลูก มันก็เป็นความรู้สึกที่ว่าถ้าเราจะลำบาก เราจะไม่ยอมให้เขาลำบาก แต่ทุกๆ ความสุขที่เรารับมา เราก็จะมีคนที่คอยแชร์กับเรา ก็รู้สึกใจชื้น”
บอกซื้อกล้องใหม่ และเตรียมขอหมอตัดสายสะดือให้ลูกเอง
“ผมเข้าไปในห้องคลอดด้วยแน่นอน ผมก็ขอหมอว่าอยากจะเข้าไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด แต่หมอเขาก็บอกว่าอย่ามาเกะกะนะ แต่ผมก็เตรียมเรียบร้อยครับ มีกล้องเตรียมมาบันทึกภาพ ซื้อกล้องใหม่เพื่อจะมาถ่ายรูปเลย และตอนนี้ผมยังเจรจากับหมออยู่ ผมอยากจะขอตัดสายสะดือด้วย ซึ่งไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า (หัวเราะ) ผมอยากจะตัดริบบิ้น แต่กลัวเลือดนะ แต่ก็ลูกเราทั้งทีเนอะ เราก็อยากเห็น ถึงเขาจะเป็นยังไง เลือดเลอะเทอะแค่ไหนก็คงจะทำใจได้ ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวลองดู (หัวเราะ)”
“ก็ไม่ได้กังวลอะไรนะครับ สุขภาพร่างกายภรรยาก็แข็งแรงดี ลูกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร น้ำหนักกำลังพอดี แต่ที่กังวลก็คือเดี๋ยวคนจะมาเยี่ยมเยอะเกินไป (หัวเราะ) เดี๋ยวเพื่อนมันจะเยอะจัด บางทีก็ต้องคอยกันๆ ภรรยาและลูกเราไว้บ้าง แต่ก็ยินดีต้อนรับทุกคนนะ ถ้าเกิดอยากจะมารับขวัญหลาน อยากจะมาเยี่ยมน้อง ผมก็ยินดีที่จะต้อนรับทุกคน”
เผยที่มาชื่อ “ลูก้า” เพราะจุติในวันที่หิมะตกในรอบ 70 ปีของอิตาลีพอดี
“ชื่อเล่นชื่อลูก้า ครับ เป็นภาษาอิตาลี แปลว่าแสงสว่าง คือ จริงๆ เราเป็นคนไทยก็อยากจะตั้งชื่อไทยนะ แต่ลูก้าเป็นชื่อเล่นนะครับ ผมก็รู้สึกว่าเรามีอิสระที่จะตั้งภาษาอะไรก็ได้ที่เราชอบ มันก็เป็นคำที่รู้สึกว่าตรงใจเรา และที่เป็นภาษาอิตาลีก็เพราะเขาจุติที่นั่น คือ ช่วงที่ไปฮันนีมูนกับภรรยานี่แหละ คือเราก็รู้วันเวลาสถานที่ รู้ว่าตอนไหนยังไง เดี๋ยวนี้มันรู้ระเอียดถึงขั้นนั้น”
“ผมจำได้ว่ามันเป็นวันเดียวที่หิมะตกในรอบ 70 กว่าปีที่เวนิส ซึ่งวันนั้นพลเมืองเวนิสออกมาดูข้างนอกหมดเลย เพราะหิมะมันร่วงลงมาที่คูน้ำที่เวนิสเต็มไปหมด คนอิตาลีก็ออกมาตะโกนบอกว่ามันแปลกมาก แล้วหิมะตกหนักจริงๆ เต็มไปหมดเลย แต่จำได้ว่าเช้าวันนั้นมันเป็นวันที่หลังจากหิมะตกพายุเข้า มันเป็นเช้าที่สวยมาก และลูก้าแปลว่าแสงสว่างหลังจากที่เกิดพายุอะไรประมาณนั้น (ยิ้ม) ส่วนชื่อจริงก็คือ พิณวา ครับ แปลว่า เป็นเสียงพิณที่เล่นเป็นเสียงแรกของวงปี่พาทย์ ชื่อนี้เราก็ตั้งกันเอง (หัวเราะ)”
บอกไม่ได้โกรธเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้ามาป่วนเรื่องพาดพิง “พลอย เฌอมาลย์” แต่ขอให้ไกลๆ อย่ามาเล่นตรงนี้
“ผมก็ไม่ได้อยากจะไปต่อกรอะไรกับพวกนี้นะครับ แต่ก็คงอย่างที่ผมพูดไป เรื่องมันก็นานมาแล้ว บางอย่างเขาเขียนอะไรก็ไม่ค่อยคิด ผมก็อยากให้เขาไปไกลๆ เท่านั้นเอง (หัวเราะ) ก็บอกว่าไปเล่นตรงโน้นแล้วกัน อย่ามาเล่นแถวนี้ (ยิ้ม) ไม่ได้โมโหหรอก เป็นเรื่องปกตินะ เราทำงานในวงการมาตั้งนาน มันก็เคยชินกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ชินกับการที่คนมองว่าเราจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราไปถึงไหนต่อไหนแล้วเขาก็ยังคิดในแบบของตัวเอง ผมไม่พยายามจะไปเข้าใจเขานะ แต่ขอให้ไปอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง”
“สิ่งที่ผมแคร์คือคนที่ผมรัก ก็ไม่อยากให้เขาต้องมาอ่านแล้วคิดมาก คนที่เห็นๆ กันอยู่ก็ไม่มาพูดกันอยู่แล้ว แต่นี่มันในโลกของโซเชียล ก็เลยเอาซะหน่อย แต่จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรหรอก เฉยๆ ครับ แต่ภรรยาผมเขาก็โอเค ก็ยังหัวเราะกัน ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนะ สบายๆ อยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้หวังว่าจะเปลี่ยนใครได้ แล้วก็ไม่ได้หวังว่าไอ้คอมเมนต์เกรียนๆ แบบนี้มันจะหยุดลง ซึ่งอยากจะคอมเมนต์อะไรมาผมไม่ได้ว่าอยู่แล้ว เฉยๆ ไม่ได้ใส่ใจถึงขนาดต้องไปบล็อกด้วย แค่ตอบอย่างที่เรารู้สึก เรารู้สึกอะไรก็เขียนแค่นั้นเองครับ เราก็เป็นตัวของตัวเอง ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ในความเป็นตัวผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”
