xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง “หมอดูอีที” สั่งเสียตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วว่าจะตายภายใน 3 ปี เผย “น้องสาว” คือ “หมอดูอีที 2” มีพลังสืบทอดวิชาหมอดู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ช็อกโลก “หมอดูอีที” รู้ตัวจะตาย สั่งเสียไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วว่าจะหมดพลังในอีก 3 ปี สุดท้ายก็จากไปจริงๆ เผย “น้องสาว” คือ “หมอดูอีที 2“ คนต่อไป มีพลังสืบทอดวิชาหมอดู

เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกเลยทีเดียวเมื่อ “หมอดูอีที” หมอดูพิการชาวพม่า หมอดูชื่อดังระดับโลกที่มีค่าตัวมหาศาล ผู้คนทั่วโลกต่างจองคิวมาดูดวงจนทำให้หมอดูอีทีร่ำรวย มีเงินสร้างโรงพยาบาลรักษาฟรีในพม่า และทำบุญสาธารณกุศลต่างๆ มากมาย ในประเทศไทยเราก็มีคนใหญ่คนโตระดับประเทศบินไปดูเช่นกัน รวมไปถึงผู้คนในวงการบันเทิง รวมไปถึง “ต๊ะ นิรัติศรัย” ผู้กำกับชื่อดัง ที่มีความสนิทสนมกับหมอดูอีทีมายาวนานถึง 14 ปี จากคนที่ไม่เชื่อเรื่องการดูดวงถึงขั้นกล้าลองของกับหมอดูอีที แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับในความแม่น กราบขอเป็นลูกศิษย์ และได้รับอนุญาตจากหมอดูอีทีให้สร้างละครประวัติหมอดูอีที

ต๊ะเผยถึงการจากไปของหมอดูก้องโลกคนนี้ ว่า หมอดูอีทีเคยบอกไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วว่าจะหมดพลังภายใน 3 ปีนี้ ให้มาหาบ่อยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ เผยผู้ที่จะมาสืบทอดวิชาหมอดูแทนคือ “น้องสาวของหมอดูอีที” เพราะมีพลังทำนายทายทักได้แม่น

“ต๊ะ” เผยสัมพันธ์ “หมอดูอีที” พบเจอกันเมื่อครั้งมีปัญหาชีวิตหนีไปพักที่พม่า เจอหมอดูอีทีทำนายดวง 10 อย่างเกิดขึ้นจริงภายใน 3 เดือน
“ตอนแรกผมมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพและแฟนท่านก็ทำงานราชการอยู่ที่พม่า ทีนี้ช่วงผมมีปัญหามากในชีวิต ผมก็ไปพักผ่อนอยู่ที่พม่า ท่านก็เลยบอกว่าจะลองไหมมีหมอดู แต่จะเชื่อไหมไม่รู้นะ เพราะว่าพูดไม่ได้ ผมก็อ้าวพูดไม่ได้แล้วผมจะดูได้ยังไง ท่านก็เลยบอกว่าลองดูไหมล่ะ ผมก็เข้าไปดู ก็ทึ่งในความเก่งของท่านนะ แต่เราเป็นคนทำหนังก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดูเลย แต่สิ่งที่ท่านบอกมา 10 อย่างที่ให้เราจด มันเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน ซึ่งเราก็เซอร์ไพรส์นะ”

อึ้ง “หมอดูอีที” รู้ตัวเลขแบงก์ในกระเป๋า รู้แม้กระทั่งชื่อสกุล แต่ก็ยังไม่เชื่อว่าแม่น

“พอผ่านเรื่องราวไปเราก็กลับไปใหม่นะ ไปเพื่อจะไปขอบคุณและอยากจะลองของด้วย ไปดูสิว่าที่เก้าอี้ที่เขาให้เรานั่งเนี่ยมันมีสแกนหรือเปล่า หรือเขาเช็กเราจากบัตรประชาชนหรือเปล่า แต่วิธีการไม่ใช่เลย คือ ท่านให้เราเอามือวางไว้บนกระเป๋าสตางค์ของเรา แล้วท่านก็เขียนเบอร์แบงก์ในกระเป๋า แล้วก็ให้เราหาในกระเป๋า ตอนนั้นเรามีเงินไทยกับเงินยูเอสไป ก็เจอใบนึง ตัวเลขถูกต้องทุกตัว แล้วท่านก็จะเขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดเราถูกหมดเลย โดยที่เราไม่เคยบอกท่านมาก่อนว่าเรามาจากไหน เป็นใคร”

“แล้วท่านก็บอกว่าเดี๋ยวจะเกิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นนะ อย่างเรื่องหนึ่งคือ ผมเล่นหนังเรื่อง บางกอก แดนเจอร์รัส อันนี้อาจารย์เป็นคนเขียนมาก่อนเลยว่าผมจะได้ร่วมงานหนังกับฮอลลีวูด ซึ่งผมเป็นผู้กำกับ ผมไม่ได้อยู่วงการนักแสดง ผมก็ไม่เชื่อ”

ไม่เชื่อว่าจะได้เล่นหนังฮอลลีวูดตามที่ “หมอดูอีที” ทำนาย พยายามทำทุกอย่างให้ไม่ได้เล่น ทั้งไม่ไปแคสติ้ง ไม่ส่งรูปภาพไปให้ทีมงาน แต่สุดท้ายก็ได้รับคัดเลือก

“แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 เดือน ทางหนังเขาก็ติดต่อมา เขาก็เรียกผมไปแล้วบอกให้ผมแคส ผมบอกผมไม่แคส แล้วผมก็กลับเลย อีกไม่กี่วันเขาก็โทรมาอีก บอกให้ผมถ่ายรูป ผมบอกผมไม่ถ่าย ถ้าคุณจะเอาก็เอาเลย ผมยังบอกเพื่อนผมทุกครั้งว่าคอยดูนะเดี๋ยวผมจะลองดูว่าหมอดูคนนี้จะพูดถูกหรือเปล่า”

“พอมาครั้งที่ 3 เขาก็บอกว่าให้เข้าไปเดี๋ยวนี้ พอไปถึงเขาก็ถามว่าเคยเล่นมั้ย ผมก็บอกไม่เคยเล่นหนัง เขายังไม่รู้ว่าผมเป็นใครไง แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ส่งบทนั้นมาให้ บอกว่างั้นเอาไปเลยบทนี้ เพราะกวนตีนน่าดูเลย นั่นคือ สิ่งที่หมอดูอีทีเขียนให้ผมก่อนหน้านั้น 3 เดือน ซึ่งผมก็ได้งานฮอลลีวูดนี้จริงๆ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้แคส ไม่ได้ถ่ายรูป ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเดียวเลย นี่เป็นแค่เรื่องเดียว เพราะจริงๆ มันมีหลายเรื่องมาก ซึ่งแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย แต่มันก็เป็นไปแล้ว”

ลองของ “หมอดูอีที” แลกเงินใส่กระเป๋าไปหลายประเทศเพื่อให้ทายเลขแบงก์ไม่ถูก สุดท้ายต้องยอมกราบ ขอเป็นลูกศิษย์ ยอมรับในความแม่น

“จากนั้นผมก็กลับไปอีก ไปกับผู้ช่วยผมคนหนึ่ง ผมบอกว่าคราวนี้จะกลับไปพิสูจน์อีกครั้งจะทดสอบหมอดูพิการคนนี้อีกทีนึง คราวนี้ผมแลกตังค์ไป 5 ประเทศ แล้วก็สับเป็นไพ่เลย แล้วก็ใส่ไว้ในกระเป๋า แต่เหมือนท่านรู้นะ พอผมวางมือบนกระเป๋า ท่านก็เขียนมาบรรทัดแรกเป็นตัวเลขบนแบงก์ ท่านก็ให้ผมหา แต่เหมือนท่านจะแกล้งให้ผมหา แต่ทีนี่มัน 5 ประเทศเราก็ต้องหาไปเรื่อยๆ แล้วไม่ใช่แค่ 5 - 6 ใบนะ แต่เป็นปึกเลย ผมก็หาไม่เจอ ท่านก็เขียนตัวเลยอีกชุดนึงบรรทัดที่สอง ก็หาไม่เจออีก คราวนี้ผมเริ่มขำเหมือนกับว่าท่านมั่ว ท่านก็มองหน้าผมแล้วยิ้ม แล้วท่านก็เขียนไปบรรทัดที่ 3 อีก ผมก็หาไม่เจออีก ผมก็ยิ่งขำหนักเข้าไปใหญ่ ผมก็เริ่มคิดว่ามันต้องมีอะไรสแกนแล้วสแกนไม่เห็นเพราะมันหลายประเทศ ปรากฏท่านก็เขียนต่อว่าเป็นประเทศไทย สิงคโปร์ และ เวียดนาม แล้วท่านก็บอกให้แยกเงินออกมาให้หมด ผมก็แยก พอดูปึกของไทยก็มี สิงคโปร์ก็มี เวียดนามก็มี ผมก็เลยกราบท่านตรงนั้นเลย แล้วผมก็เรียกอาจารย์ตั้งแต่นั้นมา แล้วท่านก็หัวเราะแบบขำๆ ว่าผมลองของท่าน”

เผย “น้องสาวหมอดูอีที” สืบทอดวิชาดูดวง
“เท่าที่ผมสัมผัสนะ น้องสาวเขาสามารถสืบทอดได้ ส่วนตัวผมถ้าเกิดมีอะไรผมก็คงจะให้น้องสาวเขาดูให้ เพราะจากการที่ผมสัมผัสมานาน บางครั้งเขาก็เตือนผมหลายครั้งโดยที่ไม่ต้องถึงอาจารย์ ก็ทึ่งมาหลายครั้งแล้วนะ”

ร่ำไห้ “หมอดูอีที” จากไป
“ก็ใจหายนะครับ มารู้ตอนประมาณ 8 - 9 โมงเช้าครับ ก็สะท้อนใจ มันก็มีน้ำตาคลอๆ นะ เขาก็เหมือนอาจารย์ที่เรานับถือคนหนึ่งเลย ผมเข้าออกบ้านอาจารย์มาประมาณ 14 ปีแล้ว จริงๆ รอบสุดท้ายนัดไว้วันที่ 7 - 8 - 9 ที่ผ่านมานี่แหละ แต่พอดีว่าเราติดปัญหาอยู่ ก็เลยไม่ได้ไป เดือนที่แล้วก็มีนัดนะ แต่ผมก็ไม่ได้ไป ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่ามันมีเหตุที่ไม่ได้ไป ปกติก็จะทุกช่วงต้นปีครับ”

สั่งเสียไว้ 3 ปีที่แล้วว่าจะอยู่ได้ 3 ปี ให้ “ต๊ะ” มาหาทุกปีเพราะจะหมดพลังแล้ว
“จริงๆ ท่านเคยบอกผมไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ท่านบอกว่าท่านจะอยู่ได้อีกประมาณ 3 ปีนะ ก็ยังบอกเลยว่าท่านยังแข็งแรงอยู่เลย จะไปได้ยังไง”

“ก็ไม่รู้ว่ามีใครรู้เรื่องนี้บ้าง แต่ตอนนั้นมีแค่ผมกับแฟนผม แล้วท่านก็บอกว่า ให้มาทุกปีนะ อีก 3 ปีก็จะหมดพลังแล้วนะ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเลย คือ ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะอาจารย์เป็นคนทำบุญเยอะมาก อย่างเวลาอาจารย์ได้เงินมาบางทีเป็น 100 ล้านนะ ท่านก็เอาไปสร้างโรงพยาบาล ไปสร้างวัด ทุนการศึกษาบ้าง ทุนรักษาพยาบาลของพระบ้าง อย่างเช่น ผ่าตัดดวงตาของพระฟรี ส่วนมากท่านจะทำบุญแบบนี้ แล้วไปไหนทีนึงท่านจะพกเงินไปเยอะ แล้วก็ทำบุญไปเรื่อยครับ”

“ที่ผ่านมา ทางครอบครัวของท่านก็มีส่งข่าวมาเรื่อยๆ อย่างล่าสุดที่อาจารย์ไปหาหมอที่สิงคโปร์ น่าจะประมาณสัก 3 เดือนที่ผ่านมา น้องสาวเขาก็บอกกับผมว่าคราวนี้พี่สาวเขาเป็นหนักนะ จริงๆ นัดจะไปหาอาจารย์ แต่พอดีว่าอาจารย์ป่วยอยู่ที่สิงคโปร์ พอออกมาเรียบร้อยเรายังบอกเลยว่าถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วล่ะ เราก็พูดตามภาษาไทยเรานะ”

“พอระยะหลังแกป่วยหนัก ช่วงหลังถึงได้นัดไปหาท่านค่อนข้างลำบาก มีแค่ 2 ครั้งสุดท้ายที่ผมไม่ได้ไปนี่แหละ คือนัดไว้นานมากเกือบๆ ปี แล้วท่านก็เพิ่งอนุญาตให้เข้าไปเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เราติดธุระก็ไม่ได้ไป ก็มานัดใหม่เดือนนี้ได้วันที่ 7 - 8 - 9 ก็ไม่ได้ไป เพราะติดธุระอีก ก็ยังคุยกับลูกอยู่เลยว่างั้นเดี๋ยวรออีกสักเดือนก็ได้ ก็ไม่คิดว่าท่านจะด่วนไปแบบนี้”

“ก็จะไปร่วมงานท่านแน่นอน เพราะมีหลายคนที่รู้จักกันตอนที่ผมพาเขาไป เขาก็อยากจะไปกราบครั้งสุดท้าย”

เผยเคยทำประวัติของอาจารย์ด้วย
“ก็มีอยู่ครั้งนึงเมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่แล้ว อาจารย์ให้คนมาตามผมที่กรุงเทพฯ บอกให้ผมไปหา พอไปถึงท่านก็บอกว่าฉันให้ประวัติของฉันให้เธอทำนะ ผมก็บอกอ้าวทำไมให้ผมทำ เขาบอกว่าเชื่อว่าผมเป็นคนซื่อสัตย์ที่ตั้งแต่เขาดูมา เพราะเราก็เห็นว่าต่างชาติมาขอแกตั้งหลายครั้งว่าขอทำเรื่องของแก แต่แกไม่เคยให้เลย แล้วแกบอกว่าจากที่สัมผัสผมมาหลายปีผมชอบทำบุญ พูดอะไรตรงไปตรงมา ท่านก็เลยเชื่อมั่นว่าผมจะทำประวัติที่ท่านเล่ามาทั้งหมดจากเรื่องจริงนำมานำเสนอได้ตรงกับประวัติของท่านได้ ก็เลยอนุญาตให้ผมทำ คือลิขสิทธิ์ของท่านก็อยู่ที่ผมคนเดียว ซึ่งก็ทำเสร็จสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้วครับ”

“ไฮโซผิง” สุภาวดี ทัพมาลัย เผย “หมอดูอีที” เป็นโรคหัวใจมานานแล้ว ขนาดป่วยยังดูดวงคาโรงพยาบาล

“ทราบตั้งแต่ตอนตี 4 กว่าแล้วค่ะ จริงๆ เราเพิ่งคุยกับเพื่อนเมื่อคืนนี้ว่าให้รีบไปเลยนะ คงไม่นานแล้ว เพราะว่าท่านเป็นโรคหัวใจ ต้องบินไปรักษาตัวที่สิงคโปร์ตลอด ล่าสุด หัวใจท่านเกือบล้มเหลวไปครั้งหนึ่งแล้ว วันนั้นเราพาคุณพ่อของ นท เดอะสตาร์ ไปดูดวงท่านก็หายใจไม่ออก พาไปส่งโรงพยาบาล ท่านก็ดูให้พ่อนทที่โรงพยาบาลเลย ท่านสปิริตสูงมาก เหมือนท่านก็แคร์เราด้วย ยอมดูให้ เพราะส่วนใหญ่ช่วงที่ผ่านมาท่านจะงด รักษาสุขภาพ แล้วก็ไม่ค่อยได้รับดูแล้วด้วย เพราะร่างกายไม่แข็งแรง นั่งดูก็จะหายใจแรงตลอดเวลา”

“ร่างกายท่านเป็นแบบนี้มาประมาณปีหนึ่งแล้ว แต่เราก็รู้ว่าไม่นานหรอก เร็วๆ นี้แหละ เราก็รู้ของเราอยู่แล้ว เพราะมันก็จะมีเวลา ถึงเวลาของมัน เราใช้วิธีสื่อกัน เพราะท่านก็เป็นร่างรอเทพมาสื่อ แล้วก็คุยรอบอกเฉยๆ เวลาดูดวงให้แต่ละคน”

“ก็รู้สึกช็อก เพราะถึงจะไม่ได้เป็นญาติเขาแต่คือ สมมติเราพาคนไปดูดวงทั้งหมด 100 คน ทุกคนในร้อยคนจะต้องมาเล่าให้เราฟังถึงความอเมซิ่งในชีวิตเขา แล้วเราก็หาคำตอบมาตลอดว่าอนาคตมันมีจริงๆ เหรอ แล้วคำทำนายอย่างที่ นอสตราดามุส เขาพูดมาทุกอย่างก็เกิดขึ้นหมดเลย แล้วเกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ ก็เตรียมอาวุธเสร็จหมดแล้วด้วย เราก็เลยเชื่อคำทำนาย แล้วก็ไปโยงกับยุคศรีอริยเมตไตรย แล้วมีพระอาจารย์จากอีสาน ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เราเข้าไปพบท่านกับมดดำ เขายังบอกเลยว่าเราไม่ต้องกลัว เราจะรอดพ้นจากสงคราม รอดพ้นทุกอย่าง แล้วเราจะอยู่จนถึงยุคศรีอริยเมตไตรย คือ คำพวกนี้พระผู้ใหญ่พูดกับเรามานานมาก เราก็คำนายไว้แล้วก็คอยดูเหตุการณ์ทั่วโลก เราถึงเร่งทำบุญสวดมนต์ เพราะเรารู้ว่าคนเรามันไม่แน่นอนเลยถึงจะรู้อนาคตล้นฟ้าคุณก็ตายหมด ยิ่งหมอดูอีทีเสียมันก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่เอาอนาคตมาบอกก็คงจะเป็นคนสุดท้ายแล้ว”

เผย “หมอซาน ซานิโบ” คือ หมอดูคนใหม่ที่กำลังมาแรงแทน “หมอดูอีที” ขนาด “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ก็ยังบินไปดูมาแล้ว
“เราเพิ่งพา บุคโกะ ไปทำรายการเรื่องหมอดูอีที แล้วเราเหมือนรู้ก็เลยไปเปิดหมอดูคนใหม่ชื่อ ซาน ซานิโบ ที่ดูให้คุณหญิงพจมาน เราก็ถ่ายไว้เสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เร่งคนตัดต่อแล้ว แล้วตอนนี้ ซาน ซานิโบ เขาเป็นหมอดูตาบอดกำลังจะดังที่สุดในพม่าแล้ว เขาออกรายการวิทยุ เขามีหนังสือดวง แล้วเขาพูดแต่ภาษาอังกฤษ ฉะนั้น คนไทยเลยไม่ชอบดู แต่เขาดังที่สุดในพม่า แต่หมอดูอีทีเขาจะดังทั่วโลกกับดังในไทยมากกว่า”

“ตอนนี้กำลังคุยกับทางพม่าอยู่ เห็นเขายุ่งๆ เลยไม่อยากไปถามอะไรมากมาย ก็คงต้องบินไป แต่ยังไม่รู้ธรรมเนียมของประเทศเขา ว่า ต้องเผาศพวันไหนหรืออะไรยังไง แต่จะถามภายในคืนนี้ เราก็คงไปเพราะว่าเราก็ผูกพันกัน”

“ท่านเขียนคำทำนายไว้แล้วด้วยว่า เราจะต้องทำงานกับพี่ต๊ะ แล้วตอนนี้พี่ต๊ะเขามีลิขสิทธิ์หนังเรื่องอีทีอยู่ พรุ่งนี้ก็จะพูดในรายการแฉด้วยว่า ท่านเคยเขียนคำทำนายไว้ให้เราว่า เราจะมีชื่อเสียงและดังเท่าเขาเลย แต่คำทำนายนี้ประมาณปีกว่าแล้วนะ เราก็ยังถามท่านเลยนะว่าดังเหรอ จะดังกว่าท่านเลยนี่ดังยังไง ท่านก็บอกว่าใช่ same like me ท่านเขียนแบบนี้ดังเท่าเขาเลย เราก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ เพราะคิดว่ามันมันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นอนาคต เราก็ไม่มานั่งหลงตัวเองว่าจะดัง จะได้เล่นหนังเหรอ หรือจะดังยังไง ไม่ได้เป็นดารา อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว จะไปดังเรื่องอะไร จนเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น ตื่นมาทำไมมีคนโทรตาม มดดำก็โทรมาว่าเดี๋ยวมาออกรายการให้ด้วยนะ ให้ครีเอทีฟโทรมาคุยบรีฟกับเรา ขนาด ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เขายังโทรมาหาเราเลย”



กำลังโหลดความคิดเห็น