“ปันปัน เต็มฟ้า” ปลื้มคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ ให้ “แม่แหวน” ภูมิใจ แอบเศร้าเพิ่งผ่านวันคล้ายวันเกิด เผยต้องเข้มแข็งไม่อยากให้แม่ต้องห่วง ลั่นเดินหน้าสู้ เรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในทุกๆ วัน จะมานั่งร้องไห้อย่างเดียวไม่ได้ แพลนเรียนต่อปริญญาโท แต่ขอทำงานทั้งในและนอกวงการควบคู่กันไปก่อน
ใกล้จะรับปริญญาแล้ว สำหรับลูกสาวคนเก่งของ “แหวน ฐิติมา สุตสุนทร” นักร้องดังผู้ล่วงลับ ซึ่งถ้าคุณแม่ยังอยู่จะต้องภูมิใจ เพราะ “ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ” คว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะเศรษฐศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเปิดใจในงานแถลงข่าวโครงการวาโก้ โบว์ชมพู สู้มะเร็งเต้านม ปี 60 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซน EDEN ชั้น 3 ฝั่ง ZEN รับหายเหนื่อย เชื่อจะทำให้แม่ภูมิใจ
“ตื่นเต้นมากค่ะ เมื่อวานไปซ้อมรอบหนึ่งแล้ว คิวเป็นไปด้วยความรวดเร็วมาก เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ก็รู้สึกตื่นเต้นทั้งที่จะได้เจอเพื่อนๆ อีกรอบหนึ่ง รวมถึงคนที่มาร่วมแสดงความยินดีค่ะ ก็ใจหายว่าตอนที่เข้ามาปีหนึ่ง ก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ปีสี่แล้วกำลังจะจบคือเป็นผู้ใหญ่มากๆ แต่มาตอนนี้ 4 ปีมันไวเหมือนโกหกจริงๆ ค่ะ ก็รู้สึกว่าเราต้องเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะ เราต้องก้าวสู่ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่”
“ก็หายเหนื่อยเลยค่ะ ดีใจที่อย่างน้อยเราก็ทำให้คุณแม่ได้เห็นว่าเราเรียนจบแล้ว แล้วก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ให้คุณแม่ภูมิใจ ได้เรียนมหาวิทยาลัยที่คุณแม่เคยเรียนด้วย อันนี้ก็ยิ่งภูมิใจเข้าไปใหญ่เลย วันที่ซ้อมก็นึกถึงคุณแม่เลย ยังคิดเลยว่าวันนั้นคุณแม่จะนั่งตรงไหนนะ ในวันที่คุณแม่ไปรับ เพราะรูปที่คุณแม่รับปริญญาก็ยังอยู่ที่บ้าน ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ทำให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ เพราะคุณพ่อก็มีความผูกพันกับจุฬาฯ เคยไปรับคุณแม่ตอนที่ยังเรียนอยู่ คุณพ่อก็ภาคภูมิใจ บางทีมีข่าวเราในอินเทอร์เน็ต เพื่อนๆ คุณพ่อก็จะส่งมาให้ท่านดูว่าเราใส่ชุดครุยนะ คุณพ่อก็จะส่งมาให้เราอีกทีว่าเก่งมากเลยลูกใครเนี่ย”
“การวางแผนชีวิตหลังจากนี้ก็คงทำงานในวงการด้วย แล้วก็อาจจะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ด้วยสัก 1 - 2 ปี แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญาโทค่ะ ก็ขอพักทำงานก่อน”
เศร้าเพิ่งผ่านวันเกิดคุณแม่ จะเข้มแข็งไม่อยากให้แม่เป็นห่วง
“วันนั้นก็เศร้านิดหน่อยค่ะ เราจะเขียนไว้ตลอดว่าวันนี้วันเกิดคุณแม่ในปฏิทิน พอเรามาเห็นก็รู้สึกใจหาย เพราะปกติจะมีการฉลองทุกปี ทั้งกับเพื่อนๆ คุณแม่ แล้วก็เพื่อนเรา ก็จะสนุกสนานมาก คราวนี้ทุกคนก็คิดถึงคุณแม่ว่าคุณแม่จากไปแล้วจริงๆ”
“ทุกปีก็จะพาคุณแม่ไปทานอะไรอร่อยๆ เพราะปกติคุณแม่ทำงานยุ่งมาก อดมื้อกินมื้อ จริงๆ ทำงานในวงการเวลามันไม่แน่นอน แล้วคุณแม่ก็จะบ่นกับเราว่าอยากทานอันนี้นะๆ เราก็จะพาท่านไปทาน ถ่ายรูปกัน ปีนี้เราก็ไปทำบุญ แล้วก็สวดมนต์ให้ท่าน แล้วก็มีการอวยพรให้คุณแม่ คิดว่าท่านมองเราอยู่ตลอด ก็พยายามจะคิดว่าท่านไม่ได้จากเราไปไหน ทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่ให้คุณแม่เป็นห่วง เพราะเชื่อว่าคุณแม่ต้องมีความเป็นห่วงเราอยู่แล้ว เพราะเราก็ยังไม่ได้โตจนเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเองได้หมด ก็ต้องพยายามเรียนรู้วิธีดูแลตัวเอง การดูแลบ้าน ดูแลครอบครัว เพราะเราเป็นเสาหลักแล้ว ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตตามสิ่งที่คุณแม่เคยสอนมาตลอด คุณแม่อยากให้เราโตขึ้นเป็นคนยังไง เราก็พยายามจะทำแบบนั้น คุณแม่จะได้ภูมิใจค่ะ”
บอกเข้มแข็ง ฮึดสู้ เพราะมีหลายเรื่องให้ต้องสะสาง จะมานั่งร้องไห้อย่างเดียวคงไม่ได้
“ตอนนี้เราเข้มแข็งด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเร็วมาก พอคุณแม่เสียเราก็มีหลายๆ เรื่องที่เราต้องดูแล เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องพินัยกรรม เรื่องอะไรหลายๆ อย่างมากมาย ก็เลยทำให้เราต้องโอเค ต้องฮึดสู้ จะมานั่งร้องไห้อย่างเดียวมันก็ไม่ได้แล้ว คุณพ่อก็กำลังใจดีขึ้นค่ะ คือความจริงคุณพ่อไม่ได้ห่วงปันปันมากเท่าคุณแม่ เพราะคุณพ่อก็มั่นใจว่าเราจะสามารถดูแลตัวเองได้ แต่ด้วยความที่เราอยู่เกาะติดคุณแม่มาตลอด ก็จะเห็นเราในมุมที่เป็นเด็ก เขาก็จะกังวล เราก็จะพยายามทำตัวเองให้เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ค่ะ”
ร้องไห้วันลอยอังคาร ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในโกศให้อยู่กับคุณยาย ไม่อยากให้ไปไหน
“วันที่ไปลอยอังคารเราก็บอกคุณแม่ว่าอยากให้คุณแม่ไปในที่ที่คุณแม่ชอบ แต่เราก็ลอยแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ในโกศให้ไปอยู่กับคุณยาย แล้วอีกส่วนก็อยู่ที่บ้านเรา เพราะยังรู้สึกว่าไม่อยากที่จะลอยทั้งหมด ก็แอบเสียน้ำตาเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าเราจะได้มาลอยอัฐิท่านเร็วขนาดนี้ ก็ใจหายแต่ก็บอกตัวเองว่าให้ฮึดสู้ ทุกอย่างต้องเดินต่อไปค่ะ”