“ครูเงาะ” ตั้งโต๊ะแถลงซัด “ครูอ้อย” หน้ามึนขอให้ลบคลิปแต่ไม่ลบ อ้างไม่เสียหาย เปิดใจข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ 11 ล้าน จวกไม่ได้หิวเงิน ถึงขนาดต้องเอาชื่อเสียงเกียรติยศมาแลก ซัดมันไม่เมกเซ้นส์ ย้อนถามทำไมต้องไปแจ้งความที่ชลบุรี ยันตอนแรกไม่โกรธ เพราะไม่ให้ราคา แต่มาล้ำเส้นก่อน เตรียมขึ้น สน. ขอดูหลักฐานอ้างขู่กรรโชกทรัพย์ ลั่นฟ้องกลับแน่เอาเรื่องให้ถึงที่สุด สาบานต่อหน้าพระ ไม่มีข้อความข่มขู่ล้านเปอร์เซ็นต์ ฝากมาพูดกันดีๆ เรื่องก็จบ
จากกรณีที่ “อ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง” หรือ “อ้อย เข็มทิศชีวิต” ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยระบุว่า มีบุคคลที่ข่มขู่เพื่อกรรโชกทรัพย์ตนเองเป็นเงิน 11 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่า 1 ใน 3 นั้นมีรายชื่อ “ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ” รวมอยู่ด้วยนั้น โดยครูเงาะได้โพสต์ข้อความว่าบางครั้งการเงียบก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนบางประเภท ถึงเวลาพูดเราก็ต้องพูด ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ส.ค. ครูเงาะได้หอบหลักฐานท้าชนครูอ้อยในรายการ คุยเช้า Show ออกอากาศทางช่อง one 31 โดยเผยว่า ถ้าฟ้องมาก็จะฟ้องกลับให้ถึงที่สุด
“ขอบคุณทุกคนที่มานะคะ หลังจากที่มีข่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมาครูเลือกที่จะเงียบ เพราะสิ่งที่เขาออกมา เอาตรงๆ คือ ครูไม่ไปให้ราคาค่ะ ครูเป็นครู ทำมาหากินใช้ชีวิตปกติ มีใครอยากมีเรื่องกับคนอื่นมั้ย ต่อให้ออกมาแล้วครูถูกแบบ 100% แต่มีเรื่องกันภาพมันดีมั้ย แต่พอเราเงียบมาเป็นปี เราเลือกที่จะไม่เปิดเผยอะไรเลย เขาอยากจะพูดอะไรให้เขาพูดไป แต่ตอนนี้มันเกินเส้น การที่เขาบอกว่าเรามาขู่กรรโชกทรัพย์ แรกๆ ก็ไม่โกรธ มันเหมือนการที่มีคนมาบอกเราว่าครูเงาะเป็นผู้ชายก็แค่นั้น แต่หลังๆ มันเริ่มมีมาตลอดเวลา และมาบอกว่าครูเงาะไม่ไปพบตำรวจถึง 2 ครั้ง และจะออกเป็นหมายจับแล้ว ก็เลยคิดว่าคงถึงเวลาที่ครูต้องออกมาพูด ไม่อย่างนั้นสังคมก็จะมีคำถามกับครู”
“ขอชี้แจงเรื่องหมายแรก ครูอยากให้ดูว่ามันใช่หมายเรียกมั้ย (พร้อมเปิดหลักฐานให้ดู) หมายแรกบอกว่าบริษัท เข็มทิศชีวิต มาแจ้ง แต่ผู้ต้องหาใครก็ไม่รู้ ไม่มีชื่อผู้ต้องหา แต่มาแจ้งให้ครูเงาะไปเป็นพยาน คุณไปมีเรื่องกับใครก็ไม่รู้ นี่คือ ฉบับแรกที่ได้ จากนั้นครูก็ได้รับจดหมายจากตำรวจบอกว่าครูเงาะต้องเข้าไปแล้วนะ เป็นหมายเรียกผู้ต้องหา เขาบอกว่าอันนี้เป็นฉบับที่ 2 แล้ว แต่เราก็บอกว่าฉบับแรกยังไม่ได้เลย เขาก็ยืนยันว่า ฉบับแรกออกมาแล้ว ครูก็เลยให้เพื่อนที่เป็นทนายวิ่งไปที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทะเบียนบ้านครูอยู่ในนั้น สน.ทุ่งมหาเมฆ ก็ยืนยันว่า ไม่มี มีหมายแรก มีแค่หมายเดียวอันนั้นแหละ แล้วทางตำรวจก็โทร.มาหลายรอบมาก เราก็บอกว่าคุณตำรวจเราไปแน่นอน แต่ขอให้เราเห็นหมายก่อนได้มั้ย จนเวลาผ่านไปก็มีหมายฉบับ 2 มาบอกว่า คดีระหว่างคุณฐิตินาถ บริษัท เข็มทิศชีวิต และ คุณวินัย บุญโชติ กับพวก ซึ่งมาเป็นหมายครั้งที่ 2 เลย ไม่มีหมายครั้งที่ 1 ส่วนครั้งที่ 1 เป็นหมายเรียกพยาน แล้วก็มาหมายเรียกผู้ต้องหาเลย อย่างแรกเลยคือ คุณวินัย บุญโชติ คือใคร เราก็ไปเสิร์ชหาในเฟซบุ๊กก็ขึ้นมาเป็นหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เราก็ไม่รู้จัก เราเพิ่งมารู้ตอนเขามาออกรายการทีวีช่องหนึ่ง ก็เพิ่งรู้ว่าเขาคือผู้ชายวัย 50 กว่า หมายบอกว่าให้เราไปพบวันที่ 15 ส.ค. น่าแปลกมากเลยที่พอวันที่ 16 ส.ค. ก็ออกข่าวเลยว่าครูเลื่อนถึง 2 ครั้งแล้ว ทั้งที่ความจริงวันที่ 13-15 ครูเงาะไปปฏิบัติธรรม (เปิดตารางงานของตัวเองให้ดู) วันที่ 15 ทนายเรามีธุระไปไม่ได้ วันที่ 16 ครูเองก็มีถ่ายรายการถึง 5 ทุ่มก็ไปไม่ได้อีก วันที่ 17 - 20 ก็มีงาน วันที่ 21 เป็นวันเดียวที่ครูว่าง จริงๆ เราอยากไปให้เร็วที่สุดเพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อยากรู้ว่าเขาเอาหลักฐานอะไรมาว่าเราเป็นผู้ต้องหา แล้วเราสงสัยว่าทำไมถึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบ่อทอง จ.ชลบุรี เราก็ถามไปทางตำรวจว่าทำไมถึงแจ้งที่สน.บ่อทอง ตำรวจก็บอกว่า คุณฐิตินาถ ไปทำบุญบริเวณนั้นแล้วเห็นว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตกใจก็เลยต้องรีบไปแจ้งสถานีตำรวจที่ใกล้เคียงบริเวณนั้น แต่ถ้าดูจากหมายศาลครูฝากถามไปทางตำรวจ หมายแรกเขียนว่าแต่งตั้งทนาย คือต้องเป็นการตกใจอย่างมีสติมาก ที่แต่งตั้งทนายแล้วกลับไปแจ้งในพื้นที่ที่ตกใจได้ ครูเงาะฝากชวนคิดว่าทำไมต้องเป็น สน.บ่อทอง ถ้าใครเป็นลูกศิษย์ครูฐิตินาถก็จะรู้ว่าทำไมถึงเป็นสน. ในเขตชลบุรี ช่วยดูให้ด้วยแล้วกัน ครูขอพูดแค่นี้ ไม่อยากพาดพิงอะไรไปมากกว่านี้”
บอกสงสัยทำไมต้องไปแจ้งความที่ชลบุรี
"ครูสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ครูพูดไม่ได้น่ะสิ มันเป็นความคิดของครูเอง มันอาจจะไม่จริงก็ได้ไง ฝากพี่ๆ นักข่าวช่วยดูให้หน่อย (รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่บริสุทธิ์ใจ?) ครูรู้สึกว่า พ.ร.บ. ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สามารถแจ้งตรงไหนก็ได้ในโลก ถ้าเป็นกรณีขโมยของก็ต้องแจ้ง ณ พื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อยู่ที่ไหนคุณสามารถแจ้งได้เลย เขาจะมีลูกศิษย์เป็นผู้ใหญ่ในพื้นที่นั้นหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไปสืบเอาเอง ลองไปสืบดู ชวนคิดไว้ จากหลักฐานที่พูดไปก็ดูแล้วกันว่าครูหนีหรือเปล่า”
“หมายเรียกฉบับที่ 2 ที่เขาให้ไปรายงานตัววันที่ 15 ส.ค. ครูเพิ่งได้หมายวันที่ 11 ส.ค. ตำรวจที่ สน. ทุ่งมหาเมฆ ยังบอกเพื่อนครูที่เป็นทนายเลยว่าทำไมคดีเร่งขนาดนี้ ฉบับที่ 1 มาก่อนอาทิตย์หนึ่ง แล้วฉบับที่ 2 ก็ส่งมาอีก 1 อาทิตย์ถัดมา”
ซัดหน้ามึนขอร้องให้ลบคลิปเป็นปีแต่ไม่ทำ จนชักมีอารมณ์
“ประเด็นถัดมาเขาบอกว่ามันมีการชี้โยง มันเป็นกระบวนการหรือเปล่า ทำไมพวกเหล่าดารามาโพสต์พร้อมกัน ขอชี้แจงเป็นไทม์ไลน์เลยนะคะ จริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับครูมันเกิดขึ้นเป็นปีแล้ว ครูเคยร้องขอไปว่าให้เอาภาพของครูในคลาสออก เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่ยังมาถามว่า หนูจะไปเรียนเพราะครูเงาะเลยนะคะ เราก็เลยแจ้งไปทางเขาว่าทั้งทางข้อความและโทรศัพท์ไปว่ายังมีคนเข้าใจอยู่ว่าเรายังไป ขอให้ลบภาพออกได้มั้ย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ (โชว์หลักฐานข้อความการคุยกัน) ซึ่งเราพูดจาดีมาก และระหว่างทางเราขอแบบนี้มาตลอด”
“จนตอนหลังรู้สึกมีอารมณ์แล้ว จนรู้สึกว่าถ้าคุณไม่เอาลง ฉันจะขึ้นโพสต์แล้วนะ ทั้งที่เราก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่อง ไม่อยากให้เรื่องถึงนักข่าว แต่เราขอดีๆ แล้วก็ไม่ดำเนินการให้ บอกแค่ให้เราไปคุยกับทนายเขา เราก็ส่งจดหมายไปหาเขาถึง 2 ครั้ง แล้วจดหมายก็ถูกตีกลับ ทนายเขาก็บอกว่าให้ครูเงาะบอกมาว่าให้เอาออกวินาทีไหนบ้างในคลิป เราก็จดรายละเอียดให้ว่าเอาออกวินาทีไหนบ้าง แต่ทนายก็บอกว่าไม่เห็นครูเงาะจะเสียหายอะไรนี่ครับ เขาก็ยืนยันที่จะใช้ภาพต่อ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเป็นภาพที่เสียหาย ที่ครูต้องไปโป๊ท่อนบนเปลือยท่อนล่าง แต่มันเป็นเรื่องที่เราไม่ยินยอม เราก็ขอให้เอาออกเท่านั้นเอง”
“จนมาถึงวันที่ 1 พ.ค. ในพันทิปโพสต์ถึงคุณฐิตินาถในทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วดันมีคอมเมนต์หนึ่งพาดพิงมาถึงครูเงาะ ว่า ครูเงาะมีผลเยอะมากในการเรียกคนเข้าไปในคลาสนี้ จึงเป็นที่มาให้ครูเงาะโพสต์ในเพจของตัวเองว่าครูเงาะไม่ได้อยู่ในคลาสนี้แล้ว ซึ่งวันนั้นครูนั่งอยู่กับน้องปอย ตรีชฎา พอดี น้องปอยก็เลยบอกว่า งั้นฝากบอกให้ปอยด้วยแล้วกันว่าปอยก็ไม่ได้อยู่ในคลาสนี้แล้ว พอเราโพสต์มันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะเราโพสต์ในเพจของเราเอง”
ยันไม่ได้สั่ง “อุ๋ย บุดดาเบลส-เอ๋ มณีรัตน์” มาร่วมขบวนการกัน
“ต่อมาวันที่ 5 เดือน 6 เขาก็ยังโพสต์คลิปนี้อยู่ ซึ่งในคลิปนั้นมีทั้งครูเงาะ อุ๋ย บุดด้าเบส และ เอ๋ มณีรัตน์ ครูเลยคิดว่าคงต้องพิมพ์บอกแล้วว่าไม่ใช่ แต่ในขณะนั้นทางน้องอุ๋ยได้โพสต์ไปแล้ว แต่อุ๋ยไม่ได้โทร.มาบอกครูว่าเขาจะโพสต์ เราไม่ได้มีการนัดแนะกัน ครูไม่ได้ โทร.ไปบอกให้เขามาร่วมขบวนการกัน เขาโพสต์ของเขาเอง อุ๋ยก็ขอให้ทางนั้นเอาคลิปออกเหมือนกัน ส่วนน้องเอ๋ มณีรัตน์ เขาสนิทกับอุ๋ย เขาก็คุยกันว่าเห็นอุ๋ยเอาคลิปออกได้ เอ๋ก็อยากเอาออกเหมือนกัน เอ๋ก็เลย โทร.ไปหาทางโน้นเพื่อขอให้เอาคลิปออก แต่ทางโน้นก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรให้ หลังจากนั้นเอ๋ก็โทร.ไปอีก ทีนี้เขาไม่รับโทรศัพท์เอ๋แล้ว โดยที่เขาไม่ทราบว่าเอ๋กับอุ๋ยนั่งอยู่ด้วยกัน เอ๋ก็เลยใช้โทรศัพท์อุ๋ยโทร.ไป ปรากฎทางโน้นรับโทรศัพท์ ก็เลยเป็นเหตุทำให้เอ๋เคือง น้อยใจว่าทำไมสองมาตรฐาน”
“ทำไมรับโทรศัพท์อุ๋ย ไม่รับโทรศัพท์เอ๋ เอ๋จึงไปปรึกษาทนายว่าเขาจะโพสต์ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคลาสนี้แล้ว ซึ่งครูเงาะมารู้เรื่องหลังจากที่เขาโพสต์ไปแล้ว เหตุการณ์เป็นแบบนี้จริงๆ พวกเขาโพสต์ของเขาเอง แล้วทั้งเอ๋และอุ๋ยก็บอกว่าทางโน้นโทร.กลับมาหาเขาและถามทำนองว่า มีคนมาเกลี้ยกล่อมให้คุณทำหรือเปล่า พอดีกำลังมีปัญหากับนักเรียนคนหนึ่งอยู่ มันเหมือนกับว่าทางเขาเชื่อแล้ว เชื่อก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรืออาจจะแค่สงสัยก็ได้ อาจจะยังไม่เชื่อว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกัน ซึ่งอุ๋ยก็บอกว่าไม่เกี่ยวเลยมันเรื่องของผม พอเป็นแบบนี้ครูก็เลยหยุดไม่โพสต์ในส่วนของตัวเอง เดี๋ยวมันจะเหมือนโพสต์ต่อกัน”
“แล้วหลังจากนั้นทางโน้นก็ออกมาบอกว่าน้องเอ๋เซ็นยินยอมในการให้ใช้ภาพมันก็เลยเป็นเหตุให้ครูออกมาโพสต์ว่า ถ้าอย่างนั้นมันเช็กง่ายมากเลย เอาเอกสารออกมาดู ซึ่งทางน้องเอ๋ก็ได้มีการเซ็นจริงค่ะ แต่เซ็นแค่ครั้งเดียวและเป็นช่วงหลังด้วย เพราะในช่วงแรกที่เขาเอาคลิปที่มีครูเงาะด้วยไปออกในรายการหนึ่ง ไม่มีการขอแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะครูจำได้ว่าเพื่อน โทร.มาบอกว่าเราออกรายการ กำลังร้องไห้อยู่เลย และพูดเรื่องส่วนตัว ภาพแบบนี้ใครจะอยากให้เอาออก ส่วนคลิปของน้องเอ๋มันเป็นตอนที่น้องกำลังระบายอะไรบางอย่างออกมา แล้วเขาไม่ได้เอาออกตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขาเลือกเฉพาะบางตอนไปออก ผลที่ตามมา ก็คือ มีคนมาถามคุณแม่น้องเอ๋ว่าลูกเป็นอะไร มีปัญหาอะไรเหรอ ครูก็ขอเขาไปว่าเราไม่สะดวกใจจริงๆ ที่จะให้ใช้ภาพนี้ในสื่อสาธารณะ เพราะมันมีคนไม่เข้าใจ แล้วหลักการสะกดจิตบำบัด การที่คุณเอาภาพแบบนี้มาออกมันไม่ถูกจรรยาบรรณ”
“ตรงนี้ยังไม่ใช่จุดแตกหักค่ะ ตอนนั้นยังยอมอยู่ มันรู้สึกแต่ด้วยความที่เราเคารพเพราะเรายังเห็นว่าคำสอนในตอนต้นๆ ที่เราไปเรียนมันยังดีอยู่”
เฟดตัวออกเพราะเหตุผลหลายอย่าง แนวทางการสอนไม่ตรงกัน
“เหตุผลมีหลายประการมาก ประการแรกคือเรื่องลักษณะการสอนในคลาส ซึ่งคลาสแรกครูได้ประกาศนียบัตรมาด้วย เรียนจ่ายตังค์ด้วยนะ มีแค่ช่วงหลังๆ ที่เขาเชิญให้เขาไปเรียนฟรี ซึ่งประกาศนียบัตรทั้ง 3 ใบ คุณฐิตินาถเป็นคนมอบให้ ซึ่งหลักสูตรมันเป็นลิขสิทธิ์ของต่างประเทศ อันนี้ขอพูดแก้แทนเขา เพราะบางคนจะบอกว่าค่าเรียน 2 แสน ทำไมแพงจังเลย จริงๆ อันนี้มันเป็นหลักสูตรต่างประเทศก็จะราคาประมาณนี้ ซึ่งใบประกาศนียบัตรเป็นใบประกอบวิชาชีพที่เราสามารถไปประกอบวิชาชีพได้ ซึ่งมันก็ดีเพราะศาสตร์นี้เป็นศาสตร์เกี่ยวกับจิตวิทยา”
“ไปเรียนตอนแรกมันก็ดีค่ะ หลักสูตรของมันเองที่มาจากเมืองนอกมันดีอยู่แล้ว เพราะมันสอนในเรื่องให้เรากลับมารู้จักตัวเอง ให้เรารักตัวเอง เคารพตัวเอง ซึ่งครูเงาะก็ไปเรียนที่ต่างประเทศมาด้วย ไม่ได้เรียนที่เมืองไทยอย่างเดียว และที่ครูเงาะไปเรียนที่ต่างประเทศก็เป็นที่เดียวกันกับที่คุณฐิตินาถไปเรียนมาเหมือนกัน ในช่วงต้นที่ไปเรียนกับคุณฐิตินาถ เราก็เห็นว่าคลาสของเขามีประโยชน์ ครูยังชวนนักเรียนของครูไปเรียนตั้งหลายคน เพราะเราเห็นว่ามันดีนะ แต่มันมาหลังๆ ที่เราเห็นว่ามันสวนทางกับความเชื่อของครู เช่น ครูมีความเชื่อว่านักเรียนต้องบิน อย่ามาติดครู ถ้ามาเรียนกับครูแล้วคุณต้องออกไปเติบโต ไม่ต้องกลับมาหาครูเอง ถ้าครูให้เด็กบินไม่ได้ ครูจะรู้สึกเสียความมั่นใจในตัวเอง ถ้าสอนไปแล้ว แล้วเด็กมาลงเรียนซ้ำ เราจะรู้สึกว่าเราสอนไม่ดีเหรอ ถึงได้กลับมาลงเรียนอีก นี่คือแนวทางของครู แต่ในคลาสเขา (ฐิตินาถ) พูดว่าต้องกลับมาเรียนอีกนะคะ เพราะมันจะมีเรื่องของสเตทตก ถ้าเกิดใครห่างห้องเรียน จิตมันจะตก แล้วถ้าจิตตกชีวิตเราขาลงมันเร็วมากนะ ถ้าอยากดูเทปไปขอดูได้ว่าเขาพูดแบบนี้แน่นอน เราก็เลยรู้สึกว่ามันต้องกลับมาตลอดเหรอ เราต้องกลับไปนอนกรีดร้องอีกแล้วเหรอ”
“และมันจะมีเรื่องของหมื่นล้าน ให้เราสปรินซ์ว่าเราจะมีเท่าไหร่ ก็จะมีบางคนบอกฉันจะมีร้อยล้าน บางคนบอกจะมีหมื่นล้าน คนจะมีร้อยล้านเลยดูจนไปเลยทีนี้ ทั้งที่ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครมีเงินเลยนะ แต่เขาก็ไม่ได้บังคับให้ทุกคนต้องพูดหมื่นล้าน คือมันเป็นปัญหาของครูเองไม่เกี่ยวกับเขา มันกลายเป็นเราที่ทำงานไม่มีความสุข กลายเป็นว่า เอ๊ะเราจะหมื่นล้านๆ กลายเป็นว่าแต่ก่อนเราทำงานมีความสุขดี ครูก็เลยรู้สึกว่ามันสบายกว่าที่เราจะไม่ไปคำนึงถึงเรื่องนั้น ต่อให้ชีวิตเราจะตก ครูก็ขอรับผิดชอบชีวิตเราเอง หลักการสอนของเขาในช่วงหลังๆ ครูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันไม่ตรงกับหลักการของครู”
ท้าให้เปิดข้อความส่วนตัวที่คุยกันมั้ยล่ะ จะได้รู้กันทั้งประเทศ
“และในส่วนอื่นๆ ที่ทำให้ครูต้องออกมา ครูฝากนักข่าวถามไปทางคุณฐิตินาถก็ได้ ให้ครูเปิดเผยข้อความส่วนตัวที่คุณฐิตินาถและกลุ่มส่งหาครูได้มั้ย จะได้ไม่ต้องเดาว่าทำไมครูถึงออกมา ถ้าเขาอนุญาตเปิดเผยได้ครูยินดีมาก คนทั้งประเทศจะได้เข้าใจครูและหลายๆ คนถึงออกมา”
งงหนักชี้นำให้ตนกลายเป็นคนขู่กรรโชกทรัพย์ 11 ล้าน ถามดูหิวเงินขนาดนั้นเลยเหรอ ซัดไม่เมกเซ้นส์
“(หัวเราะ) เขาบอกว่า 11 ล้าน คำถามคือทำไมต้อง 11 ล้าน ทำไม่เป็นเลขกลมๆ 10 หรือ 100 11 ล้านมันคือเลขอะไร มันเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตครู ไปทำธุรกรรมอะไรกับเขาที่เกี่ยวกับ 11 ล้าน ข้อที่สองคือ คุณวินัยเป็นอะไรกับครู ถ้าครูไม่รู้จักเขา จะไปร่วมแก๊งกับเขาทำไม ข้อที่สามต่อมา ราคา 11 ล้าน ที่คุณทนายคลายทุกข์ออกมาบอกว่าแก๊งนี้ร่วมกัน 20 คน หาร 11 ล้านตกเหลือคนละ 5 แสน 5 นะคะ ครูดูหิวเงินขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเอาชื่อเสียงเกียรติยศไปขู่เงิน แล้วจะไปรับเงินที่ไหน ขึ้นบัญชีที่ไหน มันไม่เมกเซ้นส์เลยว่าทำไมเราถึงต้องไปขู่ เหตุจูงใจคืออะไร”
“เขาพยายามที่จะชี้โยง เป็นคนพูดว่า ลองคิดดูดีๆ นะคะถ้าครูไม่อยู่ ครูล้มใครจะขึ้นมาแทน เราจะขึ้นไปแทนเขาได้มั้ย คนเรามันแทนกันไม่ได้ ทุกคนมีทางของตัวเอง แล้วที่ครูสอนครูเอาวิชาที่ครูเรียนทั้งหมดไม่ใช่กับเขาคนเดียว ทุกที่ที่ไปเรียนมาทั่วโลก มาประยุกต์สอนนักแสดง สอนแอ็กติ้ง สอนพิธีกร สอนคลาสพัฒนาบุคลิกภาพ เราเอาหลักจิตวิทยามาใส่ในคลาสที่เราสอนบุคลิกภาพ ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคลาสครูอ้อยเลยไม่มีแน่นอน ในคลาสของครูเงาะ ที่จะมาบอกว่าเราจะมีเงินเท่านั้นเท่านี้ มันไปเกี่ยวยังไงว่าถ้าเขาล้มแล้วครูจะขึ้น จะขึ้นยังไง มันไม่มีเหตุจูงใจตรงนี้เลย”
จะเข้าไปดูให้เห็นกับตา แล้วจะกลับมาแถลงอีกครั้ง
“เนี่ยถึงอยากเข้าไปดู เราไม่ทราบเลย ครูอยากเข้าไปดูวันจันทร์นี้แหละ แล้วเดี๋ยววันหลังถ้าอยากถามครูแถลงข่าวได้อีกรอบหนึ่ง ครูมั่นใจว่าจะต้องมีอีกรอบหนึ่ง”
“ข้อความที่เราส่งไปหาเขาไม่มีเรื่องเงิน เต็มที่ที่พูดคือบอกว่า นี่ถ้าคุณจะไม่เอาคลิปของฉันออก แล้วสิ่งที่คุณส่งกันในคลิปในไลน์เนี่ย ถ้าฉันเอาไปให้นักข่าวดูมันจะเป็นยังไง นี่คือเต็มที่เลยนะ สุดโต่งของครูคืออันนี้เลย ไม่มีอย่างอื่นเลย”
กร้าวต้องฟ้องกลับให้ถึงที่สุดเพราะทำให้เสียชื่ สาบานต่อหน้าพระ ไม่มีข้อความข่มขู่ล้านเปอร์เซ็นต์
“ก็ถ้าถึงจุดนี้คงจำเป็น คือต้องบอกว่าในสิ่งที่ครูมีในไลน์ ถ้าครูอยากฟ้องเขา ฟ้องได้นานแล้วนะ อย่างล่าสุดมีผู้ประสงค์ดี เพิ่งส่งข้อความที่เขาหมิ่นประมาทครูในกลุ่มมาให้ครูเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง ครูก็ไม่ได้ไปแจ้ง แต่มาถึงจุดนี้ ครูคงต้องปกป้องสิทธิ์ของครูค่ะ ก็คงดำเนินการไปถึงที่สุด เมื่อถึงที่สุดแล้วมันก็คงต้องแจ้งความกลับ เพราะมันเสียชื่อเสียงมาก เราเป็นครูมาบอกว่าเราขู่กรรโชกทรัพย์เนี่ยมันไม่ได้เลย (ในเว็บครูอ้อยมีไลน์ครูเงาะด้วย?) ขอดูว่ามันคือไลน์ครูจริงๆ หรือเปล่า ครูอยากดู ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ สาบานเอาพระมาตั้งเลยไม่มีการข่มขู่”
“เรื่องอีเมลขู่อันนี้ไม่รู้เลย อยากเห็นนี่ไง ข้อที่หนึ่งที่อยากเห็นมากคือไหนไลน์ที่ข่มขู่ ทุกคนเคยเห็นอีเมลล์ที่ข่มขู่จริงๆ หรือยัง ไม่เคยถูกมั้ย คำที่บอกว่าจงเลิกสอน ต้องเลิกทำสิ่งที่ดีๆ สร้างสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม ครูอยากเห็นมากเลย ถ้ามีจริงๆ ขอดูหน่อย ขู่ 11ล้านเนี่ย ครูก็ขอดู เปิดให้ดูได้มั้ย อยากให้สื่อมวลชนได้เห็นด้วย ซึ่งวันที่ 21 ที่ครูประกาศ ครูก็ขอดูนะ ถ้าส่งข้อความไปขู่ไม่มีเลยล้านเปอร์เซ็นต์”
“ส่วนที่ถูกโยงเพราะมีปัญหากัน ก็อาจจะเป็นแบบนั้น เราไปบอกให้เอาคลิปออก มันไปโยงกับ 11 ล้านได้ยังไง อันนี้คือจุดที่เราอยากรู้มากเลย (สาเหตุหนึ่งเพราะเคยมีปัญหาเรื่องที่ครูเงาะไปไลฟ์สดสอน แล้วทางครูอ้อยไม่พอใจ?) อาจจะเป็นไปได้ คือ มีวันหนึ่งครูทำไลฟ์แล้วครั้งแรกในชีวิตเลย ไลฟ์แรกของครูเงาะมันมีคนมาดูล้านวิว ตื่นเช้ามามีข้อความส่งมาจากคุณฐิตินาถบอกว่าเงาะคะ มีคนมาด่าเงาะในเพจครูค่ะ ว่าเงาะ หน้า...wanna be ทำไลฟ์ไม่มีคนดู แล้วก็ยังไปซื้อแอดโฆษณาให้คนมาดูอีก เขาแท็กชื่อมาด้วยนะคะ แต่ครูลบให้แล้ว ข้อที่หนึ่งถ้าแท็กมาเราไปดูในฟีดต่อให้ลบแล้วจะเห็น แต่ไม่มี ลองไปให้ใครที่เก่ง แล้วกู้ไฟล์วันนั้นคืนมาก็ได้ ครูก็อยากรู้ ครูอาจจะกดแล้วหาไม่เจอเองก็ได้ แต่ครูหาอย่างถี่ถ้วนมากก็ไม่มี ครูก็ตอบกลับไปว่า ครูคะข้อที่หนึ่งหนูไม่ได้ซื้อแอดนะคะ หนูยังงงเลยว่าคนมาดูขนาดนี้ได้ยังไง ข้อสองต่อให้หนูซื้อแอดจริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของเพจนั้นๆ มั้ยที่จะซื้อแอด เขาจะมาด่าว่าเราหน้า... มันไม่มีความจำเป็นที่เขาจะมาด่าเราแบบนี้ ถ้าเขาด่าเงาะว่าในสิ่งที่เงาะสอนไม่ดี ด่าได้เลย แต่มาด่าแบบนี้งั้นเราขอไม่ให้สาระกับคนแบบนี้ดีกว่า เพราะคนแบบนี้ถ้าไม่ป่วยก็ขี้อิจฉามากๆแหละ สุดท้ายเขาก็ตอบกลับมาว่า อ่านคำตอบของเงาะเหมือนไม่ได้เป็นเงาะที่ครูรู้จักเลย ทำไลฟ์เดียวก็คิดว่าคนจะอิจฉาตัวเองแล้วก็เอาเถอะ”
“ถ้าทุกคนเห็นในข้อความ ในช่วงหนึ่งปีที่ครูได้รับจะพบว่าการขอคุยเคลียร์อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เราทั้งสองฝ่ายต้องการอะไรก็ว่าไป ชักชวนให้คิดว่าถ้าครูจะล้มเขาจริงๆ ครูจะแนะนำลูกศิษย์ไปเรียนกับเขาทำไม พูดถึงเขาตลอด แม้ในคลิปนั้นที่มีปัญหา ที่ว่าครูไปไลฟ์ ครูยังพูดถึงเขาในคลิปกัลยาณมิตรว่าครูรู้เรื่องนี้มาจากครูอ้อย จนครั้งที่มีปัญหาเขาให้ผู้ช่วย โทร.มาหาครูว่า ห้ามเอาคำของเขาไปสอนคำนี้เป็นคำของเขา ถึงขั้น โทร.ไปขู่พี่ชายครูด้วยนะ ว่าจะฟ้องร้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ พี่ชายเลยบอกให้กรมลิขสิทธิ์ด้วยกันว่าใครกันแน่คิดคำพูดนี้ ครูไม่เคยบอกเลยว่าสร้างขึ้นมาเอง เรียนมาเลยเอามาถ่ายทอด ทุกคนมีอัตลักษณ์ของตัวเองไม่มีใครก๊อบปี้ใคร สิ่งวันนี้ที่ครูอาจจะเข้าใจว่าเราพยายามก๊อบปี้ เราเอาศาสตร์ที่เราเรียนมาทุกศาสตร์มาประยุกต์ใช้ แล้วผู้ช่วยเขา โทร. มาบอกครูว่า ห้ามพูด พูดถึงก็ไม่อนุญาต”
“เราไม่มีทางขึ้นไปแทนเขา ครูสอนบุคลิกภาพครูสอนการแสดง มันเกี่ยวอะไรล่ะ อย่างถ้าเราสอนเรื่องการตั้งเป้าหมาย เราก็เชื่อว่าใครก็สอน นักสัมมนาสอนกันทั่วโลก บางทีครูเงาะโพสต์หลักสูตรลูกศิษย์เขาก็มาโพสต์ถามว่าคล้ายของใครนะ คล้ายของครูอ้อยนี่เอง เราก็บอกเดี๋ยวๆ หลักสูตรนี่ของญี่ปุ่น”
“จากนี้คงดำเนินไปตามกฎหมาย ว่ากันเรื่องกฎหมาย ไปอีกทีวันจันทร์นี้ ที่ 21 ที่ สน.บ่อทอง เราต้องไปดูว่าไหนเขาเอาอะไรมามั่นใจ แล้วครูเงาะก็ไม่มีการผลัดไปเรื่อยๆ”
“ส่วนจะฟ้องเขากลับข้อหาอะไรต้องไปดูว่าในนั้นเป็นอะไรบ้าง แน่นอนว่าตอนนี้มีหมิ่นประมาทเนอะ น่าสนใจตรงที่เขามาพูดประเด็นเรื่องทนายคลายทุกข์ เขาไลฟ์ไปแป๊บเดียวครูอ้อยมาแชร์เลย เหมือนตั้งติดตาม ที่สำคัญซื้อโปรโมตด้วย มันต้องขนาดนั้นเลยหรือในการที่จะแชร์เรื่องราว สิ่งที่น่าสนใจคือไอ้คำว่าผู้ต้องหามันคือคำที่แรงมากเลยนะ ซึ่งถ้าวันไหนที่ครูเงาะไปแจ้งความคุณฐิตินาถ เรื่องหมิ่นประมาทคุณฐิตินาถก็เป็นผู้ต้องหานะ ถ้าตำรวจรับเรื่อง ผู้ต้องหายังไม่ได้เป็นคนผิด แต่มันน่าสนใจว่าคำว่าผู้ต้องหามันถูกรีพลีสซ้ำๆ”
มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าตนไม่เกี่ยวข้อง
“มั่นใจ 100% ว่าเราไม่เกี่ยวข้อง มาเลย มีหลักฐานอะไร เมื่อสักครู่น้องนักข่าวบอกว่ามีไลน์ครู ขอดูว่าใช่จริงมั้ย แล้วถ้ามันออกจากตัวครูแล้วส่งไปให้ใครบ้าง แล้วเดี๋ยวครูต้องไปที่ ปอท. ให้สืบเลยว่าเว็บนี้ใครทำกันแน่ ใครจด ขอชื่อเลย ให้ทางการสืบ คงต้องปรึกษาทนาย เพราะว่ามันจะมีการไม่ให้ดูทั้งหมดหรือเปล่า อันนี้ไม่ค่อยทราบข้อกฎหมาย”
ฝากถามครูอ้อย ทำไมไม่มาคุยกันให้ดีๆ ชี้ถ้าเห็นในไลน์จะถึงขั้นกราบ
“ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ โทร.มาได้ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามเงาะ ถามเลยเพราะว่าเรารู้จักกันมาตั้งนาน ก่อนที่จะมีเรื่องเข้าใจผิด ก่อนหน้านี้เราเคยมีความสัมพันธ์ดีทำไมเราไม่คุยกัน คุยกันง่ายๆ ครูนะถ้าเห็นในไลน์จะคุยถึงขั้นกราบเลย ครูพูดดีมากเลย เราบอกว่าขอเถอะไม่งั้นสิ่งที่เรามีในนี้เราไม่อยากส่งออกไปเปิดเผย”
“ส่วนเรื่องการเซ็นยินยอมให้ใช้ภาพ ตอนแรกไม่มีการเซ็นนะคะในตอนแรกๆ ตอนได้ใบประกาศนียบัตรไม่มีการเซ็นยินยอม มามีตอนหลังๆ แล้วในนั้นบอกว่าไม่เซ็นยินยอมก็ได้ค่ะ แต่ครูกับน้องเอ๋โดนบังคับให้เซ็นยินยอม ตอนเข้าไปแล้วเขาบอกว่าต้องเซ็นนะคะ เราก็เลยต้องเซ็น เขาบอกว่าจะเอาภาพไปเผยแพร่แต่ว่าเราปรึกษาทนายแล้ว ว่าต่อให้เซ็น แต่ถ้าวันนี้เราไม่ยินยอมขอให้เอาออกได้ แต่ว่าเราเซ็นในตอนท้ายไม่ได้หมายถึงอดีต ปัจจุบัน อนาคตนะ ส่วนวันที่เซ็นแล้วอยากเอาออก เหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 1 ปี เท่าที่เห็นเขาก็พยายามเอาออกอยู่นะ นี่ดูสิถ้าเอาออกตอนแรกนะ มันจะเป็นเรื่องมั้ย มันจะลากมาถึงจุดนี้ทำไมเนี่ย เอาออกก็จบ”
ลั่นลูกศิษย์ยังเชื่อมั่น ไม่กระทบงาน ยันพร้อมจบ แต่ถ้าศึกนี้จะบานปลายก็เป็นเพราะคู่กรณี
“ไม่กระทบกับลูกศิษย์ครูเพราะว่าลูกศิษย์ครูมั่นใจในตัวครูมาก แต่ว่าคนที่เป็นเหมือนสเต็ปสอง เพื่อนของเพื่อนก็มีมาถามว่าทำจริงมั้ยเพราะว่าข่าวออกมาจนน่าเชื่อ ที่ผ่านมาเราเลือกว่าเงียบดีที่สุด แต่ว่ามันไม่ได้ดีที่สุดสำหรับบางกรณีเราเลยต้องออกมาพูด แต่ถ้าถามว่ากระทบงานมั้ย วันนี้ยังไม่มีใครมาพูดอะไรให้ครูได้ยินในเรื่องงานนะ เรื่องบานปลายครูเดาไม่ได้เลย กับครู ครูพร้อมจบไง แต่เราก็ไม่รู้ว่าทางนั้นอยากจะให้มันเป็นแบบไหน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว วันจันทร์ไปด้วยกันมั้ย ครูอยากให้ไปฟังด้วยกันจัง เรานัดเขาไว้ 09.00 น.”
บอกเปิดหลักสูตรสอนให้คิดดีทำดีพูดดี แล้วทำไมวันนี้ต้องมาตีกัน ยันถึงเวลาต้องพูด ไม่ถอดหลักสูตรคล้ายกันออกตัดปัญหา
“เป็นคำถามที่ดีมาก หลักสูตรสอนให้คิดดีทำดีพูดดีทำไมถึงตีกัน แล้วที่ผ่านมาครูเคยตีกับใครมั้ย เคยมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลกับใครมั้ย ไม่เคยเลย ถามสิว่าทำไมครูโดนมาปีหนึ่งแล้วทำไมเพิ่งมาพูด มันถึงเวลา อาจารย์ครูบอกว่าถ้าถึงจุดที่ควรต้องพูดก็ต้องพูด”
“จะบอกว่าหลักสูตรที่สอนก็คล้ายกันทุกสูตร ถ้าจะให้พูดว่าคล้ายนะ เพราะอะไร เพราะเวลาเราสอน การพูดเราก็ต้องว่าข้างในจิตของเรามันมีความกลัวอะไร ถึงพูดออกไป การสอนจิตวิทยาอยู่ในเลือดของครู มันถ่ายทอดลงในทุกรูปแบบ ฉะนั้นถ้าบอกว่ามีมั้ย มีทุกคลาส ก็ยังเปิดปกติอยู่ ถ้าต้องตัดคลาสที่คล้ายกันออกเพื่อตัดปัญหา งั้นครูต้องถอดทุกคลาสเลยนะ (ยิ้ม) ทุกคนถ้าเข้าใจวิชามันอยู่ในตัวของคน ไม่มีใครลอกใครได้”