“ปนัดดา” แจงเหตุงานไฟไหม้ ร้องประกอบ “เพลิงบุญ” อ้างรอหมดสัญญาแกรมมี่ ไม่เกี่ยวเสียบ “น้องเพลง”

“ปนัดดา เรืองวุฒิ” ลั่นไม่ได้เสียบแทน “น้องเพลง” แต่ร้องเพลงเป็นตัวแทนใจเริง แจงเหตุมาร้องปุบปับเพราะต้องรอหมดสัญญาค่ายแกรมมี่ ชี้อยู่ยาวนาน 20 ปี เตรียมทำเพลงใหม่ในมุมมองใหม่ที่อาจจะไม่เคยได้เห็น ฟุ้งชีวิตเปลี่ยนหลังถอดหน้ากาก จากเป็นมนุษย์ถ้ำต้องมีฟีดแบ็กกับแฟนเพลงมากขึ้น ยันโสดสนิทมา 5-6 ปี เซ็งหลานมีลูกแซงหน้า กลายเป็นคุณย่าไปแล้ว

โดนเอี่ยวเรื่องประเด็นดรามา “น้องเพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม” ถูกถอดจากการร้องเพลงประกอบละคร เพลิงบุญ จนได้ สำหรับนักร้องสาว “ปนัดดา เรืองวุฒิ” ที่ล่าสุดเจอเจ้าตัวในงานแถลงข่าว Miss All Nations Thailand 1989 ณ ห้องดุสิต ฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งนักร้องเสียงสวยก็เผยว่าตนไม่ได้เป็นตัวเสียบแน่นอน เพราะร้องกันคนละเวอร์ชั่น

“จริงๆ แล้วน้องเพลงอัดเอาไว้ก่อนนานเลยค่ะ แต่เรามาอัดทีหลังคือปุ๊บปั๊บอัดเลย เพราะต้องรอให้หมดสัญญาก่อนถึงจะอัดได้ แล้วเราหมดสัญญาในวันที่ 1 ก.ค. ก็เลยรีบเข้าไปอัด แต่กระแสข่าวบอกว่าเราไปเสียบแทน จริงๆ ไม่ใช่นะคะ เพราะว่าทางฝั่งเราร้องแทนความรู้สึกของใจเริง แต่ทางฝั่งน้องเพลงจะร้องแทนความรู้สึกของพิมาลา คือร้องกันสองฝั่ง สองตัวละคร”

“จะได้ยินทั้งสองเพลง แต่เหมือนกับตอนนี้เลื่อนเพลงฝั่งพิมาลาออกไป ซึ่งจะเป็นเพลงใหม่เลย นักร้องคนใหม่เลย ซึ่งก็เท่ากับเราไม่ได้มาเสียบแทน แต่เราร้องกันคนละฝั่งค่ะ แต่เพลงใหม่จะเป็นใครร้องก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ รับรองว่าแซบ เพราะทางนัทเองพี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์คุยมาสักพักแล้วค่ะ ก็รอกันมา เพราะว่ายังไม่หมดสัญญาสักที ก็พอวันที่ 1 ปุ๊บก็เข้าไปอัดเลย”

บอกเพิ่งหมดสัญญากับแกรมมี่ และเตรียมทำเพลงใหม่ที่ไม่เคยเห็นตนทำมาก่อน
“เพิ่งหมดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. เอง (ยิ้ม) ตอนนี้ก็เป็นอิสระแล้ว อยากจะไปร้องตรงไหน อยากไปทำอะไรกับใครได้หมด แต่ไม่เชิงว่าโล่งนะคะ เพราะว่าเราถือกำเนิดมา เขาสร้างเราขึ้นมา อยู่มา 20 ปี ทำให้มีปนัดดา เรืองวุฒิ ขึ้นมา ความผูกพันมันมีมากกว่าแค่สัญญาแผ่นเดียว มันเป็นเรื่องของใจด้วย แต่อย่างหนึ่งก็คือปัจจุบันนี้วิธีการขาย วิธีการตลาดมันเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นเขาก็เปิดโอกาสให้เราได้ไปทำในสิ่งที่เราอยากจะทำบ้าง แล้วก็ลองในหนทางใหม่ๆ ที่เราจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานแบบที่เราอยากจะทำได้บ้าง โดยที่เราไม่ต้องมีพันธะหรือติดอยู่กับกรอบที่เคยมีมา”

“จบด้วยดี ไม่มีปัญหาเลยค่ะ จริงๆ รุ่นที่หมดสัญญาไปพร้อมๆ กับเรามีหลายคนมากนะคะ คือมันเหมือนแค่หมดสัญญา แต่เราไม่ได้เลิกราจากกัน หรือจากกันไม่ดี เรายังมีกิจกรรม มีงานที่จะทำด้วยกันอยู่แล้ว เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว มันเหมือนแค่ว่าเราไม่ต้องมีพันธะต่อกัน แต่ว่าเรายังสามารถทำงานด้วยกันได้”

“จริงๆ มีเพื่อนที่จะทำเพลงให้ เขาก็เหมือนกับตามใจเรา อยากได้แบบไหน ทำอะไร หาแบบที่เราอยากจะทำ อยากจะเป็น คือมันเป็นคำพูดที่ติดปากเรื่องของความเป็นตัวตนค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วคนเรามันไม่ได้มีตัวตนรูปแบบเดียว มันมีหลายแบบ หลากหลายอารมณ์ ฉะนั้นเพลงที่เราเคยร้อง เคยนำเสนอมา มันมีอยู่รูปแบบเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจร้องต่อเพราะคำขอบคุณจากแฟนๆ นี่แหละ ที่บอกว่าหนูฟังเพลงพี่แล้วมันอิน เหมือนพี่เศร้าไปกับหนู แต่ขอพลังใสๆ บวกๆ มาบ้างก็ได้นะลูกนะ (หัวเราะ)”

“ก็คงไม่ถึงกับแดนซ์ตีลังกาขนาดนั้น เพียงแค่ว่าขอนำเสนอในรูปแบบที่แปลกไป วิธีการเขียนเพลง วิธีการสื่อสาร จะเป็นมุมมองใหม่มากกว่าค่ะ แต่จะภายในปีนี้มั้ย หวังว่านะคะ คือนัทมีแพลนงานเยอะมาก มีงานนางงามอีก”

เผยดีใจหลังถอดหน้ากากมีแฟนคลับมากขึ้น
“มีความถาโถมพลังงานบวกมาเยอะมาก ซึ่งดีใจมากค่ะ แล้วบางคนก็สงสัยว่าร้องไห้ทำไม แต่มันเป็นเรื่องของความตื้นตันมากกว่าค่ะ คืออยู่กับเดอะ แมสซิงเกอร์ มา 3 อาทิตย์ บางคนเขาก็ปักใจเชื่อว่าเป็นเรามาตลอด เขาก็มาให้กำลังใจเราในไอจี แต่เราตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ก็ได้แต่แอบดีใจคนเดียว แล้วพอไปร้องเพลงบนเวทีในรายการ คนเฮกับเราเยอะมาก สนุกสนานกับเราเยอะมาก บรรยากาศแบบนั้นมันหายไปนานมากแล้วค่ะ”

“ที่สำคัญคือทุกสัปดาห์ที่อยู่บนเวทีพอทำอะไรเสร็จก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปทีหนึ่ง แต่ตอนประกาศผลก็ต้องทำใจก่อนว่าถ้าเราเปิดหน้ากากออกมาแล้วเขาเห็นว่าเป็นเรา บางคนเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าก่อนหน้านี้ปนัดดา เรืองวุฒิ ร้องเพลงแบบไหนมา อยู่วงการแบบไหนมา เพราะเด็กบางคนก็เกิดไม่ทัน (หัวเราะ) 20 ปีแล้ว บางคนยังเป็นเด็กน้อยยังไม่ทันได้ฟังเพลง แล้วเขาจะรับได้หรือเปล่า อย่างแฟนเพลงเก่าๆ เขาจะรับได้มั้ยกับการที่เราไปเต้นแร้งเต้นกาสนุกสนาน คือมีความกังวลอยู่ทุกรอบ ทุกวีกว่าเปิดออกมาแล้วเขาจะรับได้มั้ยกับสิ่งที่เรานำเสนอออกไปก่อนหน้านี้ แต่หลังจากเปิดแล้วกำลังใจยังมาดีเหมือนเดิม ฟีดแบ็กพลังบวกยังมาดีเหมือนเดิม เราก็เลยจุก ตื้นตัน”

“ยอดฟอลโลว์ขึ้นเยอะมากเลยค่ะ เพราะปกติเราเป็นมนุษย์ถ้ำเนอะ ไม่ค่อยได้ไปไหน เฟซบุ๊กยังไม่มีเลย แต่เล่นไอจี แต่นานๆ ก็จะอัปเดตที แฟนเพลงเก่าๆ จะรู้ว่าบางทีเราหายไป 1-2 เดือนคือช่วงเราเข้าถ้ำ (ยิ้ม) แต่เราทำงานเบื้องหลังของเราปกติ มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายที่เราจะโพสต์ เราก็เลยปล่อยวางไปก่อน แต่ทีนี้ชีวิตเปลี่ยนตรงที่ว่ามีแฟนเพลงแฟนคลับรุ่นใหม่ที่เข้ามาถามว่าเมื่อไหร่จะโพสต์สักที เราก็ต้องมานั่งปรับตัวกันใหม่ จะมีจัดแฟนมีตติ้งมั้ยเหรอ อยากจะมีเหมือนกันค่ะ แต่น่าจะเป็นปีหน้า เพราะว่าช่วงนี้มีหลายสิ่งที่มันเริ่มและยังค้างคามาตั้งแต่ก่อนจะเข้าในรายการเดอะแมสซิงเกอร์ค่ะ”

เผยโสดสนิทมาหลายปีแล้ว เคยมีผู้ชายมาจีบ แต่ไม่รอด สเปกขอสะอาดๆ รับอยู่จนหลานมีลูก แทบไม่ไหวกระโดดไปเป็นย่า
“โสดค่ะ สนิทมานานแล้ว กริบเลย (หัวเราะ) มันไม่ใช่ไม่เปิดใจหรอกค่ะ แต่มันไม่มีโอกาสได้คลุกคลี โซเชียลก็ไม่เล่น เพราะฉะนั้นมันไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก คือไปทำงานเสร็จก็กลับบ้าน โสดมานานมากค่ะ ประมาณ 5-6 ปี ก็อาศัยกรี๊ดลูกเด็กเล็กแดงไปวันๆ แก่ไปพร้อมๆ กับศิลปินเกาหลี ญี่ปุ่น”

“ก็ไม่ได้โหยหานะ ด้วยความที่เราชิลมากซะจนนึกภาพไม่ออกแล้วว่าเวลาเป็นแฟนเขาออกเดตกันยังไง แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีคนมาจีบนะ 5-6 ปีก่อนนี้น่ะ พอไปออกเดตปุ๊บเราก็ไปพูดกับเขาว่า สั่งอะไรดีคะคุณพี่ เรียกผู้ชายว่าคุณพี่ จีบปากจีบคอใส่เขา เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาเนอะ เราก็ลืมไปนึกว่าอยู่กับเพื่อนตุ๊ด (หัวเราะ) ผู้ชายเขาก็จะมีภาพความเป็นปนัดดา เรืองวุฒิอยู่ ฉะนั้นถ้าจะมีความรักใหม่จริงๆ น่าจะเป็นคนที่ไม่ได้เข้ามาจีบเพราะเราเป็นปนัดดา เรืองวุฒิค่ะ”

“จริงๆ ไม่มีสเปกนะคะ แฟนที่เคยคบมาก็ไม่เหมือนกันสักคนหนึ่ง จะมีความเหมือนอย่างหนึ่งคือแต่ละคนก็จะมีความเป็นศิลปินในตัวเอง บางคนก็ชอบร้องเพลง บางคนก็เป็นนักแสดง บางคนก็เป็นพิธีกร คือมีความเป็นอาร์ติสต์ในตัวของตัวเอง แต่รูปร่างลักษณะนิสัยภายนอกแตกต่างกันเลย แต่อย่างน้อยขอสะอาด พูดจากันรู้เรื่อง เพราะเราเคยเจอผู้ชายที่คิดว่าผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าหลัง หรือเพราะเขารวย เขาเก่ง”

“ครอบครัวเขาเลิกถามไปนานแล้วค่ะ (หัวเราะ) คือตอนนี้น้องที่เป็นญาติกันมีลูก จนลูกเขามีลูกแล้ว เราก็กลายเป็นคุณย่าแล้ว ดูหลานรีบนะคะ (หัวเราะ) ตอนแรกเป็นแค่ป้ายังรับได้นะ แต่ให้ฉันเป็นย่าเลย แต่ก็ทำใจ ปัจจุบันหลานก็โตแล้ว คุณแม่เราก็เป็นคุณทวดแล้ว ก็อุ้มเหลนแล้ว”